TLD-003-1558
ตักสิลา, พระเจ้า (ชื่อตัวละคร)
เตลปัตตชาดก นิบาตชาดก
พระเจ้าตักสิลาเป็นตัวละครในเรื่องเตลปัตตชาดก เอกนิบาต ในนิบาตชาดก เป็นพระโพธิสัตว์
ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโอรสองค์สุดท้องมีเชษฐา 100 พระองค์ ครั้งนั้นพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาบริโภคภัตตาหารในพระราชวังอยู่เสมอ โพธิสัตว์ราชกุมารอุปัฏฐากด้วยการกรองน้ำให้ ชำระเท้าและทาเท้าปัจเจกพุทธเจ้าด้วยน้ำมันงา แล้วทรงถามพระปัจเจกพุทธเจ้าว่าตนจะมีโอกาสได้ราชสมบัติเมืองนี้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าไม่ได้ แต่ถ้าเดินทางไปถึงเมืองตักสิลาซึ่งอยู่ห่างออกไป 50 โยชน์ พระองค์จะได้ราชสมบัติที่เมืองนั้นในวันที่ 7 นับจากวันที่ถามนั้น แต่ระหว่างทางกลางป่าจะมีอันตรายใหญ่หลวง ถ้าเดินอ้อมป่าไปหนทางไกลถึง 120 โยชน์ แต่ถ้าเดินตัดป่าไปทางตรงหนทางไกลเพียง 50 โยชน์แต่จะมีนางยักขินีทั้งหลายเนรมิตบ้านและศาลาที่พักสะอาดงดงามตกแต่งไว้อย่างดีชวนให้เข้าไปพัก
เมื่อนางยักขินีเห็นบุรุษเดินทางผ่านมาก็พยายามชักชวนยั่วยวนต่างๆ ให้บุรุษเหล่านั้นลุแก่อำนาจกิเลสแล้วก็จับกินเสียทุกคน พระปัจเจกพุทธเจ้าเตือนราชกุมารโพธิสัตว์ว่าให้ระวังพระองค์อย่าเผลอสติทอดพระเนตรนางยักขินี ถ้าดำรงสติเดินไปได้ก็จะได้ราชสมบัติในเมืองตักสิลา ราชกุมารโพธิสัตว์ขอให้พระปัจเจกพุทธเจ้าทำมงคลให้สวมพระเศียรแล้วขอเรียนปริตรสูตรป้องกันอันตราย แล้วลาพระปัจเจกพุทธเจ้า ทูลลาพระบิดามารดา บริวารของพระองค์ 5 นายขอตามเสด็จไปด้วย ราชกุมารห้ามไว้และบอกถึงอันตรายที่นางยักขินีรอประโลมบุรุษด้วยรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส หากลืมสติลืมตนก็จะถูกเคี้ยวกินเป็นภักษาหาร บริวารบุรุษทั้ง 5 นายก็สัญญาอย่างแน่วแน่ ว่าตนจะตามเสด็จด้วยความระมัดระวังไม่หลงผิด ราชกุมารจึงเตือนว่าอย่าประมาทแล้วอนุญาตให้ตามไป
เมื่อผ่านแดนของนางยักขินี นางเหล่านั้นก็จัดสถานที่งดงามมาชักชวน บุรุษซึ่งเป็นผู้ยินดีในรูปก็หลงใหลความงามของนางยักขินี อยู่เสพสมด้วยนางเหล่านั้น ก็ถูกเคี้ยวกินในที่สุด แล้วเหล่านางยักขินีก็พากันไปเนรมิตที่พักงดงามถือเครื่องดนตรีไปบรรเลงดักหน้ารออยู่อีก บุรุษผู้หลงยินดีในเสียงก็หลงใหลอยู่กับนางยักขินีถูกกลืนกินไปอีก พวกนางยักขินีก็นำหน้าไปรออยู่ เนรมิตที่พักและผอบเครื่องหอมนานาชนิด บุรุษผู้หลงกลิ่นหอมก็ถูกนางยักขินีล่อลวงไปฆ่าได้อีก แล้วนางยักขินีก็ทำเช่นเดิม นอกจากจัดที่พักแล้วก็เนรมิตร้านตลาดตั้งภาชนะที่เต็มไปด้วยอาหารทิพย์รสเลิศ บุรุษผู้ยินดีในรสมาถึงร้านอาหารก็หลงเข้าไปให้นางยักขินีเคี้ยวกินอีกรายหนึ่ง แล้วพวกนางยักขินีก็ล่วงหน้าไปเนรมิตศาลาโรงพัก ทำที่นั่งที่นอนอันงามวิจิตรตั้งรอไว้ บุรุษที่หลงยินดีในเรื่องสัมผัสเห็นเข้าก็เดินให้ช้าลง แล้วก็ถูกยักขินีจับกินอีกคนหนึ่ง เหลือราชกุมารพระองค์เดียวที่ยังดำรงพระสติมั่นคงดำเนินต่อไป นางยักขินีตนหนึ่งก็คิดว่าบุรุษผู้นี้ช่างเฉียบแหลมแกล้วกล้า นางจะต้องตามไปหักคอเคี้ยวกินเสียให้จงได้ คิดแล้วก็เนรมิตเพศเป็นหญิงงามราวกับเทพอัปสรเดินตามหลังราชกุมารไป เมื่อเดินทางผ่านคนที่มาทำงานในป่า คนเหล่านั้นก็ถามนางยักขินีว่าเป็นอะไรกับราชกุมาร นางตอบว่าเป็นภรรยา คนเหล่านั้นก็ไปว่าพระราชกุมารว่านางนั้นมีผิวกายดุจทองคำควรที่จะอุ้มไป ราชกุมารตอบว่านางไม่ใช่ภรรยาตนแต่เป็นยักขินีที่กินบุรุษผู้ติดตามพระองค์ไปแล้วถึง 5 คน นางยักขินีเดินตามไปเรื่อยๆ แล้วจำแลงเพศเป็นหญิงมีครรภ์ แล้วมีบุตรอุ้มตามไป ใครถามก็บอกว่าเป็นภรรยาเช่นเดิม พระโพธิสัตว์ก็ตอบเช่นเดิม
จนถึงเมืองตักสิลา พระโพธิสัตว์เข้าไปประทับในศาลาแห่งหนึ่ง ด้วยอำนาจบารมีพระโพธิสัตว์ นางยักขินีตามเข้าไปไม่ได้ จำแลงกายเป็นหญิงงามยืนอยู่ริมประตูศาลา กษัตริย์ผู้ครองกรุงตักสิลาเสด็จประพาสอุทยานผ่านมาเห็นนางก็พอพระทัย ส่งราชบุรุษมาถาม พระโพธิสัตว์แจ้งว่านางเป็นยักขินีไม่ใช่ภรรยา พระราชาเข้าพระทัยว่าสามีนางคงไม่พอใจนาง พระองค์จึงรับนางยักขินีขึ้นช้างพระที่นั่งกลับพระราชวัง ตั้งนางเป็นอัครมเหสี เวลากลางคืนเมื่อร่วมอภิรมย์กับพระราชาแล้ว นางแปลงแสร้งทำเป็นร้องไห้ เมื่อพระราชาถาม นางอ้างว่าพระราชาพบนางตามทาง แต่งตั้งให้เป็นมเหสี นางสนมอื่นๆ อาจมาข่มเหงล่วงเกินนาง ฉะนั้นนางจะขออำนาจสิทธิ์ขาดในราชสมบัติทั้งสิ้นเพื่อไม่ให้ผู้ใดมาดูหมิ่นล่วงเกินได้ พระราชาปฏิเสธ ทรงชี้แจงว่าแม้นครและชาวนครเป็นของพระองค์ แต่พระองค์ไม่ใช่เจ้าหัวใจของคนเหล่านั้น นางก็ขอใหม่ว่าถ้าเช่นนั้นขอเฉพาะอำนาจปกครองผู้ที่อยู่ในพระราชวัง พระเจ้าตักสิลราชกำลังหลงใหลรสสัมผัสอันเป็นทิพย์ก็ประทานให้นางมีอำนาจเหนือคนในวังทั้งหมด นางแปลงพอใจมาก เมื่อพระราชาบรรทมหลับ นางก็กลับไปเมืองยักษ์ เรียกพวกพ้องให้เข้ามาในเมือง ตัวเองไปปลงพระชนม์พระราชาเคี้ยวกินเป็นภักษาหาร บรรดายักขินีทั้งหลายก็จับสัตว์และมนุษย์ในพระราชวังกินจนหมด เหลือแต่กระดูกทิ้งไว้แล้วพากันกลับไป
รุ่งเช้าราษฎรนอกพระนครเห็นประตูวังปิดอยู่จนสายก็แปลกใจ ชวนกันพังประตูเข้าไป ก็ได้เห็นกระดูกกองอยู่เกลื่อนกลาด ก็พากันนึกได้ว่าบุรุษนั้น (คือพระราชกุมาร) กล่าวความจริงที่ว่านางเป็นยักขินี ไม่ใช่ภรรยาของเขา ในคืนนั้นพระราชกุมารโพธิสัตว์ทรงโพกผ้าประเจียดไว้บนพระเศียรสาธยายพระปริตรสูตร พระกรทรงพระขรรค์ประทับยืนอยู่เช่นนั้นตลอดคืน ชาวพระนครตักสิลาช่วยกันชำระล้างพระราชวัง ตบแต่งให้งามวิจิตร แล้วปรึกษากันว่าบุรุษผู้ไม่สนใจนางยักขินีนั้นเป็นผู้สำรวมอินทรีย์ เป็นบุรุษอัศจรรย์ที่กอปรด้วยปรีชาญาณ ควรจะเชิญมาครองราชสมบัติ บำรุงรักษาพระนครสั่งสอนประชาราษฎร์ จึงพร้อมด้วยหมู่อำมาตย์ผู้ใหญ่ไปเฝ้าราชกุมารโพธิสัตว์ เชิญให้เสวยราชสมบัติเมืองตักสิลา เป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่าพระเจ้าตักสิลา ทรงครองราชย์โดยทศพิธราชธรรม ทรงเว้นจากอคติ 4 ประการ และบำเพ็ญโพธิสมภารบารมี บริจาคทาน เป็นต้น ตลอดพระชนม์ชีพ
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory