โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. กรกัณฑ์, พระเจ้า

กรกัณฑ์, พระเจ้า

  • กรกัณฑ์, พระเจ้า
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-0051
ชื่อ
กรกัณฑ์, พระเจ้า ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
กุมภการชาดก  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง
พระเจ้ากรกัณฑ์เป็นตัวละครในเรื่องกุมภการชาดก  สัตตกนิบาต  ในนิบาตชาดก  เป็นพระราชาเมืองทันตปุระ*  แคว้นกลิงคราฐ*
 
ครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติเมืองพาราณสี   พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติในตระกูลช่างปั้นหม้อ  อาศัยอยู่ในตำบลบ้านใกล้ประตูเมืองพาราณสี    เมื่อเจริญวัยประกอบอาชีพปั้นหม้อขายจนมีทรัพย์สมบัติ  ช่างปั้นหม้อมีภรรยาคนหนึ่งและมีบุตรธิดาอย่างละคน   
 
ครั้งนั้นพระเจ้ากรกัณฑ์ทรงช้างต้นประพาสอุทยาน  ทรงเก็บผลมะม่วงพวงหนึ่งประทานแก่ข้าราชบริพารแล้วจึงเสวยเอง   ตั้งแต่นั้นมาคนทั้งหลายเข้าใจว่านอกจากพระราชาแล้วใครๆ อาจเก็บผลมะม่วงได้  ก็พากันไปเขย่าต้นมะม่วงให้ผลหล่น  บ้างก็สอย  บ้างก็ปีนต้น   บ้างก็ขว้างปาด้วยไม้หรือก้อนดิน  ในที่สุดแม้ผลดิบๆ ก็ไม่เหลือ   ครั้นพระเจ้ากรกัณฑ์ประพาสอุทยานอีกครั้งหนึ่งในเวลาเย็น  ทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงมีกิ่งก้านหักยับปราศจากผลก็พิจารณาว่าเมื่อเช้าต้นมะม่วงยังเขียวชอุ่มมีผลดกงดงามน่าชม   บัดนี้มีผู้ทำลายให้หักย่อยยับเก็บเอาผลไปเสียหมดดูไม่งดงาม   เมื่อทอดพระเนตรต้นมะม่วงต้นอื่นที่ไม่มีผลยังมีกิ่งก้านสมบูรณ์อยู่  จึงดำริว่าต้นมะม่วงที่งดงามอยู่ได้เพราะเป็นไม้ไม่มีผล  แต่ต้นที่ทรุดโทรมพินาศเพราะมีผล  ราชสมบัติก็เหมือนกับต้นมะม่วงที่มีผล  การบรรพชาเหมือนกับต้นมะม่วงที่ไม่มีผล  ขณะที่ยืนใต้ต้นมะม่วงนั้นพระเจ้ากรกัณฑ์กำหนดพิจารณาไตรลักษณญาณเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานจนได้ปัจเจกพุทธญาณเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า  พระองค์ยกพระหัตถ์ขึ้นลูบพระเศียร   เพศคฤหัสถ์ก็กลายเป็นสมณเพศ  ทรงผ้ากาสาวพัสตร์พร้อมอัฏฐบริขารเหาะไปประทับที่เขานันทมูลกะในป่าหิมพานต์
 
ในเวลานั้นพระราชาองค์หนึ่งนามว่านัคคฏี*  ครองเมืองตักสิลา*ในแคว้นคันธารราฐ*  พระองค์ประทับราชอาสน์ในปราสาท  ทอดพระเนตรเห็นหญิงผู้หนึ่งสวมกำไลข้อมือแก้วมณีข้างละอันนั่งบดเครื่องหอมอยู่   พระราชาดำริว่ากำไลไม่กระทบกันให้เกิดเสียงดังเพราะอยู่คนละข้าง  ต่อมาหญิงผู้นั้นถอดกำไลข้อมือขวารวมกับข้างข้อมือซ้ายและใช้มือบดเครื่องหอม   กำไลก็กระทบกันเสียงดังขึ้น   พระเจ้านัคคฏีดำริว่ากำไลนี้เมื่ออยู่ต่างที่กันย่อมไม่เกิดเสียง  ต่อเมื่อรวมกันและกระทบกันจึงเกิดเสียงได้  เช่นเดียวกับสรรพสัตว์ถ้าต่างคนต่างอยู่คงไม่ทะเลาะวิวาทกัน  การปกครองหมู่ชนย่อมทำให้เกิดความทุกข์กังวล  ยากที่จะระงับภยันตรายและเลี่ยงให้พ้นศัตรูได้   พระเจ้านัคคฏีกำหนดถือเอากำไลที่กระทบกันเสียงดังนั้นเป็นอารมณ์  พิจารณาไตรลักษณญาณเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานจนได้ปัจเจกญาณเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า  เหาะไปประทับที่เขานันทมูลกะในป่าหิมพานต์ 
 
ครั้งนั้นพระราชาองค์หนึ่งนามว่าเนมิราช*  ครองราชสมบัติเมืองมิถิลา* แคว้นวิเทหะ*   วันหนึ่งพระองค์เสวยกระยาหารเช้าแล้วประทับที่พระแกลพร้อมบริวาร  เหยี่ยวตัวหนึ่งคาบชิ้นเนื้อที่ใช้เลี้ยงสุนัขบินหนีไป  มีหมู่นกเป็นต้นว่าแร้งและกาบินตามรุมล้อมจิกตีแย่งชิ้นเนื้อนั้น   เหยี่ยวทนเจ็บไม่ได้ก็ปล่อยชิ้นเนื้อให้นกตัวอื่นคาบไป   นกตัวที่ไม่ได้ชิ้นเนื้อก็ตามจิกตีแย่งต่อๆ ไปอีก  พระเจ้าเนมิราชดำริว่าบุคคลที่ยังถือมั่นกามคุณ 5  เหมือนนกที่คาบชิ้นเนื้อย่อมมีทุกข์ภัยอันใหญ่หลวง  ผู้ละความยินดีในกามคุณเหมือนนกที่ละชิ้นเนื้อแล้วย่อมมีความสุข  พระองค์กำหนดถือพระไตรลักษณ์มาพิจารณาเป็นอารมณ์แล้วเจริญวิปัสสนาจนสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า และเหาะไปประทับที่เขานันทมูลกะในป่าหิมพานต์
 
พระราชาอีกองค์หนึ่งนามว่าทุมมุขะ* ครองราชสมบัติเมืองกบิลนคร*แคว้นอุตตรปัญจาล*  วันหนึ่งเสวยกระยาหารเช้าแล้วประทับที่สีหบัญชรทอดพระเนตรพระลานหลวง  คนเลี้ยงโคเปิดประตูคอกปล่อยโคออกไปหากิน  โคตัวผู้ทั้งหลายพากันวิ่งตามโคตัวเมียตัวหนึ่งไป   โคตัวผู้ตัวหนึ่งเข้าใกล้นางโคและถูกโคตัวผู้อีกตัวหนึ่งขวิดตายด้วยความหวงแหน   พระเจ้าทุมมุขะดำริว่าแม้สัตว์เดรัจฉานก็มีทุกข์ภัยได้เพราะอำนาจกิเลส  พระองค์ทรงกำหนดถือพระไตรลักษณ์มาพิจารณาเป็นอารมณ์  เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานจนได้บรรลุปัจเจกโพธิญาณเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า  แล้วเหาะไปประทับที่เขานันทมูลกะในป่าหิมพานต์
 
ต่อมาวันหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์เสด็จบิณฑบาตที่หมู่บ้านใกล้ประตูเมืองพาราณสี  ช่างปั้นหม้อโพธิสัตว์เห็นก็เกิดความเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้เข้าไปในเรือนตน  ถวายภัตตาหารอันประณีตแล้วถามว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งสี่พิจารณาสิ่งใดเป็นอารมณ์จึงได้ออกบรรพชา  ครั้นได้ฟังเหตุแล้วช่างปั้นหม้อก็เบื่อหน่ายในเพศฆราวาส  วันหนึ่งเรียกภรรยามาสั่งให้ดูแลบ้านเรือนและบุตรเพื่อที่ตนจะออกบวช   ภรรยาช่างปั้นหม้อเมื่อได้ฟังธรรมกถาของพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วก็คิดจะละเพศฆราวาสเช่นกันและคิดหนีไปบวชก่อน   นางลวงสามีว่าจะไปตักน้ำที่ท่าแล้วหนีไปบวชในสำนักพระดาบส   ช่างปั้นหม้อจึงต้องอยู่เลี้ยงบุตร 2 คนต่อไป  เมื่อบุตรเติบโตขึ้นช่างปั้นหม้อทดสอบว่าบุตรสามารถเลี้ยงดูตนเองได้แล้วก็ออกบวชเป็นฤๅษีจนได้ฌานอภิญญาสมาบัติ  เมื่อสิ้นชีวิตแล้วได้ไปบังเกิดในพรหมโลก
ผู้เรียบเรียง
เสาวณิต วิงวอน 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store