พรหมนารทเป็นตัวละครในเรื่องพรหมนารทชาดก มหานิบาต ในนิบาตชาดก เป็นพรหมโพธิสัตว์
นานมาแล้วพระเจ้าอังคติราช*ครองเมืองมิถิลา* พระองค์ตั้งอยู่ในสุจริตธรรม มีพระธิดาทรงนามรุจา*ทรงโฉมงดงาม พระนางได้ทรงตั้งปณิธานไว้สิ้นแสนกัลป์จึงได้มาเกิดในครรภ์พระมเหสี พระบิดาโปรดมากประทานผ้าเนื้อละเอียดกับผอบดอกไม้ 25 ผอบทุกวัน และทุกกึ่งเดือนพระบิดาจะประทานทรัพย์พันหนึ่งเพื่อให้พระธิดาทำทาน พระเจ้าอังคติราชมีอำมาตย์ผู้ใหญ่ 3 คน คือ วิชยอำมาตย์* สุนามอำมาตย์* และอลาตอำมาตย์*
คืนวันเพ็ญพระเจ้าอังคติราชทอดพระเนตรพระจันทร์เต็มดวงพร้อมด้วยข้าราชบริพารมากมาย ทรงเบิกบานพระทัยถามว่าควรจะเพลิดเพลินกันอย่างไรดี อลาตอำมาตย์ทูลให้เตรียมพลทั้ง 4 เหล่าโจมตีเมืองต่างๆ ให้เข้ามาอยู่ในอำนาจ ที่ทูลเช่นนั้นเพราะตนชอบเพลิดเพลินด้วยการรบ สุนามอำมาตย์ค้านว่าขณะนี้พระองค์ไม่มีศัตรู เมืองต่างๆ สวามิภักดิ์แล้ว วันนี้ควรจัดเลี้ยงเพลิดเพลินด้วยเรื่องกามคุณและฟ้อนรำประโคมดนตรี วิชยอำมาตย์ทูลว่าพระองค์มีกามคุณบำเรออยู่เป็นนิตย์แล้ว ดังนั้นควรไปหาสมณพราหมณ์ที่รู้ธรรมให้ช่วยขจัดความสงสัยจะดีกว่า พระเจ้าอังคติราชทรงเห็นด้วยจึงถามหาผู้ที่รู้อรรถธรรม อลาตอำมาตย์ทูลว่ามีอเจลกะ (นักบวชเปลือย) ชื่อคุณาชีวก*อยู่ที่มิคทายวันเป็นนักปราชญ์ พระราชาพร้อมหมู่อำมาตย์และผู้ตามเสด็จจึงไปหาคุณาชีวกแล้วถามว่าบุคคลควรประพฤติต่อบิดามารดา อาจารย์ สมณพราหมณ์และผู้คนในชนบทอย่างไร เหตุใดผู้ประพฤติธรรมจึงไปสู่สุคติ และเหตุใดผู้ที่มิได้ตั้งอยู่ในธรรมจึงตกนรก คุณาชีวกเป็นผู้เปลือยกาย หาสิริไม่ได้ ทั้งยังเป็นผู้เบาปัญญาเมื่อถูกถามเช่นนั้นก็ไม่สามารถจะตอบให้ตรงข้อคำถามได้ คุณาชีวกทูลว่าผลแห่งกรรมที่ประพฤติแล้วไม่มีบุญ ไม่มีบาป ไม่มีปรโลก (โลกหน้า) สัตว์เสมอกันหมดไม่มีประเสริฐกว่ากัน การให้ทานและบาปล้วนไม่มีผล อลาตอำมาตย์ทูลเสริมว่าตนระลึกชาติได้ชาติหนึ่งคือชาติก่อนตนเกิดเป็นคนฆ่าโคชื่อปิงคละ ฆ่าสัตว์มากมาย ชาตินี้มาเกิดเป็นอำมาตย์มีทรัพย์มาก ฉะนั้นบาปไม่มีผลแน่
แท้ที่จริงเมื่อครั้งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า อลาตได้บูชาพระเจดีย์ด้วยพวงดอกอังกาบ เมื่อตายลงเกิดใหม่มีผลบาปกรรมทำให้เกิดในตระกูลฆ่าโค เพราะบุญที่บูชาเจดีย์ยังไม่ส่งผล ต่อมาด้วยอานุภาพแห่งบุญ ทำให้ได้เกิดเป็นอำมาตย์ระลึกชาติได้ชาติหนึ่ง จึงไม่รู้ผลกรรมในชาติก่อนๆ ครั้งนั้นมีทาสผู้หนึ่งชื่อวีชก*เป็นผู้รักษาอุโบสถศีล ได้อยู่ในสำนักคุณาชีวกขณะนั้นด้วย ได้ยินแล้วก็ร้องไห้ พระราชาจึงถามเหตุที่ร้องไห้ วีชกตอบว่าชาติก่อนตนเป็นเศรษฐีในเมืองสาเกต ทำทานไม่เคยทำบาป เมื่อตายแล้วมาเกิดในครรภ์ของนางกุมภทาสี ยากจนมาตลอด แม้กระนั้นก็ยังแบ่งอาหารครึ่งหนึ่งให้แก่คนที่ต้องการ รักษาศีล 8 ในวันอุโบสถ แต่ก็ยังไม่เห็นทางที่จะไปสู่สุคติ เมื่อได้ยินคำพูดของคุณาชีวกจึงร้องไห้ อันที่จริงในสมัยพระพุทธกัสสปะ วีชกเกิดเป็นนายโคบาล วันหนึ่งโคหายจึงเที่ยวตามหา เขาไปพบภิกษุหลงทางรูปหนึ่ง เมื่อท่านถามทาง วีชกแกล้งนิ่งเสีย เมื่อภิกษุถามซ้ำก็ด่าว่า กรรมนั้นยังไม่ส่งผลในชาตินั้น เมื่อตายกรรมอื่นก็ตามสนองท่องเที่ยวอยู่ในวัฏสงสารตามกำลังของกรรม กุศลอันหนึ่งทำให้เขามาเกิดเป็นเศรษฐี กรรมที่ด่าภิกษุเพิ่งมาส่งผลให้เป็นทาสในชาตินี้ แต่วีชกระลึกชาติได้ชาติเดียวจึงเข้าใจผิด
พระเจ้าอังคติราชก็ให้ประชุมเหล่าอำมาตย์แล้วบอกว่าให้พวกอำมาตย์บำเรอกามคุณ พระองค์เองก็จะเสวยความสุขในกามคุณ ทรงสั่งว่าไม่ต้องรายงานกิจการใดๆ แก่พระองค์ แล้วแต่ว่าใครจะวินิจฉัย นับแต่นั้นก็ทรงมัวเมาเพลินอยู่ในกามคุณ ทำให้เกิดการลือไปทั่วพระนครว่า พระราชาเชื่อคุณาชีวกจึงทรงถือมิจฉาทิฏฐิ พระธิดารุจาทรงทราบว่าพระบิดาให้รื้อโรงทานที่ประตูเมืองทั้งสี่และมิได้ทรงพิจารณาพระราชกิจ พระธิดารุจาจึงเสด็จไปเฝ้าพระบิดา ทูลขอทรัพย์หนึ่งพันเพื่อจะทำทาน พระเจ้าอังคติราชตอบว่าทรัพย์ที่ให้ทานนั้นเสียเปล่า และการที่พระธิดาอดอาหารเพื่อถืออุโบสถศีลนั้นไม่ได้บุญอันใด ฉะนั้นควรเลิกถือศีลและงดทำทาน
พระธิดารุจาเป็นผู้รู้อดีตชาติถอยหลังไป 7 ชาติ และรู้อนาคตอีก 7 ชาติ พระนางจึงทูลพระบิดาว่าพระองค์เป็นผู้ที่ฉลาดไม่ควรหลงเชื่อคำสอนของชีเปลือย นางทูลพระบิดาว่าผู้ที่สั่งสมบาปทีละน้อยๆ วันหนึ่งจะจมลงนรก ทรงชี้ให้พระบิดาเห็นโทษของการคบปาปมิตร (มิตรชั่ว) และคุณของการคบบัณฑิตผู้เป็นกัลยาณมิตร แล้วทรงเล่าถึงการเวียนว่ายในวัฏสงสารของพระนางเองว่าชาติที่ 7 นางเกิดเป็นบุตรช่างทองแคว้นมคธ คบมิตรชั่วทำกรรมไว้มาก ทำชู้กับภรรยาผู้อื่น ชาติถัดมาบุญที่ได้เคยทำส่งให้เกิดในตระกูลเศรษฐีได้คบกัลยาณมิตร ทำกิจอันเป็นประโยชน์ รักษาศีลในวันอุโบสถ ภายหลังบาปกรรมที่ทำเมื่อครั้งเป็นบุตรช่างทองตามมาสนอง ต้องไปอยู่ในโรรุวนรก ได้ทุกขเวทนาอยู่นานแล้วก็มาเกิดเป็นลาถูกตอน ต่อจากชาติเป็นลาก็เกิดเป็นลิงป่า ถูกพวกลิงพาไปหานายฝูง นายฝูงจับตัวไว้แล้วกัดลูกอัณฑะ จากชาติลิงมาเกิดเป็นโคถูกตอน ต่อมาเกิดเป็นกะเทยในตระกูลมั่งคั่ง ทั้งนี้เป็นเพราะผลกรรมที่ทำชู้กับภรรยาผู้อื่น จากชาติกะเทยไปเกิดเป็นนางอัปสร เป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ แล้วเกิดต่อไปอีก 7 ชาติ กุศลที่ทำครั้งที่เป็นบุตรเศรษฐีให้ผลเกิดเป็นผู้หญิงทั้ง 6 ชาติ ในชาติที่ 7 จึงได้เกิดเป็นเทวดา นางทูลว่าชายใดปรารถนาเป็นบุรุษทุกชาติต้องเว้นทำชู้กับภรรยาผู้อื่น หญิงใดหวังจะเป็นบุรุษต่อไปทุกๆ ชาติให้ยำเกรงสามี ผู้ใดปรารถนายศสุขอันเป็นทิพย์ให้เว้นจากบาปทั้งปวง ประพฤติแต่สุจริตธรรมทั้งกายวาจาใจ ทั้งสตรีและบุรุษพึงเป็นผู้ไม่ประมาท พระธิดารุจาพยายามทูลบอกทางสุคติแก่พระชนก ทรงขอร้องให้พระบิดาเลิกเชื่อนักบวชเปลือย พระเจ้าอังคติราชพอพระทัยที่พระธิดาตรัสให้ฟัง แต่ยังไม่ละมิจฉาทิฐิ พระธิดารุจาจึงนมัสการทั้งสิบทิศ อธิษฐานอัญเชิญผู้ตั้งอยู่ในธรรม เช่น ท้าวโลกบาล ท้าวมหาพรหม เป็นต้น นางทูลเชิญให้ผู้ตั้งอยู่ในธรรมมาช่วยเปลื้องมิจฉาทิฐิของพระบิดา
ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นมหาพรหมมีพระนามว่านารท พระโพธิสัตว์ทรงตรวจดูโลกก็เห็นพระธิดารุจา จึงตั้งพระทัยไปช่วยพระธิดารุจา ทรงแปลงเป็นฤๅษี เหาะมายืนอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าอังคติราช พระราชาถามถึงเหตุที่นารทฤๅษีสามารถเหาะและยืนบนอากาศได้ ฤๅษีแปลงตอบว่าสัจจะ 1 ธรรมะ 1 ทม 1 จาคะ 1 ทั้ง 4 ประการนี้ตนได้ปฏิบัติในชาติก่อน พระราชาไม่ทรงเชื่อ ทรงถามว่าปรโลกมีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงขอให้พระนารทให้เงินพระองค์ยืม 500 จะทรงใช้คืนในปรโลกหนึ่งพัน พระนารทตอบว่าถ้าทรงมีศีลก็จะให้ยืมทรัพย์ แต่พระองค์ชั่วช้า สิ้นชีพแล้วจะต้องลงนรก พระนารทไม่สามารถตามไปทวงเงินคืนในนรกได้ และบอกว่าผู้ใดไม่มีศีลธรรม ประพฤติชั่ว เกียจคร้าน บัณฑิตย่อมไม่ยอมให้ผู้นั้นกู้ยืมเพราะจะไม่ได้ทรัพย์คืน
พระพรหมนารทโพธิสัตว์ทรงเล็งเห็นว่าพระเจ้าอังคติราชทรงยึดมิจฉาทิฐิไว้มั่น จึงจะต้องให้เห็นภัยในนรกเสียก่อน แล้วบอกว่าถ้าพระราชาไม่ทรงละมิจฉาทิฐิจะต้องไปนรก จะเห็นพระองค์เองถูกฝูงกา ฝูงแร้ง ฝูงสุนัขฉุดคร่าจิกกินในนรก ถ้าไม่เกิดในนรกก็จะต้องไปเกิดในโลกันตนรกซึ่งเป็นที่มืดไม่รู้คืนไม่รู้วัน แล้วเล่าถึงความดุร้ายของสุนัขนรก ความเหี้ยมโหดของนายนิรยบาล ห่าฝนนรก ลมร้อนนรกในโลกันตนรก พระโพธิสัตว์เล่าถึงนรกต่างๆ จนถึงเวตรณีนรกที่มีน้ำเป็นกรดร้อนไหลเชี่ยว เต็มไปด้วยบัวเหล็กที่ใบคมกริบ บาดร่างกายให้ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และสรุปว่าใครเล่าจะไปขอทรัพย์จำนวนนั้นคืนจากพระองค์ได้ พระเจ้าอังคติราชทรงฟังแล้วเกิดความหวาดหวั่นจึงขอให้พระนารทช่วยเป็นที่พึ่ง ขอให้พระฤๅษีสอนอรรถธรรมแก่พระองค์ซึ่งได้กระทำผิดไปแล้ว เพื่อให้พระองค์พ้นจากนรกได้ พระนารทโพธิสัตว์ทรงแนะให้บำเพ็ญทาน งดการใช้งานสัตว์แก่และคนชรา ยึดมั่นอยู่ในกุศลกรรม เมื่อแสดงธรรมถวายพระราชาให้ละมิจฉาทิฐิ ตั้งอยู่ในศีลแล้ว ถวายโอวาทว่านับแต่นั้นให้ทรงเลิกคบปาปมิตรและให้คบแต่กัลยาณมิตร แล้วพรรณนาคุณของพระธิดารุจา ให้โอวาทแก่คนทั้งหลาย แล้วกลับไปยังพรหมโลก พระเจ้าอังคติราชทรงตั้งอยู่ในโอวาทของพรหมนารท ทรงละมิจฉาทิฐิ ทำทาน จึงได้ไปสู่สวรรค์