ท้าวเการพเป็นตัวละครในเรื่องสรรพสิทธิ์คำฉันท์ เป็นกษัตริย์แห่งกุรุนคร*
ท้าวเการพเป็นกษัตริย์หนึ่งในสามพระองค์ คือ ท้าวพรหมทัต* ท้าวเการพ และท้าวโกศล* ซึ่งได้ยินกิตติศัพท์ความงามของสุพรรณโสภา* แล้วปรารถนาจะได้นางเป็นชายา จึงยกไพร่พลไปพร้อมกับท้าวพรหมทัตและท้าวโกศลไปรออยู่ที่นอกเมืองคิริพัชร*แล้วส่งทูตเชิญบรรณาการประกอบด้วยแก้วแหวนเงินทองไปถวายพระเจ้าอุศุภราช*เพื่อสู่ขอนาง พระเจ้าอุศุภราชเชิญเสด็จกษัตริย์ทั้งสามเข้าไปในวัง แล้วแจ้งว่าหากผู้ใดสามารถทำให้นางสุพรรณโสภาพูดด้วยก็จะเสกสมรสให้ คืนแรกท้าวพรหมทัตเข้าไปเป็นองค์แรก ทรงพรรณนาความรักที่มีต่อนางตั้งแต่ยามต้นจนถึงรุ่งเช้า แต่นางก็ไม่พูดด้วย ท้าวเการพเข้าไปในคืนที่ 2 และท้าวโกศลเข้าไปในคืนที่ 3 แต่นางก็ยังคงนิ่งเฉยไม่พูดกับใคร กษัตริย์ทั้งสามจึงทูลลากลับด้วยพระทัยที่ผูกอาฆาตว่าจะต้องยกทัพมาช่วงชิงนางไปเป็นคู่ครองให้จงได้
ต่อมาข่าวการเสกสมรสระหว่างพระสรรพสิทธิ์*กับนางสุพรรณโสภาแพร่ออกไป กษัตริย์ทั้งสามรู้สึกอับอายและโกรธแค้นอย่างยิ่ง ชักชวนกันรวมพลยกทัพใหญ่มาล้อมเมืองคิริพัชรไว้ ท้าวเการพทรงรถเทียมม้า มีลำแพง (หอก) เพชรเป็นอาวุธ คุมพลอยู่ทิศตะวันออก ส่วนท้าวพรหมทัตทรงรถเทียมกิเลนมีศรเป็นอาวุธ คุมพลอยู่ทิศเหนือ และท้าวโกศลทรงรถเทียมแรดมีเกาทัณฑ์เป็นอาวุธ คุมพลอยู่ทิศใต้ กษัตริย์ทั้งสามเข้าต่อสู้กับพระสรรพสิทธิ์ตามลำดับ ท้าวพรหมทัตเข้าต่อสู้กับพระสรรพสิทธิ์เป็นคนแรก แต่ก็พ่ายแพ้เพราะถูกพระสรรพสิทธิ์ถอดจิตไปไว้ในงอนรถ ท้าวเการพเข้าต่อสู้เป็นคนที่ 2 และถูกพระสรรพสิทธิ์ถอดจิตไปไว้ในกงรถ ต่อมาท้าวโกศลเข้าต่อสู้ และถูกพระสรรพสิทธิ์ถอดจิตไปไว้ในแอกรถ กษัตริย์ทั้งสามจึงสำนึกผิดและยอมแพ้ พระสรรพสิทธิ์จึงคืนดวงจิตเข้าสู่ร่าง กษัตริย์ทั้งสามไปเฝ้าพระเจ้าอุศุภราช ได้รับอภัยโทษ แล้วก็กลับไปครองบ้านเมืองตามเดิม