TLD-003-2048
นรกบ่าว (ชื่อสถานที่)
ไตรภูมิกถา ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา
นรกบ่าวเป็นสถานที่ในเรื่องไตรภูมิกถา เป็นนรก 16 ขุมที่อยู่รอบๆ นรกใหญ่* ทั้ง 8 ขุมโดยอยู่ 4 ด้าน ด้านละ 4 ขุมทุกขุม นรกบ่าวเป็นบริวารของนรกใหญ่
ในไตรภูมิกถากล่าวถึงแต่นรกบ่าว 16 ขุมที่อยู่ล้อมรอบสัญชีพนรก* ซึ่งเป็นนรกใหญ่ขุมบนสุดถัดจากแผ่นดินโลกลงไปและอยู่เหนือนรกใหญ่อื่นๆ อีก 7 ขุม นรกบ่าวขุมแรกที่อยู่ล้อมรอบสัญชีพนรก ได้แก่ เวตรณีนรก* เมื่อยังเป็นมนุษย์อยู่นั้น สัตว์นรกในขุมนี้เป็นคนร่ำรวย มีบริวารมากแต่มักทำร้ายผู้อื่นเพื่อชิงเอาทรัพย์สิน ในเวตรณีนรกมียมบาลถืออาวุธหลายแบบ เช่น ไม้ค้อน มีด พร้า หอก ดาบ หลาว แหลน เครื่องฆ่า เครื่องแทง เครื่องยิง เครื่องตี อาวุธเหล่านี้ล้วนเป็นเหล็กแดงมีเปลวไฟพุ่งขึ้นตลอดเวลาราวกับไฟไหม้ฟ้า สัตว์นรกถูกยมบาลไล่ตีไล่แทงก็เจ็บปวดจนทนไม่ไหวจึงวิ่งหนีไปถึงแม่น้ำชื่อเวตรณีซึ่งมีน้ำเค็มจัด ข้างใต้มีลำหวายและเครือหวายซึ่งใหญ่เท่าจอบเป็นเหล็กแดงมีไฟลุกอยู่ เมื่อสัตว์นรกวิ่งหนีลงน้ำก็ถูกหนามหวายตัดร่างกายเจ็บปวดมาก ใต้เครือหวายเป็นขวากใหญ่ยาวลุกเป็นไฟอยู่ตลอดเวลา สัตว์นรกตกลงจากเครือหวายก็ลงไปที่ขวากเหล็กนั้น ทำให้ร่างกายขาดวิ่น ทั้งยังถูกไฟไหม้จนสุกเน่าเปื่อยไป นอกจากนั้นใต้น้ำเวตรณียังมีใบบัวหลวงเป็นเหล็กแดงมีคมอยู่โดยรอบ ใบบัวเหล็กนั้นก็บาดร่างให้ขาดจนดิ้นไปดิ้นมาดังปลาที่ถูกตีบนบก สัตว์นรกคิดในใจว่าจะดำน้ำหนีลงไปอีก น่าจะพบน้ำเย็นใต้นั้น จึงดำลงไป แต่กลับถูกคมมีดที่หงายอยู่ใต้น้ำนั้น “ตัวเขาก็ขาดทุกแห่งดังท่านแสร้งกัน เขานั้นยิ่งเจ็บยิ่งแสบสาหัส แลร้องล้มร้องตายด้วยเสียงแรงแข็งนักหนา” ทนทุกข์ทรมานยิ่งนัก
นรกบ่าวที่อยู่ล้อมรอบสัญชีพนรกเป็นขุมที่ 2 ได้แก่ สุนัขนรก* มนุษย์ผู้ใดด่าว่าสมณพราหมณาจารย์ผู้มีศีล ผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาอาจารย์ เมื่อตายไปต้องไปเกิดในสุนัขนรก นรกขุมนี้มีหมา 5 พวก คือ หมาขาว หมาแดง หมาด่าง หมาดำ และหมาเหลือง หมาแต่ละตัวใหญ่เท่าช้างสาร นอกจากนั้นมีแร้งและกาตัวเท่าเกวียนใหญ่ ปากและเล็บตีนแร้งกานั้นเป็นเหล็กลุกเป็นไฟแดงอยู่ไม่มีวันดับ “แร้งแลกาหมาฝูงนั้นเทียรย่อมจิกแหกหัวอกย่อมขบย่อมตอดคนทั้งหลายผู้อยู่ในนรกนั้น” ด้วยบาปกรรมที่สร้างไว้ทำให้สัตว์นรกไม่ตายและต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเป็นเวลานาน
นรกบ่าวที่อยู่ล้อมรอบสัญชีพนรกถัดมาเป็นลำดับที่ 15 คือ โลหสิมพลีนรก* มนุษย์ผู้ใดเป็นชู้กับเมียผู้อื่น หรือหญิงใดนอกใจสามีเป็นชู้กับชายอื่น มนุษย์เหล่านั้นเมื่อตายไปต้องไปเกิดในโลหสิมพลีนรกซึ่งเป็นป่าไม้งิ้ว ต้นงิ้วสูงถึงต้นละ 1 โยชน์ มีหนามเป็นเหล็กยาว 16 นิ้วมือ ลุกเป็นเปลวไฟตลอดเวลา ในนรกนั้นมีทั้งชายและหญิงจำนวนมาก ต่างเคยเป็นคู่รักกันมาก่อน บางครั้งฝ่ายหญิงอยู่บนปลายต้นงิ้ว ยมบาลใช้หอกดาบหลาวแหลนที่ลุกเป็นไฟทิ่มแทงตีนผู้ชายให้ปีนต้นงิ้วขึ้นไปหา สัตว์นรกนั้นกลัวยมบาลก็จำใจต้องปีนขึ้นไป ถูกหนามงิ้วบาดเป็นแผลเจ็บปวดมากและเกิดเป็นไฟไหม้ทั่วตัว สัตว์นรกทนไม่ได้ต้องไต่กลับลงมา ยมบาลก็เอาหอกแทงซ้ำเร่งให้กลับขึ้นไป “เขาอดเจ็บบ่มิได้ เขาเถียงยมบาลบ่มิได้ เขาจึงปีนขึ้นไป แลหนามงิ้วบาดทั่วทั้งตัวเขา เขาเจ็บปวดนักหนาดั่งใจเขาจะขาดตายแล” เหล่ายมบาลพากันแทงตีนผู้หญิงให้ปีนขึ้นไปหาชายชู้ที่อยู่บนปลายต้นงิ้ว ต่างก็ปีนขึ้นปีนลงหากันอยู่เช่นนั้นหลายครั้งหลายคราวแต่ไม่เคยได้พบกันเลย
นรกบ่าวที่อยู่รอบๆ สัญชีพนรก ซึ่งเป็นนรกใหญ่ชั้นบนสุด โทษน้อยที่สุดมีอยู่ 16 ขุมดังได้ยกตัวอย่างมา ไตรภูมิกถาอธิบายว่า “แลนรกบ่าวทั้งหลายซึ่งอยู่รอบนรกใหญ่ 7 อันนั้นซึ่งอยู่ใต้สัญชีพนรกลงไปภายใต้นั้น เราบ่มิกล่าวเถิงได้เลย ร้ายกว่านี้ยิ่งนักหนา”
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory