TLD-003-1882
ทิศาปาโมกข์โพธิสัตว์ 7 (ชื่อตัวละคร)
อสาตมันตชาดก นิบาตชาดก
ทิศาปาโมกข์โพธิสัตว์เป็นตัวละครในเรื่องอสาตมันตชาดก เอกนิบาต ในนิบาตชาดก
ครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติในตระกูลพราหมณ์ ณ เมืองตักสิลา เมื่อเรียนสำเร็จไตรเพทรู้ศิลปวิทยาทั้งปวงแล้วก็ได้เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์อยู่ที่ตักสิลานั้น
ครั้งนั้นตระกูลพราหมณ์ในเมืองพาราณสีมีบุตรคนหนึ่ง บิดามารดานำไฟในวันที่บุตรเกิดมาตั้งบูชาไว้ในเรือนมิให้ดับ จนบุตรอายุได้ 16 ปี จึงบอกบุตรว่าที่บิดามารดาเก็บไฟบูชาไว้นั้นก็เพื่อจะให้บุตรเลือกการดำเนินชีวิต คือถ้าปรารถนาจะไปเกิดในพรหมโลกก็ให้นำไฟเข้าป่าแล้วบูชาไฟ แต่ถ้าต้องการจะครองเรือนก็ให้ไปเมืองตักสิลา เรียนศิลปศาสตร์ในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แล้วกลับมารวบรวมทรัพย์ไว้เลี้ยงตัว
ฝ่ายบุตรก็ตอบว่าตนจะไม่บูชาไฟแต่จะครองเรือนรักษาทรัพย์ แล้วก็นำทรัพย์ 1,000 เป็นอาจาริยภาค (ค่าจ้าง) แล้วไปตักสิลาเรียนสำเร็จแล้วก็กลับมา บิดามารดานั้นอยากให้บุตรไปบูชาไฟในป่า เมื่อบุตรอยากจะครองเรือนก็เข้าใจว่าบุตรคงจะยินดีผูกพันกับสตรี มารดาของมาณพนั้นต้องการให้บุตรรู้จักโทษของสตรีเพื่อบุตรจะได้ไปบูชาไฟ จึงถามบุตรว่าได้เรียนอสาตมนตร์หรือไม่ เมื่อบุตรตอบว่ายังไม่ได้เรียน มารดาจึงบอกให้ไปเรียนอสาตมนตร์กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์คนเดิม เพราะหวังว่าอาจารย์ผู้นั้นจะแสดงโทษของสตรีให้บุตรของตนรู้ มาณพจึงเดินทางไปตักสิลาอีก
พระโพธิสัตว์ทิศาปาโมกข์มีมารดาเป็นหญิงชราตาบอดอายุถึง 120 ปี อาจารย์ทิศาปาโมกข์ปรนนิบัติมารดาด้วยตนเอง อาบน้ำชำระกายให้มารดา ป้อนข้าวป้อนน้ำ คนอื่นๆ รังเกียจมารดาของพระโพธิสัตว์และพลอยเกลียดชังพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์จึงพามารดาไปอยู่ป่า เตรียมเสบียงอาหารไปพร้อมแล้วปรนนิบัติมารดาอย่างสม่ำเสมอ มาณพไปตามหาอาจารย์พระโพธิสัตว์แล้วขอเรียนอสาตมนตร์ พระโพธิสัตว์ผู้เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ถามว่าใครบอกให้มาเรียนอสาตมนตร์ เมื่อรู้ว่ามารดาของศิษย์เป็นผู้บอก พระโพธิสัตว์ก็หยั่งรู้ว่ามารดาของมาณพนั้นต้องการจะให้บุตรของตนรู้จักโทษของสตรี พระโพธิสัตว์บอกศิษย์ว่าจะสอนอสาตมนตร์ให้ แล้วบอกมาณพว่าให้ปรนนิบัติมารดาของอาจารย์อย่างที่อาจารย์ทำ คือให้อาบน้ำชำระกาย ป้อนข้าวและน้ำ เมื่อนวดฟั้นมือ เท้า ศีรษะ หรือหลังของมารดาอาจารย์ให้พูดสรรเสริญอวัยวะต่างๆ ของมารดาตนว่า แม้นางจะชราแล้วสรีรกายก็ยังงามขนาดนี้ ในวัยสาวนั้นจะเป็นเช่นใด และถ้ามารดาของอาจารย์พูดว่าอย่างไร มาณพตอบว่าอย่างไรก็ให้นำมาบอกตนทั้งหมด อย่าได้อายหรือปกปิด ทำเช่นนี้จึงจะได้อสาตมนตร์ มาณพก็ปฏิบัติตามคำอาจารย์ทุกประการ เมื่อมาณพสรรเสริญสรีรกายของมารดาอาจารย์อยู่เนืองๆ กิเลสก็บังเกิดขึ้นภายในจิตของนางและนางเข้าใจว่ามาณพผู้นี้ปรารถนาจะร่วมอภิรมย์กับตน
วันหนึ่งจึงถามมาณพนั้นว่าต้องการจะร่วมอภิรมย์กับตนใช่หรือไม่ มาณพตอบว่าตนปรารถนามากแต่เกรงอาจารย์ นางบอกว่าถ้ามาณพปรารถนานาง ก็ให้ฆ่าบุตรของนางเสีย มาณพตอบว่าตนเป็นศิษย์จะเห็นแก่กิเลสแล้วฆ่าอาจารย์เสียนั้นย่อมไม่สมควร นางจึงบอกว่าถ้ามาณพไม่ทิ้งนาง นางก็จะฆ่าบุตรด้วยตนเอง มาณพบอกคำพูดทั้งหมดแก่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เล็งดูอายุสังขารของมารดาแล้วก็รู้ว่ามารดาจะสิ้นชีวิตในวันนั้น จึงบอกมาณพให้ไปตัดไม้มะเดื่อมาทำเป็นรูปหุ่นขนาดเท่าคน เอามาวางบนที่นอนของพระโพธิสัตว์แล้วใช้ผ้าคลุมไว้ ผูกราวเชือกให้ถือได้ แล้วให้เอาขวานไปให้มารดาของตน มาณพทำตามทุกประการ นางย้ำถามว่ามาณพไม่ทิ้งนางแน่หรือไม่ เมื่อมาณพรับคำนางก็ถือขวานเดินงกเงิ่นเกาะราวเชือกเดินไปจนถึงหุ่นที่นอนอยู่ ใช้ขวานฟันลงไปที่คอหุ่น พอขวานกระทบไม้ นางก็รู้ว่าเป็นรูปหุ่น
ขณะนั้นพระโพธิสัตว์ก็ร้องถามว่ามารดาทำอะไร นางรู้ตัวว่าถูกลวงก็ล้มลงถึงแก่ความตาย ณ ที่นั้น ในวันนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใดหรือทำสิ่งใดนางก็จะต้องสิ้นชีวิต
เมื่อปลงศพมารดาและบูชาด้วยดอกไม้แล้ว พระโพธิสัตว์ทิศาปาโมกข์ก็พามาณพมานั่งในบรรณศาลา สอนว่าไม่มีมนตร์ที่ชื่อว่าอสาตมนตร์ แต่สตรีทั้งหลายได้ชื่อว่าอสาตาหมายถึงว่าสตรีนั้นไม่มีสติ มีความปรารถนาไม่จืดจาง ที่มารดาของมาณพส่งมาเรียนอสาตมนตร์ก็เพราะต้องการให้บุตรรู้จักโทษของสตรี บัดนี้มาณพก็ได้ประจักษ์แล้วโดยได้เห็นโทษจากมารดาของตน สอนเสร็จแล้วก็ให้มาณพกลับไป มาณพกลับไปหาบิดามารดาบอกว่าตนได้เรียนอสาตมนตร์แล้วได้เห็นโทษของสตรีแล้ว สตรีได้ชื่อว่าอสาตาเพราะให้ความทุกข์แก่ผู้รักใคร่ตน คือสตรีนั้นเป็นวัตถุที่ตั้งแห่งความทุกข์ของบุรุษผู้มีความรักใคร่ในหญิงนั้น
ดังนั้นมาณพจึงไม่ปรารถนาจะครองเรือนอีกแต่จะบวชบูชาไฟ แล้วลาบิดามารดาไปบวช เมื่อสิ้นชีวิตก็ไปเกิดในพรหมโลก
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory