TLD-003-2019
นกสุวโปดก (ชื่อตัวละคร)
อัพภันตรชาดก นิบาตชาดก
นกสุวโปดกเป็นตัวละครในเรื่องอัพภันตรชาดก ติกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติอยู่ในตระกูลพราหมณ์ในกาสิกคาม เมื่อเจริญวัยได้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ ณ เมืองตักสิลา เมื่อสำเร็จแล้วก็กลับมาครองเรือน ครั้นบิดามารดาสิ้นชีวิตพราหมณ์โพธิสัตว์ก็ออกบวชเป็นดาบสในป่าหิมพานต์จนสำเร็จอภิญญาสมาบัติ เป็นอาจารย์มีศิษย์ดาบสเป็นบริวาร
ต่อมามีความปรารถนาจะบริโภคอาหารที่มีรสเค็มรสเปรี้ยวจึงลงจากเชิงเขาเที่ยวไปจนถึงเมืองพาราณสี เข้าไปพักอยู่ในอุทยาน ด้วยเดชานุภาพศีลคุณของดาบสโพธิสัตว์ทำให้พิภพของท้าวสักกเทวราชสะเทือนไหว ท้าวสักกเทวราชจึงดำริว่าเพื่อความสำราญของตน จะทรงรบกวนมิให้เหล่าดาบสมีจิตสงบแน่วแน่อยู่อย่างเป็นสุข จึงวางแผนไว้ว่าจะเข้าไปปรากฏกายลอยอยู่ในห้องบรรทมของอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต แล้วจะบอกอัครมเหสีว่าถ้านางได้เสวยมะม่วงสุกที่ชื่ออัพภันดร (มะม่วงต้นที่ตั้งอยู่ระหว่างต้นมะม่วงทั้งสอง) นางจะมีโอรสเป็นพระเจ้าบรมจักรพรรดิราชและจะเป็นที่เสน่หาของพระสวามี อัครมเหสีจะได้ทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ใช้ราชบุรุษไปนำมะม่วงในอุทยานมาถวาย ส่วนตนก็จะบันดาลให้มะม่วงหายไป ราชบุรุษจะได้ไปทูลพระเจ้าพรหมทัตว่าเหล่าดาบสฉันมะม่วงหมด พระเจ้าพรหมทัตจะได้ทรงขับไล่พวกดาบสออกจากอุทยาน เมื่อท้าวสักกเทวราชดำริเช่นนี้แล้วตกกลางคืนก็เสด็จมาดำเนินตามแผนที่วางไว้แล้วเสด็จกลับเทวโลก
รุ่งขึ้นพระมเหสีแสร้งทำเป็นประชวรไม่ขึ้นเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ก็เสด็จไปหานางถึงห้องบรรทม นางทูลตามที่ท้าวสักกเทวราชแนะนำ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนสมความปรารถนาของท้าวสักกเทวราชทุกประการ
ส่วนพระมเหสียังคงคิดแต่จะเสวยมะม่วงอัพภันดรให้ได้ พระเจ้าพรหมทัตทรงปรึกษาเหล่าอำมาตย์และพราหมณ์ว่ามีมะม่วงอัพภันดรอยู่ที่ไหนอีก อำมาตย์และพราหมณ์ทั้งปวงทูลว่าพวกตนได้ยินเล่าสืบต่อกันมาว่าในป่าหิมพานต์มีมะม่วงอัพภันดรซึ่งเป็นผลไม้เสวยของเทวดาอยู่ที่ใต้ถ้ำภูเขาทองอันเป็นสถานที่ที่มนุษย์ไม่อาจไปถึงได้นอกจากนกสุวโปดก พระเจ้าพรหมทัตจึงให้นำนกสุวโปดกตัวหนึ่งในราชตระกูลมาเฝ้า นกตัวนี้มีร่างกายใหญ่เท่าดุมจักรรถ เป็นนกมีปัญญามาก พระเจ้าพรหมทัตบอกความประสงค์ของพระองค์ นกสุวโปดกก็รับพระบัญชา
เมื่อนกสุวโปดกไปถึงที่อยู่ของบรรดานกสุวโปดกที่อยู่ระหว่างภูเขาลูกต่าง ๆ ในป่าหิมพานต์ ถามหามะม่วงอัพภันดรแต่ไม่มีนกตัวใดรู้จัก จนกระทั่งไปถึงระหว่างภูเขาลูกที่ 7 ฝูงนกสุวโปดกบอกว่าต้นมะม่วงดังกล่าวมีอยู่ในระหว่างภูเขาทอง เป็นของเสวยของท้าวเวสสุวัณ ไม่มีใครจะสามารถเข้าไปใกล้ได้ เพราะต้นมะม่วงนี้มีตาข่ายเหล็กล้อมไว้ถึง 7 ชั้นตั้งแต่รากถึงยอด มีกุมภัณฑ์และรากษสนับพันเฝ้ารักษา ใครเข้าไปใกล้จะรอดพ้นสายตาหาได้ไม่ และที่นั้นร้อนเหมือนไฟไหม้กัลป์ หรือเหมือนดังอเวจีมหานรก นกสุวโปดกได้ฟังจึงขอให้นกทั้งหลายบอกทางไปยังภูเขาทองดังกล่าว เมื่อไปถึงนกสุวโปดกไม่แสดงตนในเวลากลางวัน
ครั้นถึงเวลากลางคืนเมื่อเห็นพวกรากษสหลับก็เข้าไปใกล้ต้นมะม่วง ตาข่ายเหล็กเกิดเสียงดัง รากษสตื่นขึ้นจับนกสุวโปดกไว้ได้ แล้วปรึกษาจะกินนกสุวโปดกด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่นกสุวโปดกไม่หวาดหวั่นกล่าวกับพวกรากษสว่า ทั้งตนและรากษสต่างก็เป็นข้ารับใช้ของกษัตริย์ ผู้ใดกล้าหาญเสียสละชีวิตเพื่อประโยชน์ของบิดามารดาและเจ้านายผู้ชุบเลี้ยงตน ผู้นั้นย่อมไปเกิดในสวรรค์ พวกรากษสได้ฟังธรรมของนกสุวโปดกก็มีความเลื่อมใส เห็นว่าเป็นนกที่รู้ธรรม จึงจะปล่อยนกสุวโปดกไป นกสุวโปดกบอกว่าอย่าให้ตนกลับไปโดยทำการไม่สำเร็จ ขอให้รากษสให้มะม่วงแก่ตนสักผลหนึ่ง รากษสบอกว่าพวกตนหนักใจเพราะท้าวเวสสุวัณนับผลมะม่วงไว้ ถ้าหายไปแม้แต่ผลเดียวก็จะกริ้วฆ่าพวกตนเสีย แต่มีผู้ที่จะช่วยให้นกสุวโปดกสมปรารถนาได้ ผู้นั้นเป็นดาบสชื่อโชติรส บูชาไฟในศาลาที่อยู่ระหว่างชานภูเขาทอง ดาบสโชติรสเป็นชีต้นของท้าวเวสสุวัณ ท้าวเวสสุวัณได้ส่งผลมะม่วงอัพภันดรไปถวายพระดาบสวันละ 4 ผลทุกวัน นกสุวโปดกจึงควรไปขอมะม่วงจากพระดาบส
เมื่อนกสุวโปดกไปหาพระดาบสเล่าถึงความประสงค์ของตน ดาบสโชติรสบอกให้นกสุวโปดกรออยู่ก่อน ครั้นท้าวเวสสุวัณนำมะม่วงอัพภันดรสุก 4 ผลมาถวาย พระดาบสเองฉัน 2 ผล ให้นกสุวโปดกกิน 1 ผล ส่วนอีกหนึ่งผลนั้นพระดาบสหยิบใส่สาแหรกคล้องคอนกสุวโปดก แล้วปล่อยให้บินกลับไป นกสุวโปดกนำมะม่วงไปถวายพระมเหสี แม้นางจะได้เสวยมะม่วงอัพภันดรสมปรารถนา แต่พระมเหสีก็มิได้มีโอรส
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory