ท้าวกาหลังเป็นตัวละครในบทละครเรื่องดาหลัง เป็นอนุชาองค์ที่ 2 ของท้าวกุเรปัน* มีอนุชาคือท้าวสิงหัดส่าหรี* ท้าวกาหลังมีธิดากับประไหมสุหรีชื่อบุษบาอากง* และธิดาที่เกิดจากมะเดหวีชื่อบุษบาระหนา* ธิดาทั้งสองหมั้นไว้กับโอรสของท้าวสิงหัดส่าหรี คือจินตระวันหนา* และจินดาส่าหรี*ตามลำดับ ท้าวกาหลังมีโอรสชื่อศิริกัน* เกิดจากลิกูมเหสีลำดับที่ 4
ท้าวกาหลังได้รับสารจากท้าวกุเรปันเชษฐาแจ้งว่าระเด่นมนตรี* หรืออิเหนา*ไม่ยอมวิวาห์กับบุษบาก้าโละ*ธิดาท้าวดาหา* เนื่องจากไปหลงรักหญิงชาวไร่ชื่อเกนบุษบาส่าหรี* ท้าวกุเรปันจึงประหารนางเกนบุษบาส่าหรีเสีย อิเหนาโกรธหนีออกจากเมืองไป ท้าวกาหลังเห็นว่าเชษฐาทำไม่ถูกวู่วามเกินไป และอิเหนายังอายุน้อยน่าจะพูดกันดี ๆ ก่อน แต่ก็ทูลกลับไปว่า ถ้าอิเหนามาถึงเมืองกาหลัง*ก็จะช่วยเกลี้ยกล่อมให้
เมื่อระเด่นจะหรังกะหนังโหละ*อนุชาของอิเหนาซึ่งปลอมเป็นโจรป่าชื่อกุดาวิราหยา*กับจินตระวันหนาโอรสท้าวสิงหัดส่าหรีซึ่งปลอมเป็นโจรป่าชื่อว่ามิสาหยังส่าหรี*ออกตามหาอิเหนามาจนถึงเมืองกาหลัง ได้ส่งสารเข้าไปแสดงความเคารพท้าวกาหลังโดยไม่เปิดเผยตัว ท้าวกาหลังต้อนรับอย่างให้เกียรติ เพราะเห็นรูปร่างลักษณะแล้วก็เข้าใจว่าเป็นกษัตริย์ปลอมตัวมา กุดาวิราหยาและมิสาหยังส่าหรีได้รู้จักกับศิริกัน ทั้งสามผูกมิตรกันอย่างมั่นคง จนกระทั่งศิริกันได้เห็นนางอุหลันหยา*ชายาของกุดาวิราหยา ซึ่งกุดาวิราหยาได้นางมาเพราะชนะศึก บิดาของนางจึงยกธิดาให้ ศิริกันลุ่มหลงนางอุหลันหยามาก จึงทูลท้าวกาหลังว่าตนหลงรักนางมากถ้าไม่ได้นางมาเป็นคู่ครองก็คงจะเป็นทุกข์จนถึงแก่ชีวิต ท้าวกาหลังกริ้ว บริภาษโอรสอย่างรุนแรง
ศิริกันอับอายที่บิดาบริภาษตนต่อหน้าแขกเมืองทั้งสองที่ศิริกันเห็นว่าเป็นเพียงปันจุเหร็จ (โจรป่า) จึงไปบำเพ็ญพรตในป่า 7 วัน 7 คืนจนเทวดาลงมาหาและให้เชือกมนตร์*ตามที่ขอ ศิริกันส่งสารไปต่อว่าพระบิดาและท้าทายให้ปันจุเหร็จทั้งสองออกมาต่อสู้ ท้าวกาหลังกริ้วมากจะออกไปต่อสู้เอง กุดาวิราหยาและจินตระวันหนาจึงอาสาออกรบ ด้วยความเข้าใจว่าศิริกันเป็นเพื่อนคงจะพูดกันรู้เรื่อง แต่ศิริกันใช้เชือกมนตร์มัดคนทั้งสองไปขังไว้ในตรุกลางป่า เมื่อท้าวกาหลังทราบก็ออกรบเอง ศิริกันไม่ออกมาสู้หน้า เมื่อท้าวกาหลังไสช้างเข้ามาใกล้ ศิริกันก็สั่งเชือกมนตร์ให้มัดท้าวกาหลังไปขังตรุในป่า
เหตุร้ายที่เกิดขึ้นบันดาลให้อาสน์ของปะตาระกาหลา*แข็งกระด้าง ปะตาระกาหลาจึงไปเข้าฝันมิสาประหมังกุหนิง* (บุษบาก้าโละ) ให้รีบไปช่วยท้าวกาหลังและญาติผู้พี่ผู้น้องทั้งสอง มิสาประหมังกุหนิงเดินทางไปกรุงกาหลังได้อย่างรวดเร็ว เพราะปะตาระกาหลาย่นระยะทางให้ จากที่ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนก็เหลือเพียง 7 วัน ระหว่างทางได้พบกับพี่เลี้ยงกุดาวิราหยาที่พาธิดาเชลยทั้งหลายหนีมา ทั้งสองฝ่ายจึงสมทบกัน จากนั้นจึงให้ประสันตา*นำทางไป มิสาประหมังกุหนิงช่วยพระเจ้าอาและญาติทั้งสองออกมาได้ ท้าวกาหลังไม่รู้ว่าทั้ง 3 คนเป็นหลาน เพราะกุดาวิราหยาบอกว่ามิสาประหมังกุหนิงเป็นน้อง
เมื่อท้าวกาหลังเข้าเมืองได้ก็บอกมิสาประหมังกุหนิงให้จับศิริกันไปฆ่าเสีย ศิริกันถูกมิสาประหมังกุหนิงนำไปประหาร ท้าวกาหลังประทานรางวัลให้กุดาวิราหยา มิสาหยังส่าหรี และมิสาประหมังกุหนิง และรับไว้เป็นโอรสบุญธรรมทั้งชวนให้อยู่ในเมืองกาหลัง
ต่อมาระเด่นบุษบาอากงธิดาท้าวกาหลังไปชมสวน เทวดาซึ่งถูกสาปมาเป็นยักษ์ประสงค์จะให้เชื้อวงศ์เทวาฆ่าตนเพื่อจะได้พ้นคำสาป ยักษ์จึงมาอุ้มนางไป ทั้งสามอาสาไปช่วย ฆ่ายักษ์ตาย พานางบุษบาอากงมาถวายท้าวกาหลังได้
ตอนท้ายเรื่องบรรดานัดดาของท้าวกาหลังรวมทั้งระเด่นมนตรีมาอยู่พร้อมกันที่เมืองกาหลัง โดยที่ท้าวกาหลังไม่รู้ว่าเป็นนัดดา ทุกคนส่งสารไปถึงพระบิดาของตนทั้ง 3 เมืองเพื่อให้มาพบกันที่เมืองกาหลัง