TLD-003-2103
นายหัตถาจารย์ (ชื่อตัวละคร)
สิริโจรพราหมณชาดก นิบาตชาดก
นายหัตถาจารย์เป็นตัวละครในเรื่องสิริโจรพราหมณชาดก ติกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติในตระกูลพราหมณ์ในแคว้นกาสิกรัฐ เมื่อเจริญวัยได้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ในเมืองตักสิลา ครั้นศึกษาสำเร็จแล้วก็กลับมาครองเรือน ต่อมาบิดามารดาสิ้นชีวิต พราหมณ์โพธิสัตว์รู้สึกสลดสังเวชใจ จึงออกบวชเป็นดาบสบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าหิมพานต์จนสำเร็จอภิญญาสมาบัติ
ต่อมาดาบสโพธิสัตว์ปรารถนาจะฉันอาหารที่มีรสเปรี้ยวรสเค็มจึงออกจากป่าเที่ยวไปในชนบท แล้วเข้าไปพักอยู่ในอุทยาน รุ่งเช้าก็ออกภิกขาจารไปถึงบ้านนายหัตถาจารย์ผู้หนึ่ง นายหัตถาจารย์เห็นดาบสโพธิสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใส ถวายภัตตาหารแล้วนิมนต์ให้อยู่ในอุทยาน ส่วนตนเองทำหน้าที่เป็นอุปัฏฐากพระดาบสอยู่เป็นนิตย์
ในครั้งนั้นชายตัดฟืนคนหนึ่งตัดฟืนในป่าเสร็จแล้วจะกลับบ้าน หาบฟืนมายังไม่ทันถึงประตูเมือง นายประตูก็ปิดประตูเมืองเสียก่อน ชายตัดฟืนจึงวางฟืนลงใกล้ศาลเทพารักษ์ซึ่งอยู่บริเวณนั้น แล้วเอามัดฟืนหนุนต่างหมอนนอนหลับอยู่ ณ ที่แห่งนั้นมีไก่ที่ชาวบ้านเอาไปปล่อยไว้เป็นจำนวนมาก บรรดาไก่จะอาศัยนอนอยู่บนต้นไม้ มีไก่ตัวหนึ่งนอนสูงกว่าไก่ตัวอื่น ถึงเวลาใกล้รุ่งก็ถ่ายมูลถูกไก่ตัวหนึ่งที่นอนอยู่ข้างล่าง ทำให้เกิดการโต้เถียงและแสดงอานุภาพในร่างกายของกันและกัน ไก่ตัวล่างอวดว่าถ้าใครได้กินเนื้อกล้ามของตน รุ่งขึ้นก็จะได้เงินถึง 1,000 กหาปณะ ส่วนไก่ตัวบนก็อวดว่าถ้าบุรุษใดได้กินเนื้อกล้ามของตน บุรุษนั้นจะได้เป็นพระราชา ถ้าได้กินเนื้อด้านนอกก็จะได้เป็นเสนาบดี ถ้าเป็นสตรีก็จะได้เป็นอัครมเหสี และถ้าคฤหัสถ์ได้กินเนื้อติดกระดูกก็จะได้เป็นที่พระคลัง ถ้าเป็นบรรพชิตก็จะได้เป็นชีต้นของราชตระกูล
ขณะนั้นชายตัดฟืนตื่นขึ้นมาพอดี ได้ยินไก่ 2 ตัวโอ้อวดกันเช่นนั้นก็อยากเป็นพระราชาจึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้ จับไก่ตัวบนหักคอตายแล้วห่อกลับบ้าน ถอนขนลนไฟผ่าท้องทำความสะอาด แล้วให้ภรรยาแบ่งไก่ออกเป็นส่วนๆ เพื่อปรุงเป็นอาหาร เมื่อภรรยาจัดแจงตามคำสั่งสามีแล้ว ชายตัดฟืนจึงเล่าให้ภรรยาฟังว่าถ้าตนทั้งสองบริโภคไก่ตัวนี้แล้วจะได้เป็นพระราชาและอัครมเหสี จากนั้นทั้งสองก็ไปยังฝั่งแม่น้ำคงคาเพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์แล้วจึงจะบริโภคอาหารที่วางไว้ริมฝั่งแม่น้ำ ในเวลานั้นเองเกิดลมพายุหอบน้ำไปท่วมฝั่ง คลื่นซัดภาชนะใส่ข้าวและไก่ลอยน้ำไป ส่วนสองสามีภรรยาก็ถูกคลื่นสาดใส่จนต้องว่ายน้ำหนีไป
ขณะนั้นนายหัตถาจารย์ผู้เป็นอุปัฏฐากดาบสโพธิสัตว์ขี่ช้างลงไปในน้ำ เก็บภาชนะใส่ข้าวและไก่ได้ก็ให้คนใช้นำไปให้ภรรยา บอกว่าให้ภรรยารอตนกลับถึงบ้านก่อนจึงเปิดภาชนะ ฝ่ายดาบสโพธิสัตว์ผู้ซึ่งมีจักษุทิพย์ รู้ว่านายหัตถาจารย์จะไม่ต้องเป็นควาญช้างอีกต่อไป จะบริบูรณ์ไปด้วยสรรพสมบัติ จึงไปรอนายหัตถาจารย์ที่บ้าน เมื่อนายหัตถาจารย์กลับถึงบ้านได้ให้ภรรยานำไก่มาให้ดาบสโพธิสัตว์ฉัน พระดาบสนำเนื้อกล้ามให้นายหัตถาจารย์บริโภค เนื้อภายนอกให้ภรรยา ส่วนตัวเองฉันเนื้อติดกระดูก เมื่อจะกลับไปยังอุทยานดาบสโพธิสัตว์กำชับนายหัตถาจารย์ให้รักษาตนไว้ให้ดี อีก 3 วันจะได้เป็นพระราชา
ครั้นถึงวันที่ 3 มีพระราชาสามนต์องค์หนึ่งยกทัพมาล้อมเมืองพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตทรงวางแผนการทำสงครามโดยให้นายหัตถาจารย์แต่งกายเป็นพระราชาแทนพระองค์ แล้วมีรับสั่งให้ไปต่อสู้กับข้าศึก ส่วนพระองค์เองปลอมองค์ไปในกองทัพตรวจรี้พลในหมู่พลทหาร ทันใดนั้นข้าศึกได้ระดมยิงลูกศรมาถูกพระเจ้าพรหมทัตสิ้นพระชนม์ เมื่อนายหัตถาจารย์รู้ว่าพระเจ้าพรหมทัตสิ้นพระชนม์ ก็ให้ขนเงินทองมากองไว้แล้วประกาศว่าถ้าใครอยากได้ทรัพย์ให้เป็นกองหน้าออกไปรบ ทหารทั้งหลายจึงพร้อมใจกันออกรบจนได้ชัยชนะ สามารถปลงพระชนม์พระราชาผู้เป็นข้าศึกได้
หลังจากถวายเพลิงพระศพพระเจ้าพรหมทัตแล้ว บรรดาอำมาตย์ได้พิจารณาว่าเมื่อพระเจ้าพรหมทัตยังมีพระชนม์อยู่ก็ได้ให้นายหัตถาจารย์ปลอมตนเป็นพระองค์ ทั้งนายหัตถาจารย์ก็เป็นผู้คิดวิธีเอาชนะข้าศึกได้ จึงพร้อมใจกันอภิเษกนายหัตถาจารย์ขึ้นเป็นพระเจ้ากรุงพาราณสี อภิเษกภรรยาเป็นอัครมเหสี ส่วนดาบสโพธิสัตว์นั้นได้เป็นชีต้นของพระราชา และได้เข้าไปฉันภัตตาหารเป็นประจำในวังหลวง
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory