TLD-003-2751
พรหมทัตกุมาร 1 (ชื่อตัวละคร)
ติลมุฏฐิชาดก นิบาตชาดก
พรหมทัตกุมารเป็นตัวละครในเรื่องติลมุฏฐิชาดก ติกนิบาต ในนิบาตชาดก
พระเจ้าพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสีมีโอรสองค์หนึ่งคือพรหมทัตกุมาร เมื่อชันษาได้ 16 ปีพระบิดาให้พรหมทัตกุมารเสด็จไปศึกษาศิลปศาสตร์ ณ เมืองตักสิลา*ตามราชประเพณี พรหมทัตกุมารเดินทางไปถึงเมืองตักสิลา ถามหาอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เมื่อพบแล้วก็บอกว่าตนเป็นโอรสพระเจ้าพรหมทัตเดินทางมาขอเรียนวิชา พรหมทัตกุมารได้มอบทรัพย์ที่พระบิดาประทานติดตัวมาให้เป็นค่าเล่าเรียน แล้วทรงเรียนวิชากับอาจารย์ทั้งกลางวันกลางคืน
วันหนึ่งพรหมทัตกุมารติดตามอาจารย์ทิศาปาโมกข์ไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ เห็นเมล็ดงาที่ตากไว้กลางแดดโดยมีหญิงชราผู้เป็นเจ้าของนั่งเฝ้าอยู่ก็หยิบเมล็ดงามาเสวยหนึ่งกำมือ หญิงชราก็มิได้ว่าอะไรเพราะคิดว่ามาณพนี้คงอดอยาก จะเอาเมล็ดงาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปกินก็ไม่เป็นไร รุ่งขึ้นวันที่ 2 พรหมทัตกุมารก็กระทำเช่นเดิม หญิงชรายังคงนิ่งเฉยอยู่ ครั้นถึงวันที่ 3 ก็กระทำเช่นเดิมอีก หญิงชราจึงร้องไห้คร่ำครวญถามอาจารย์ว่าเป็นผู้บอกให้ศิษย์มาเอาเมล็ดงาของตนหรือ อาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้ฟังก็ตกใจ ไถ่ถามจนรู้เรื่อง จึงจะมอบทรัพย์ให้เป็นค่าเมล็ดงา แต่หญิงชราไม่รับบอกว่าต้องการเพียงให้อาจารย์สอนศิษย์มิให้ทำเช่นนั้นอีก
อาจารย์ทิศาปาโมกข์จึงให้มาณพศิษย์ 2 คนช่วยกันจับพรหมทัตกุมาร แล้วใช้ไม้ไผ่โบยหลังพระกุมารเป็นการสั่งสอน พรหมทัตกุมารถูกโบยตีก็โกรธจนเนตรแดงจัดดังสีน้ำครั่ง จ้องมองอาจารย์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า อาจารย์ทิศาปาโมกข์เองก็รู้ว่าศิษย์โกรธตน เมื่อพรหมทัตกุมารศึกษาสำเร็จแล้วก็ลาอาจารย์ทิศาปาโมกข์กลับบ้านเมือง ด้วยความพยาบาทจึงกล่าวว่าถ้าตนได้เสวยราชย์เมื่อไรจะส่งข่าวให้อาจารย์ไปหา
ต่อมาพระเจ้าพรหมทัตมอบราชสมบัติแก่พรหมทัตกุมาร พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่คิดถึงสิ่งที่อาจารย์ทิศาปาโมกข์กระทำแก่พระองค์ก็ยังโกรธแค้นอยู่จึงส่งสารไปให้อาจารย์เดินทางมาเฝ้า อาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้รับสารแล้วเห็นว่าตอนนี้ตนยังไม่สามารถจะสั่งสอนให้พระราชาหนุ่มรู้ผิดรู้ชอบได้จึงไม่ไปเฝ้า
ต่อมาเมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงมีอายุถึงมัจฉิมวัยก็ให้ทูตนำสารไปเชิญอาจารย์ทิศาปาโมกข์มาเฝ้าอีก คราวนี้อาจารย์คิดว่าถึงเวลาอันควรแล้วที่จะสั่งสอนให้ศิษย์รู้ผิดชอบชั่วดี จึงเดินทางไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตที่เมืองพาราณสี เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ก็ดีพระทัย มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า ขณะที่อาจารย์ทิศาปาโมกข์เข้าเฝ้า ความโกรธอาฆาตแค้นทำให้พระเนตรมีสีแดงจัด มีพระดำรัสย้อนถึงอดีตที่ทรงถูกโบย แล้วตรัสถามอาจารย์ว่าไม่กลัวตายหรือจึงมาเฝ้า อาจารย์ทูลตอบว่าอริยชนผู้เป็นอาจารย์ย่อมลงโทษเพื่อสั่งสอนดัดสันดานศิษย์ผู้ประพฤติชั่วให้เป็นคนดีด้วยการเฆี่ยนตี แม้แต่บิดามารดาก็เช่นเดียวกัน การลงโทษดังกล่าวกระทำด้วยเมตตาจิต เป็นการกระทำที่ไม่ได้ก่อเวร และทูลต่อไปว่าถ้าตนไม่สั่งสอนพระเจ้าพรหมทัตด้วยวิธีนี้พระองค์อาจกลายเป็นโจรเที่ยวปล้นฆ่าผู้อื่นก็ได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นพระองค์ก็จะถูกลงราชทัณฑ์ ย่อมจะไม่ได้ดำรงพระอิสริยยศอันยิ่งใหญ่ดังที่เป็นอยู่ เหล่าอำมาตย์ในที่เฝ้าต่างทูลยืนยันแก่พระเจ้าพรหมทัตว่าถ้อยคำที่อาจารย์ทิศาปาโมกข์ทูลนั้นเป็นความจริงทุกประการ
ส่วนพระเจ้าพรหมทัตได้สดับก็ทรงตระหนักรู้ในคุณของอาจารย์ ความพิโรธขุ่นข้องพระทัยก็สิ้นไป ขอให้อาจารย์รับราชสมบัติ แต่อาจารย์ทิศาปาโมกข์ปฏิเสธขอให้พระเจ้าพรหมทัตดำรงอยู่ในราชสมบัติดังเดิมแล้วทูลลากลับเมืองตักสิลา พระเจ้าพรหมทัตมีรับสั่งให้ราชบุรุษส่งอาจารย์กลับ แล้วให้อาจารย์พาภรรยาและบุตรมาอยู่ในกรุงพาราณสี ทรงแต่งตั้งให้อาจารย์ทิศาปาโมกข์เป็นปุโรหิตาจารย์ พระเจ้าพรหมทัตทรงอยู่ในโอวาทของปุโรหิตาจารย์เสมอดังพระบิดา ทรงบำเพ็ญกุศลเช่นทานเป็นต้น เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ไปเกิดในเทวโลก
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory