TLD-003-2352
ประสันตา (ชื่อตัวละคร)
ประสันตาเป็นตัวละครในบทละครเรื่องดาหลัง เป็นชื่อตำแหน่งของพระพี่เลี้ยงโอรสกษัตริย์วงศ์เทวา นอกจากประสันตายังมีพี่เลี้ยงอีก 3 ตำแหน่ง คือ กระตาหลา* ปูนตา* และยะรุเดะ*
ประสันตาเป็นบุตรของปาเตะเสนาผู้ใหญ่ เป็นพี่เลี้ยงของระเด่นมนตรี* (อิเหนา*) โอรสท้าวกุเรปัน* ประสันตามีบทบาทมากกว่าพี่เลี้ยงคนอื่น ๆ เพราะไม่ว่าอิเหนาจะไปที่ใดประสันตาก็จะอยู่ด้วยเสมอ
เมื่ออิเหนามีชันษาได้ 15 ปี ไปประพาสป่า ประสันตาได้เห็นหญิงงามชาวไร่ชื่อนางเกนบุษบาส่าหรี* ก็เรียกให้อิเหนาไปดูนาง อิเหนาหลงรักนางในทันทีและขอนางจากมารดาแล้วให้ปลูกพลับพลาประทับอยู่กับนาง เช้าขึ้นก็มาเฝ้าพระบิดา พี่เลี้ยงทั้งสี่ช่วยกันปกปิดเรื่องมิให้ท้าวกุเรปัน*รู้ อิเหนาบิดพลิ้วเรื่องการวิวาห์กับนางบุษบาก้าโละ*ถึง 3 ครั้ง
จนท้าวกุเรปันกริ้ว เมื่อท้าวกุเรปันรู้เรื่องนางเกนบุษบาส่าหรีก็สั่งให้ประหารนาง อิเหนาเสียใจและแค้นเคืองพระบิดามากจึงพาไพร่พลหนีจากเมือง พี่เลี้ยงทั้งสี่ตามไปด้วย อิเหนาและไพร่พลปลอมเป็นโจรป่า ทุกคนเปลี่ยนชื่อหมด อิเหนาใช้ชื่อปันหยี* ประสันตาใช้ชื่อมิสามะงาหรัด* ระหว่างทางประสันตาได้ไปพบนางบุษบาส่าหรี*ซึ่งตามระตูปันจะรากัน*พระบิดามาใช้บน ประสันตารีบมาทูลอิเหนาให้ไปดูนาง พอได้เห็นนางบุษบาส่าหรีอิเหนาก็ลืมนางเกนบุษบาส่าหรี ระตูมะงาดา*ประสงค์จะลวงปันหยีไปทำร้ายจึงทำอุบายส่งสารเชิญให้ปันหยีไปถอนหลักศิลา*ที่เมืองบาณุหลัน*และอาสาจัดเรือให้เป็นพาหนะ แต่ลอบทำสลักเสียบไว้ในเรือ ปันหยีลงเรือไปกับประสันตาและปูนตาพร้อมไพร่พลจำนวนหนึ่ง ส่วนพี่เลี้ยงอีก 2 นายกำกับกองทัพและรถประเทียบของชายาทั้งสอง
เมื่อปันหยีถอนหลักศิลาสำเร็จแล้วก็เดินทางกลับ กลางดึกทหารของระตูมะงาดาก็ลอบมาถอดสลักออกทำให้เรือจม ปูนตาพลัดไปอีกทางหนึ่ง ส่วนปันหยีอยู่กับประสันตา ปะตาระกาหลาลงมาช่วยบันดาลให้น้ำตื้นพอหยั่งถึง ปันหยีสูญเสียทุกอย่างเหลือเพียงตัวเองและประสันตา ทั้งสองลอยคออยู่ในน้ำหลายวันหลายคืนจึงขึ้นฝั่งได้ ปันหยีคับแค้นใจมาก รู้สึกอับอายและเจ็บใจที่ตนสามารถปราบเมืองต่าง ๆ ได้มากมายแต่มาเสียรู้ระตูมะงาดา จึงปรารภอยากจะฆ่าตัวตายให้พ้นความอาย ประสันตาปลอบโยนให้คลายทุกข์พร้อมทั้งแนะว่าควรจะไปหาเมืองที่ใช้เป็นแหล่งรวมไพร่พลให้ได้ก่อนแล้วจึงตามไปแก้แค้น คำปลอบโยนของประสันตาทำให้ปันหยีได้สติ ปันหยีและประสันตาเดินทางไปถึงเมืองแม่ม่ายของนางพญาณุสาตัน* นางพญารับปันหยีไว้เป็นสวามี ส่วนมิสามะงาหรัดนั้นถูกสตรีทั้งเมืองแย่งตัวไปตามบ้านต่าง ๆ เพราะทั้งเมืองมีบุรุษอยู่เพียง 2 นายนี้เท่านั้น ประสันตาไม่สามารถจะทนอยู่ต่อไปได้จึงชวนปันหยีหนี ทั้งสองเดินทางมาจนถึงกรุงดาหา* ได้รับความช่วยเหลือจากนางบิบี๋หรังดี* ให้ที่พักและรับเป็นลูกบุญธรรม
