TLD-003-2312
ปทุมกุมาร (ชื่อตัวละคร)
จุลปทุมชาดก นิบาตชาดก
ปทุมกุมารเป็นตัวละครในเรื่องจุลปทุมชาดก ทุกนิบาต ในนิบาตชาดก เป็นพระโพธิสัตว์
ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโอรส ทรงพระนามว่าปทุมกุมาร ปทุมกุมารมีอนุชาอีก 6 องค์ ราชกุมารทั้งเจ็ดเจริญวัยขึ้นก็เที่ยวเล่นกันเพลิดเพลิน วันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตทอดพระเนตรที่หน้าพระลานเห็นราชกุมารทั้งหลายพาบริวารมาเข้าเฝ้า ก็ทรงนึกรังเกียจว่าราชกุมารอาจคิดแย่งราชสมบัติ จึงทรงเรียกราชกุมารมาสั่งว่าให้พากันไปอยู่เมืองอื่น
เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์แล้วจึงกลับมาครองราชสมบัติ ราชกุมารทั้งเจ็ดออกเดินทางไปด้วยกันพร้อมกับชายาของตน ตั้งใจจะไปอาศัยในเมืองใดเมืองหนึ่ง เมื่อเดินทางไปถึงที่กันดารมากไม่มีอาหารกิน ราชกุมารคิดกันว่าถ้าพวกตนยังมีชีวิตอยู่คงพอหาหญิงมาเป็นภรรยาได้อีก จึงเริ่มฆ่าชายาของน้องชายองค์เล็กก่อน แบ่งเนื้อเป็น 13 ส่วน ปทุมกุมารและชายาได้ 2 ส่วนก็เก็บไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งแบ่งกินกับชายา เวลาผ่านไป 6 วัน ปทุมกุมารเก็บเนื้อไว้ได้ 6 ส่วน
ครั้นถึงวันที่ 7 ราชกุมารจะฆ่าชายาของพี่ชายใหญ่ ปทุมกุมารจึงเอาเนื้อ 6 ส่วนที่เก็บไว้มาแจกให้กินกันก่อน รุ่งนี้ค่อยคิดกันใหม่ ราชกุมารทั้งหกกินเนื้อแล้วก็หลับไป ปทุมกุมารจึงพาชายาหนี ไปได้สักพักชายาบอกว่าไปไม่ไหวแล้ว ปทุมกุมารจึงแบกชายาไปจนออกพ้นแดนกันดารได้ เมื่อแดดกล้าขึ้น ชายาบ่นว่าหิวน้ำ และเฝ้าวิงวอนอยู่บ่อยๆ จนปทุมกุมารโพธิสัตว์ทนไม่ได้ เพราะความรักนางจึงใช้พระขรรค์ฟันพระชานุแล้วให้ชายานั่งลงดื่มโลหิต ทั้งสองเดินทางมาเรื่อยๆ จนถึงแม่น้ำใหญ่จึงสร้างอาศรมอาศัยอยู่บริเวณนั้น
วันหนึ่งคนทั้งหลายที่อยู่เหนือน้ำจับโจรได้จึงตัดมือ ตัดเท้า หู จมูกโจรนั้นแล้วเอานอนในเรือโกลนปล่อยให้ลอยมาตามแม่น้ำ โจรนั้นครวญครางอย่างน่าสมเพช ปทุมกุมารโพธิสัตว์มาพบก็ช่วยเหลือขึ้นจากเรือแล้วยกไปอาศรม รักษาพยาบาลอย่างดี ฝ่ายชายาเห็นบุรุษพิการก็รังเกียจขากถ่มน้ำลายใส่แล้วกล่าวติเตียนว่าสามีตนปฏิบัติคนเลวซึ่งถูกลอยแพมา ไม่สมควรเลย เมื่อบุรุษโจรหายดีแล้ว ปทุมกุมารให้อยู่อาศรมกับชายา ตนเองเที่ยวหาผลไม้มาให้ เวลาล่วงไปนาน ชายาของปทุมกุมารเกิดรักใคร่กับโจรพิการ และลอบประพฤติอนาจารกัน นางคิดจะฆ่าสวามีจึงแสร้งชวนปทุมกุมารไปแก้บนเทพยดาที่ภูเขา เพราะนางบนไว้ขอให้นางและสวามีรอดชีวิตเมื่อคราวเดินทางในป่า ปทุมกุมารก็ช่วยจัดเครื่องพลีกรรมแล้วไปที่ภูเขานั้นกับชายา นางทำอุบายขอบูชาประทักษิณรอบองค์สวามี เพราะสวามีเปรียบเหมือนเทวดาองค์หนึ่ง เมื่อนางเดินวนรอบปทุมกุมารมาถึงด้านหลัง นางก็ผลักปทุมกุมารตกลงไปทางเขาขาด แล้วรีบลงเขาไปหาโจรพิการ ฝ่ายปทุมกุมารกลิ้งลงไปตามไหล่เขา ไปค้างบนยอดมะเดื่อที่มีใบเป็นพุ่มดกหนา ไม่สามารถลงมาได้จึงเสวยผลมะเดื่ออยู่บนค่าคบไม้นั้น พญาเหี้ยใหญ่ตัวหนึ่งไต่จากเชิงเขาขึ้นไปกินผลมะเดื่ออยู่เสมอ เมื่อเห็นปทุมกุมารก็กลัว หนีกลับลงไป
วันรุ่งขึ้นพญาเหี้ยไต่เขากลับขึ้นมาอีก ครั้นหลายวันเข้าก็คุ้นเคยกับปทุมกุมารจึงถามว่าเหตุใดจึงขึ้นมาอยู่ที่นั้น เมื่อฟังเรื่องราวแล้ว พญาเหี้ยก็ให้ปทุมกุมารเกาะหลังตน พาลงจากต้นไม้ จนออกจากป่า เมื่อส่งปทุมกุมารถึงทางใหญ่แล้ว พญาเหี้ยก็กลับเข้าป่าไป ปทุมกุมารเดินทางเข้าเขตหมู่บ้าน ได้พักอาศัย ณ ที่นั้น ต่อมาได้ข่าวว่าพระบิดาสิ้นพระชนม์แล้วจึงเดินทางเข้านครพาราณสี ได้ครองราชย์แทนพระบิดา มีนามว่าพระเจ้าปทุมราช พระองค์ครองราชสมบัติโดยทศพิธราชธรรม ให้ทำศาลาทาน 6 แห่ง คือ ที่ประตูเมือง 4 ทิศ กลางพระนครแห่งหนึ่ง และประตูพระราชวังอีกแห่งหนึ่ง ทรงบริจาคทรัพย์วันละ 600,000 มิได้ขาด ฝ่ายหญิงชั่วช้าชายาปทุมกุมาร หลังจากผลักพระสวามีตกเขาไปแล้วก็แบกโจรพิการพาออกจากป่าสู่แดนมนุษย์ เที่ยวขอทานมาเลี้ยงโจรพิการ นางบอกชาวบ้านว่าชายคนนี้เป็นลูกของอา บิดามารดายกนางให้เป็นภรรยา นางก็จงรักภักดีมาก แม้ว่าสามีจะกระทำผิด ต้องพระราชอาญา นางก็ไม่ยอมทอดทิ้ง อุตส่าห์แบกมาขอทานเลี้ยงกัน ฝูงชนพากันสรรเสริญนาง แล้วให้ข้าวปลาอาหารจำนวนมาก ฝูงชนแนะนำว่าให้นางไปคอยรับทานจากพระเจ้าปทุมราชจะดีกว่าเที่ยวขอทานอยู่อย่างนี้ แล้วชนทั้งหลายก็ให้ตะกร้าหวายที่แข็งแรงมั่นคงแก่นาง เพื่อให้แบกพาสามีไปที่ศาลาทานในนครพาราณสี
วันหนึ่งพระเจ้าปทุมราชโพธิสัตว์เสด็จทรงพญาคชสารสู่โรงทานแล้วเสด็จกลับ หญิงชั่วแบกโจรพิการไปคอยเฝ้าอยู่ข้างทาง พระเจ้าปทุมราชทอดพระเนตรเห็นก็ถาม ราชเสวกทูลว่าหญิงนั้นปฏิบัติสามีด้วยความจงรักภักดีราวกับเป็นเทวดา พระเจ้าปทุมราชถามนางว่าเป็นอะไรกับบุรุษนั้น นางจำพระราชาไม่ได้จึงทูลตามที่เคยบอกคนอื่นๆ ฝูงชนที่ได้ยินต่างสรรเสริญนาง พระเจ้าปทุมราชถามซ้ำอีก นางก็ยืนยันมั่นคงตามเดิม พระเจ้าปทุมราชตรัสถามว่านางเป็นภรรยาปทุมกุมารมิใช่หรือ ทรงบอกชื่อนางและชื่อพระบิดาของนาง แล้วทรงถามนางว่านางได้ดื่มกินเลือดที่เข่าของพระองค์ไม่ใช่หรือ นางลอบทำชู้กับโจรชั่ว ล่อลวงพระองค์ไปผลักตกเขา และคิดว่าพระองค์สิ้นชีพแล้วใช่ไหม พระเจ้าปทุมราชทรงเรียกอำมาตย์ทั้งหลายมาแล้วตรัสว่าพระองค์เคยเล่าให้อำมาตย์ฟังว่าน้องชายทั้ง 6 องค์ฆ่าชายาเอาเนื้อมากิน พระองค์พาชายาหนีไปสร้างอาศรมอยู่ริมน้ำ และพระองค์เคยเล่าเรื่องชายาเป็นชู้กับโจรแล้วหลอกผลักพระองค์ตกภูเขา หญิงที่ผลักพระองค์ครั้งนั้นคือนางคนนี้ นักโทษนั้นก็คือชายด้วนคนนี้ แล้วพระเจ้าปทุมราชก็สั่งให้จับบุรุษด้วนชั่วช้าลามกทำชู้กับภรรยาคนอื่นไปใส่ครกโขลกให้กระดูกแตกละเอียด และให้ตัดหู ตัดจมูกหญิงชั่วช้าทำร้ายผัวเสีย พระเจ้าปทุมราชทรงสั่งให้ลงอาญาแก่คนทั้งสอง เพราะไม่อาจระงับความโกรธได้ แต่ยังไม่ทันทำตามรับสั่งนั้น พระองค์ก็ค่อยคลายโกรธลง รับสั่งให้ผูกตะกร้าบนศีรษะหญิงชั่วนั้นอย่างมั่นคง ไม่ให้เอาลงจากศีรษะได้ จับโจรชั่วยัดใส่ตะกร้าแล้วเนรเทศออกจากแว่นแคว้นไป
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory