กฏาหกเป็นตัวละครในเรื่องกฏาหกชาดก เอกนิบาต ในนิบาตชาดก เป็นลูกทาส
ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นมหาเศรษฐี ภรรยามหาเศรษฐีคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และทาสีก็คลอดบุตรชายคนหนึ่ง มหาเศรษฐีให้เด็กทั้งสองศึกษาในสำนักอาจารย์เดียวกัน ลูกทาสนั้นชื่อกฏาหก เป็นเด็กฉลาดและรูปงาม เมื่อโตขึ้นก็ได้ทำหน้าที่ภัณฑาคาริกผู้เก็บรักษาคลังพัสดุของมหาเศรษฐี วันหนึ่งกฏาหกไม่อยากเป็นทาสอีกต่อไปจึงปลอมลายมือมหาเศรษฐีเขียนจดหมายถึงเศรษฐีที่เป็นเพื่อนของมหาเศรษฐี ขอให้ยกธิดาให้บุตรชาย กฏาหกประทับตราของมหาเศรษฐีที่จดหมาย แล้วจัดแจงเสบียงลอบหนีไปยังบ้านของเพื่อนมหาเศรษฐีที่ปัจจันตชนบท เศรษฐีได้อ่านจดหมายก็ยกธิดาให้เป็นภรรยากฏาหก
กฏาหกมีนิสัยชอบติเตียนผู้อื่นทั้งเรื่องอาหารการกินและเครื่องนุ่งห่ม โดยมักตำหนิว่าสิ่งที่ภรรยาจัดหาให้นั้นเป็นของชนบท ไม่ดีเหมือนของพระนคร ฝ่ายมหาเศรษฐีโพธิสัตว์ไม่เห็นทาสกฏาหกก็ให้คนออกตามหา เมื่อรู้ว่าลอบหนีไปอยู่ปัจจันตชนบทก็ออกติดตามไปจับตัว กฏาหกรู้ข่าวก็บอกคนในบ้านว่าจะขอออกไปทำหน้าที่ปรนนิบัติบิดาแล้วรีบออกไปรับหน้ามหาเศรษฐี เข้าไปปรนนิบัติรับใช้เหมือนทาสดังเดิม แล้วเล่าความจริงให้ฟัง มหาเศรษฐีเห็นใจกฏาหกจึงรับปากว่าจะไม่เปิดเผยความจริง
วันหนึ่งขณะที่มหาเศรษฐีโพธิสัตว์พักอยู่ในบ้านเศรษฐีที่เป็นเพื่อน มหาเศรษฐีเรียกภรรยาของกฏาหกมาถามว่าอยู่กับสามีมีความสุขดีหรืออย่างไร นางตอบว่ากฏาหกไม่มีข้อเสียเรื่องอื่นนอกจากชอบทำท่าโอ้อวดตำหนิเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม มหาเศรษฐีโพธิสัตว์จึงให้นางตั้งใจจดจำมนตร์บทหนึ่งไว้กล่าวเพื่อปิดปากกฏาหกเมื่อเอ่ยติเตียนอาหารและผ้านุ่งผ้าห่ม มนตร์นั้นมีใจความโดยสังเขปว่าบุคคลใดไปอยู่ในชนบทอื่น ไม่มีใครรู้จักชาติกำเนิด บุคคลนั้นกล่าวโอ้อวดติเตียนเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ระวังเจ้าของเงินจะตามมาประทุษร้าย ขอให้บริโภคอาหารเสีย กฏาหกได้ฟังก็เข้าใจว่ามหาเศรษฐีประกาศชาติกำเนิดของตนให้ธิดาเศรษฐีรู้แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ละความเย่อหยิ่ง ไม่กล้าติเตียนอาหารและเครื่องนุ่งห่มอีกต่อไปกฏาหกเป็นตัวละครในเรื่องกฏาหกชาดก เอกนิบาต ในนิบาตชาดก เป็นลูกทาส
ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นมหาเศรษฐี ภรรยามหาเศรษฐีคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และทาสีก็คลอดบุตรชายคนหนึ่ง มหาเศรษฐีให้เด็กทั้งสองศึกษาในสำนักอาจารย์เดียวกัน ลูกทาสนั้นชื่อกฏาหก เป็นเด็กฉลาดและรูปงาม เมื่อโตขึ้นก็ได้ทำหน้าที่ภัณฑาคาริกผู้เก็บรักษาคลังพัสดุของมหาเศรษฐี วันหนึ่งกฏาหกไม่อยากเป็นทาสอีกต่อไปจึงปลอมลายมือมหาเศรษฐีเขียนจดหมายถึงเศรษฐีที่เป็นเพื่อนของมหาเศรษฐี ขอให้ยกธิดาให้บุตรชาย กฏาหกประทับตราของมหาเศรษฐีที่จดหมาย แล้วจัดแจงเสบียงลอบหนีไปยังบ้านของเพื่อนมหาเศรษฐีที่ปัจจันตชนบท เศรษฐีได้อ่านจดหมายก็ยกธิดาให้เป็นภรรยากฏาหก
กฏาหกมีนิสัยชอบติเตียนผู้อื่นทั้งเรื่องอาหารการกินและเครื่องนุ่งห่ม โดยมักตำหนิว่าสิ่งที่ภรรยาจัดหาให้นั้นเป็นของชนบท ไม่ดีเหมือนของพระนคร ฝ่ายมหาเศรษฐีโพธิสัตว์ไม่เห็นทาสกฏาหกก็ให้คนออกตามหา เมื่อรู้ว่าลอบหนีไปอยู่ปัจจันตชนบทก็ออกติดตามไปจับตัว กฏาหกรู้ข่าวก็บอกคนในบ้านว่าจะขอออกไปทำหน้าที่ปรนนิบัติบิดาแล้วรีบออกไปรับหน้ามหาเศรษฐี เข้าไปปรนนิบัติรับใช้เหมือนทาสดังเดิม แล้วเล่าความจริงให้ฟัง มหาเศรษฐีเห็นใจกฏาหกจึงรับปากว่าจะไม่เปิดเผยความจริง
วันหนึ่งขณะที่มหาเศรษฐีโพธิสัตว์พักอยู่ในบ้านเศรษฐีที่เป็นเพื่อน มหาเศรษฐีเรียกภรรยาของกฏาหกมาถามว่าอยู่กับสามีมีความสุขดีหรืออย่างไร นางตอบว่ากฏาหกไม่มีข้อเสียเรื่องอื่นนอกจากชอบทำท่าโอ้อวดตำหนิเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม มหาเศรษฐีโพธิสัตว์จึงให้นางตั้งใจจดจำมนตร์บทหนึ่งไว้กล่าวเพื่อปิดปากกฏาหกเมื่อเอ่ยติเตียนอาหารและผ้านุ่งผ้าห่ม มนตร์นั้นมีใจความโดยสังเขปว่าบุคคลใดไปอยู่ในชนบทอื่น ไม่มีใครรู้จักชาติกำเนิด บุคคลนั้นกล่าวโอ้อวดติเตียนเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ระวังเจ้าของเงินจะตามมาประทุษร้าย ขอให้บริโภคอาหารเสีย กฏาหกได้ฟังก็เข้าใจว่ามหาเศรษฐีประกาศชาติกำเนิดของตนให้ธิดาเศรษฐีรู้แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ละความเย่อหยิ่ง ไม่กล้าติเตียนอาหารและเครื่องนุ่งห่มอีกต่อไป