เมื่อปันหยีอยากจะสร้างตัวหนัง นางช่วยหาหนังสัตว์มาให้ ปันหยีนำมาแกะสลักเป็นตัวหนัง ตั้งจอหน้าบ้านแล้วพากย์ มีคนมาดูกันมากมาย ปันหยีจึงประกอบอาชีพเป็นดาหลัง (คนพากย์หนัง) มีประสันตาเป็นผู้ช่วยในการเชิดหนังและติดต่อรับงานรับเงินกับผู้ว่าจ้าง ชาวดาหาพากันติดใจหนังของดาหลัง เพราะผู้พากย์มีเสียงไพเราะจับใจ อีกทั้งตัวดาหลังยังรูปงาม ต่อมาได้ไปแสดงถวายท้าวดาหา ดาหลังได้เห็นนางบุษบาก้าโละก็หลงรักนางในทันที เผลอขับชมโฉมทั้ง ๆ ที่กำลังพากย์บทชมป่าอยู่ ประสันตาพยายามเตือนสติอิเหนาหรือดาหลังอยู่ตลอด และเมื่อจะลอบเข้าไปหานาง ประสันตาก็พยายามทัดทาน แต่ดาหลังก็ดื้อดึงลอบเข้าไปในห้องบรรทมของนางบุษบาก้าโละจนได้ ระหว่างที่ดาหลังไปหานาง ประสันตาทำหน้าที่เชิดและพากย์หนังแทน คนดูหมดสนุกพากันหลับไปตาม ๆ กันเพราะฝีปากสู้ดาหลังไม่ได้
ครั้นเมื่อท้าวดาหายกนางบุษบาก้าโละให้ระตูปะตาหน* ระตูและอนุชายกกองทัพมาเตรียมเข้าพิธีวิวาห์ ระหว่างที่ต้องรออยู่อีก 5 วันนั้น อิเหนาหรือดาหลังก็หลบไปเรียนมนตร์กับฤๅษีในป่า เป็นครั้งแรกที่ประสันตาไม่ได้ตามไปคอยรับใช้ เมื่อดาหลังเรียนจบสามารถหายตัวได้ก็ลอบเข้าไปในพลับพลาของระตูปะตาหน ประสันตาก็ไปด้วย เมื่อดาหลังใช้กริชแทงระตูปะตาหนตาย ประสันตาก็ทำอุบายให้คนตามฆาตกรไปทางอื่น เมื่อนางบุษบาก้าโละเข้าพิธีแบหลาคือโจนเข้ากองเพลิงในพิธีเผาศพ ดาหลังคิดจะเข้าไปชิงนางแต่ประสันตาห้ามไว้เพราะมากันเพียง 2 คน และชี้แจงว่าแม้แต่ลูกท้าวดาหายังไม่อาลัย ฉะนั้นย่อมไม่เห็นแก่หลานแน่นอน ดาหลังเห็นนางบุษบาก้าโละกระโจนเข้ากองไฟก็คิดว่านางสิ้นชีวิต ดาหลังถึงแก่สลบไป เมื่อฟื้นขึ้นก็เสียสติฟั่นเฟือน ประสันตาบอกใคร ๆ ว่าน้องชายเมาแล้วรีบพาหลบเข้าป่า ประสันตาดูแลอิเหนาด้วยความยากลำบากเพราะอิเหนาเสียสติคลุ้มคลั่งเห็นต้นไม้ก็เข้าไปโอบกอดเพราะหลงคิดว่าเป็นนางบุษบาก้าโละ ทั้งอิเหนาและประสันตาอดอยากจนซูบผอม ประสันตาดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ยอมทิ้งไปไหน ต่อมาปะตาระกาหลาเข้าฝันบอกจินตระวันหนา*โอรสท้าวสิงหัดส่าหรี*ซึ่งยกทัพตามหาอิเหนาอยู่ให้รู้ว่าอิเหนาตกยากอยู่กับประสันตาในป่าใกล้เมืองดาหา จินตระวันหนารีบยกทัพไป ประสันตาได้ยินเสียงกองทัพก็เข้าไปถาม จินตระวันหนาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จินตระวันหนาจึงช่วยอิเหนาไว้ได้ ระตูปัตหรำจึงบวงสรวงให้เทวดาช่วย เทวดาส่งเหยี่ยวมนตร์*ไป
เมื่ออิเหนาถูกล่อไปจนถึงปราสาทนางจินตะหราธิดาระตูปัตหรำและได้นางเป็นชายา ประสันตาจึงพลัดกับอิเหนาอยู่นานหลายปี ประสันตาร่วมเดินทางไปกับกองทัพของจะหรังกะหนังโหละและจินตระวันหนาอนุชาทั้งสองของอิเหนาเพื่อตามหาอิเหนามาจนถึงเมืองกาหลัง* ต่อมาทัพของอนุชาทั้งสองได้มารวมกับทัพของมิสาประหมังกุหนิง (นางบุษบาก้าโละ) ซึ่งก็ตามหาอิเหนาอยู่เช่นกัน ประสันตานำหน้าทัพของมิสาประหมังกุหนิงมองไปเห็นอิเหนาและอนุชาก็แสร้งชักม้าเวียนวนอยู่บริเวณนั้นไม่ยอมไปต่อเพื่อให้อิเหนาได้ชมนางนาน ๆ ทำให้มิสาประหมังกุหนิงเริ่มอึดอัดเพราะนึกอายว่าถูกลอบมอง อิเหนาสงสารจึงส่งสัญญาณให้ประสันตาเดินทางต่อไป
ตอนท้ายเรื่องเมื่อนางบุษบาก้าโละหนีไปบวชชีเพราะเกรงจะถูกนินทาว่าเที่ยวตามผู้ชาย อิเหนาออกตามหานางอีกครั้ง ประสันตาก็ตามไปด้วยและเป็นผู้ที่ได้ไปพบว่านางบุษบาก้าโละและพี่เลี้ยงทั้งสี่ไปบวชชีอยู่ด้วยกัน ประสันตาไปทูลให้อิเหนาทราบ เรื่องจึงจบลงด้วยความสุข หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างตามหากันเป็นเวลาช้านาน
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory