ปุโรหิตโพธิสัตว์ 1
ปุโรหิตโพธิสัตว์เป็นตัวละครในเรื่องพันธโมกขชาดก เอกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัต*แห่งเมืองพาราณสี* พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นบุตรปุโรหิต เมื่อบิดาสิ้นชีวิตก็ได้เป็นปุโรหิตแทนบิดา พระเจ้าพรหมทัตตรัสกับอัครมเหสีว่าจะให้พรแก่นาง นางทูลขอว่าต่อไปนี้ห้ามพระองค์มองดูหญิงอื่นอย่างมีกิเลสโดยเด็ดขาด พระเจ้าพรหมทัตทรงจำใจประทานพรให้
ต่อมาที่ปัจจันตประเทศเกิดมีข้าศึกมารุกรานหลายครั้ง พระเจ้าพรหมทัตทรงเตรียมยกกองทัพไปปราบปรามโดยมอบบ้านเมืองให้ปุโรหิตโพธิสัตว์ดูแล พระมเหสีขอตามเสด็จด้วย แต่พระราชาไม่ทรงอนุญาต นางจึงขอร้องว่าเมื่อพระองค์เสด็จไปได้ระยะทางโยชน์หนึ่งให้ราชบุรุษคนหนึ่งมาส่งข่าวทุกข์สุขของพระองค์ พระเจ้าพรหมทัตก็ทรงให้ทำตามนั้น
เมื่อครบระยะทางโยชน์หนึ่ง ราชบุรุษก็กลับมาทูลพระมเหสี นางพาราชบุรุษนั้นเข้าไปร่วมอภิรมย์ด้วย พระเจ้าพรหมทัตเดินทางไปไกล 32 โยชน์ นางก็ร่วมอภิรมย์กับราชบุรุษทั้ง 32 คน เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงชนะศึกและจัดการบ้านเมืองสงบแล้วก็เสด็จกลับ ทรงให้ราชบุรุษอีก 32 คนไปแจ้งข่าวแก่พระมเหสีทุกระยะทางที่เสด็จ พระมเหสีก็ประพฤติกับราชบุรุษทั้ง 32 คนนั้นเหมือนเดิม
เมื่อใกล้จะถึงนครพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตให้คนไปแจ้งแก่ปุโรหิตโพธิสัตว์ให้ตกแต่งพระนครรับเสด็จ ปุโรหิตเข้าไปเฝ้าพระมเหสีถึงที่อยู่เพื่อเตรียมการ นางเห็นปุโรหิตมีรูปงามก็ชักชวนให้ขึ้นร่วมที่ไสยาสน์ แต่ปุโรหิตปฏิเสธว่าไม่สามารถทำกรรมอันร้ายแรงนี้ได้ พระมเหสีจึงกล่าวว่าจะให้พระราชาตัดศีรษะปุโรหิตเสีย แล้วนางก็แกล้งทำให้ร่างกายมีริ้วรอยขีดข่วนเป็นแผลนอนซมอยู่บนเตียง
พระเจ้าพรหมทัตเสด็จเข้าเมือง รู้ว่าพระมเหสีประชวรก็เข้าไปดู ทรงเห็นสภาพนางและฟังคำบอกเล่าของนางว่าถูกปุโรหิตปลุกปล้ำก็กริ้วจึงสั่งให้จับปุโรหิตมัดไพล่หลังตระเวนทั่วพระนครแล้วตัดศีรษะเสีย ปุโรหิตขอเข้าเฝ้าพระราชาโดยอ้างเหตุผลว่าตนทำงานให้พระองค์มานาน รู้บัญชีที่ตั้งของพระราชทรัพย์ ถ้าไม่ให้เข้าเฝ้า ทรัพย์ทั้งหลายอาจสูญหมด
เมื่อได้เข้าเฝ้าแล้วพระเจ้าพรหมทัตทรงถามว่าเหตุใดปุโรหิตจึงประพฤติผิดโดยไม่ละอาย ปุโรหิตตอบว่าตนนั้นไม่เคยฆ่าสัตว์ ไม่เคยลักทรัพย์แม้แต่เล็กน้อย ไม่เคยประพฤติผิดในกามกับหญิงใด ไม่เคยพูดปด ไม่เคยดื่มสุราเมรัย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ทำผิดต่อพระองค์ แล้วก็เล่าความจริงให้พระราชาฟังว่าผู้ที่ทำชั่วคือผู้เชิญสารทั้ง 64 คน พระเจ้าพรหมทัตให้ซักถามบุรุษทั้ง 64 คน ต่างก็รับสารภาพว่าทำตามคำสั่งของพระมเหสี พระมเหสีไม่สามารถปฏิเสธได้ และรับว่าทำผิดจริง
พระเจ้าพรหมทัตจึงให้ประหารพระมเหสีและบุรุษทั้ง 64 คน ปุโรหิตโพธิสัตว์ทูลพระราชาว่าบุรุษทั้ง 64 คนไม่มีความผิดเพราะถูกพระมเหสีบังคับ ส่วนพระมเหสีก็ไม่ควรถูกลงโทษ เพราะเป็นธรรมดาของสตรีย่อมไม่รู้จักอิ่มในเมถุน ขอให้งดโทษแก่พระมเหสีด้วย
พระเจ้าพรหมทัตสั่งให้ปล่อยบุรุษทั้ง 64 คน พระโพธิสัตว์ทูลขอให้ดำรงตำแหน่งเดิม ก็ทรงยอมตามนั้น ส่วนพระมเหสีผู้เป็นพาลก็ให้ปล่อยไป ปุโรหิตโพธิสัตว์ได้รับทุกข์เพราะการครองเรือน จึงทูลลาขอออกบวช ญาติมิตรและฝูงชนพากันร่ำไห้อาลัย และพากันละสมบัติออกบวชเป็นฤๅษีอยู่ในหิมวันตประเทศ ได้อภิญญาสมาบัติ เมื่อสิ้นอายุแล้วก็ไปเกิดในพรหมโลก