TLD-003-1987
ธรรมธชะ (ชื่อตัวละคร)
ธรรมธชชาดก นิบาตชาดก
ธรรมธชะเป็นตัวละครในเรื่องธรรมธชชาดก ทุกนิบาต ในนิบาตชาดก เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นปุโรหิตของพระเจ้ายสปาณี*แห่งเมืองพาราณสี
พระเจ้ายสปาณีทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม แต่กาฬ*เสนาบดี (บางแห่งว่ากาฬกะ*) เป็นผู้พิพากษาที่รับสินบน ตัดสินคดีความอย่างไม่เป็นธรรม
วันหนึ่งผู้คนที่แพ้คดีพากันไปเล่าความทุกข์ร้อนของตนให้ธรรมธชปุโรหิตฟัง ธรรมธชปุโรหิตจึงนำสำนวนคดีมาพิจารณาใหม่และกลับคำตัดสินให้ผู้ถูกต้องเป็นฝ่ายชนะ คนทั้งหลายต่างพากันกล่าวสาธุการอย่างเอิกเกริก พระเจ้ายสปาณีได้ยินก็สอบถามราชบุรุษ เมื่อรู้ว่าธรรมธชปุโรหิตตัดสินคดีความอย่างยุติธรรมก็ตั้งให้เป็นผู้พิพากษา
ฝ่ายกาฬเสนาบดีเมื่อไม่ได้รับสินบนก็ไปทูลยุยงว่าธรรมธชปุโรหิตสะสมกำลังคนเพื่อจะชิงราชสมบัติ พระเจ้ายสปาณีหลงเชื่อ แต่ไม่รู้จะลงโทษธรรมธชปุโรหิตได้อย่างไร กาฬเสนาบดีจึงทูลอุบายว่าให้ธรรมธชปุโรหิตทำการอย่างหนึ่งให้สำเร็จภายใน 1 วัน หากทำไม่ได้ต้องถูกประหารชีวิต ครั้งแรกพระเจ้ายสปาณีสั่งให้ธรรมธชปุโรหิตสร้างอุทยาน
ต่อมาให้สร้างสระโบกขรณีที่ล้วนไปด้วยแก้ว 7 ประการ จากนั้นให้สร้างปราสาทงาล้วน และสุดท้ายให้หาดวงแก้วมณีสำหรับปราสาท ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) รู้เรื่องจึงเนรมิตสิ่งต่างๆ ให้ได้ทุกครั้ง กาฬเสนาบดีคิดว่าคงมีเทวดาคอยช่วยเหลือ จึงทูลพระเจ้ายสปาณีให้ธรรมธชปุโรหิตหาผู้ที่บริบูรณ์ด้วยองค์ 4 มารักษาอุทยาน ธรรมธชปุโรหิตรู้ว่าท้าวสักกเทวราชไม่สามารถเนรมิตบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวได้ จึงหนีเข้าป่าไปแล้วตั้งใจจะตายอยู่ที่นั่น ท้าวสักกเทวราชรู้เรื่องก็แปลงเป็นคนเที่ยวป่าเข้าไปหาและแนะให้พาช่างกัลบก (ช่างตัดผม) ชื่อฉัตตปาณี*ไปเฝ้าเพราะเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยองค์ 4 พระเจ้ายสปาณีทรงถามว่าผู้ที่บริบูรณ์ด้วยองค์ 4 นั้นเป็นอย่างไร ฉัตตปาณีทูลตอบว่าคือผู้ที่ไม่มีความริษยา ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่มีความสิเนหา และไม่มีความโกรธ
เมื่อพระเจ้ายสปาณีถามสาเหตุที่ฉัตตปาณีไม่มีความริษยา ฉัตตปาณีเล่าว่าในอดีตชาติตนเกิดเป็นพระเจ้าพรหมทัตครองเมืองพาราณสี มเหสีผู้ล่วงประเวณีกับข้าบาทมูล 64 คน ไม่พอใจที่ปุโรหิตไม่ทำตามความประสงค์ จึงใส่ร้ายและยุให้จับปุโรหิตมัดไว้ เมื่อปุโรหิตทูลถึงความผิดของมเหสีจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว ได้ทูลขออภัยโทษให้ทุกคน พระเจ้าพรหมทัตก็ยกโทษให้และอธิษฐานว่าไม่ให้ตนติดข้องอยู่ในความริษยาอีก
ครั้นพระเจ้ายสปาณีถามว่าเหตุใดฉัตตปาณีจึงไม่ดื่มน้ำเมา ฉัตตปาณีเล่าว่าในอดีตชาติตนเกิดเป็นพระเจ้าพรหมทัตครองเมืองพาราณสี โปรดเสวยชิ้นเนื้อมากแม้จะเป็นวันอุโบสถ พ่อครัวจึงซื้อเนื้อเตรียมไว้ก่อน แต่สุนัขมาลักไปกิน พ่อครัวจึงไปทูลพระมเหสี นางบอกว่าจะให้พาโอรสไปเฝ้าในเวลาเสวย พระเจ้าพรหมทัตจะได้กอดจูบโอรสด้วยความรักใคร่จนไม่สนใจว่าในกระยาหารมีเนื้อหรือไม่ แต่ในขณะนั้นพระเจ้าพรหมทัตเมาสุรา เมื่อเห็นว่าไม่มีชิ้นเนื้อก็หักคอโอรสให้พ่อครัวนำไปทำกระยาหารถวาย วันรุ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าโอรสสิ้นพระชนม์ พระเจ้าพรหมทัตก็กันแสงด้วยความเสียพระทัยแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่าจะไม่ดื่มสุราอีก ต่อมาพระเจ้ายสปาณีถามว่าเหตุใดฉัตตปาณีจึงไม่มีความสิเนหารักใคร่ ฉัตตปาณีเล่าว่าในอดีตชาติตนเป็นพระราชาชื่อกีตวาสะ*ครองเมืองพาราณสี เมื่อมเหสีประสูติโอรส หมอผู้ทายลักษณะทูลว่าโอรสจะอดน้ำตาย พระองค์จึงทรงตั้งชื่อโอรสว่าทุฏฐกุมาร* สั่งให้ขุดสระโบกขรณีไว้ที่ประตูทั้ง 4 ทิศ ให้ทำปะรำที่สี่แยกแล้วตั้งตุ่มน้ำไว้ เช้าวันหนึ่งทุฏฐกุมารไปประพาสอุทยาน พบพระปัจเจกพุทธเจ้า มหาชนที่ตามเสด็จพากันกราบไหว้ ทุฏฐกุมารโกรธที่มหาชนเห็นพระปัจเจกสำคัญกว่า จึงแย่งบาตรขว้างลงพื้น เหยียบย่ำภัตตาหาร แล้วกล่าวท้าทาย พระปัจเจกพุทธเจ้าแลดูหน้าพระกุมารแล้วเหาะกลับไปยังถ้ำเขานันทมูลกะในป่าหิมพานต์
ด้วยผลกรรมนั้นทำให้ร่างกายของทุฏฐกุมารรุ่มร้อน อยากเสวยน้ำ มหาชนทั้งหลายเที่ยวหาน้ำตามที่ต่างๆ แต่น้ำกลับแห้งไปหมด เมื่อไม่ได้ดื่มน้ำทุฏฐกุมารก็สิ้นพระชนม์แล้วไปเกิดในอเวจีมหานรก พระเจ้ากีตวาสะเสียพระทัยมาก อธิษฐานว่าต่อไปจะไม่มีความรักอีกเพราะความรักทำให้เกิดทุกข์ พระเจ้ายสปาณีถามว่าเหตุใดฉัตตปาณีจึงไม่มีความโกรธ ฉัตตปาณีตอบว่าในอดีตชาติตนเกิดเป็นดาบสชื่ออรกะ ได้เจริญเมตตาภาวนาเป็นเวลา 7 ปี แม้ไปเกิดในพรหมโลกอยู่ 7 กัลป์ก็ยังปฏิบัติอยู่เช่นเดิม ดังนั้นจึงเป็นผู้ไม่มีความโกรธ เมื่อฉัตตปาณีทูลจบ พระเจ้ายสปาณีก็ให้สัญญาณ ราชบริษัทและอำมาตย์ทั้งหลายต่างก็พากันด่าว่ากาฬเสนาบดี ปาก้อนหินและท่อนไม้ใส่จนตาย แล้วก็ลากศพไปทิ้งไว้ในกองขยะ นับแต่นั้นมาพระเจ้ายสปาณีก็ดำรงอยู่ในธรรมจวบจนสิ้นพระชนม์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory