พรหมลิขิตฤๅษีเป็นตัวละครในบทละครเรื่องวงศเทวราช
พรหมลิขิตฤๅษีบำเพ็ญพรตอยู่เชิงเขายุคนธร*ได้ประมาณแสนปีจนฌานแก่กล้า พระอิศวร*จึงโปรยดอกไม้ลงมาเป็นเครื่องบูชา พระฤๅษีเห็นดอกไม้ตูมดอกหนึ่งใหญ่มากและมีกลิ่นหอม เมื่อเล็งญาณดูก็รู้ว่ามีนางฟ้าอยู่ในดอกไม้ จึงอธิษฐานให้ดอกไม้คลี่กลีบบาน เมื่อลมรำเพยพัด นางงามก็ออกจากดอกไม้
ต่อมาอาสน์ของพระอินทร์*แข็งกระด้าง พระอินทร์เล็งทิพเนตรเห็นนางเทพมนทา*ก็รู้ว่าพระอิศวรตั้งพระทัยจะให้มีผู้ไปปราบอธรรมในโลกมนุษย์ จึงลงไปร่วมสมกับนางเทพมนทาจนนางตั้งครรภ์ เมื่อนางเทพมนทาเจ็บครรภ์จะประสูติโอรส ได้ให้นางฟ้าทั้งสี่*ไปตามพระพรหมลิขิตฤๅษีมาช่วย ด้วยความตื่นเต้นตกใจนางฟ้าองค์หนึ่งเข้าฉุดมือพระฤๅษี พระฤๅษีจึงใช้ไม้เท้าตี เมื่อนางฟ้าได้สติก็บอกสาเหตุที่มาตาม พระพรหมลิขิตฤๅษีจึงรีบไปช่วยนางเทพมนทาให้กำเนิดโอรสอย่างปลอดภัย
(บทบาทของพระพรหมลิขิตฤๅษีฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดีจบเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้เป็นบทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
เมื่อวงศเทวราช*จะทำพิธีอภิเษกสยุมพรกับนางบุษบง* ท้าววิเรนทร*ทหารเอกของวงศเทวราชขอให้นางฟ้าทั้งสี่ซึ่งเคยอยู่รับใช้นางฟ้าสุมนทา* (คือนางเทพมนทา) และวงศเทวราชที่เมืองเนาวรัตนนคร*ไปเชิญพระพรหมลิขิตฤๅษีมาร่วมพิธีที่เมืองสมุทคีรี* ในวันนั้นพระฤๅษีกำลังตั้งสูบเบ้าสุมไฟหลอมแร่เหล็กไหลที่ขุดพบได้อยู่หลังอาศรม นางฟ้าเห็นพระฤๅษีกำลังก้มใช้คีมคีบเบ้าอยู่ก็ตรงเข้าไปฉวยไหล่กระชากลากมา พระฤๅษีตกใจคิดจะแก้แค้นที่ครั้งหนึ่งสี่นางเคยแกล้งไล่ปล้ำตน จึงร่ายมนตร์ให้คีมคีบถ่านกลายเป็นกิ้งกือไล่รัดนางทั้งสี่ไว้ ทั้งสี่นางจึงแจ้งเรื่องที่ตนเดินทางมาหา พระฤๅษีจึงให้กิ้งกือเนรมิตคลายรัดนาง
ต่อมาเปรตสังขปัด*ซึ่งผูกจิตพยาบาทที่ตอนมีชีวิตอยู่เคยขอมเหสีของวงศเทวราชแล้วไม่ได้จึงตามมาอาละวาดขออีกในงานฉลองเมืองเนาวรัตนนคร วงศเทวราชจะปราบอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ท้าววิเรนทร*ทูลให้ส่งนางฟ้าทั้งสี่เดินทางไปนิมนต์พระพรหมลิขิตฤๅษีให้มาช่วยขับไล่เปรต
เมื่อพระฤๅษีเห็นนางทั้งสี่จึงแสร้งเนรมิตกายเป็นเสือตัวใหญ่ นางกลัววิ่งรอบศาลา ครั้นพระฤๅษีถามถึงธุระที่มา นางทั้งสี่กลับนึกสนุกวิ่งเล่นหยอกล้อพระฤๅษีจนพระฤๅษีรำคาญ จึงเสกโอ 4 ใบให้กลายเป็นอึ่งอ่างตัวใหญ่ฮุบเท้านางฟ้าทั้งสี่ไว้ นางจึงยอมเล่าเรื่องที่เปรตมาสร้างความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง ขอให้พระฤๅษีไปช่วยขับไล่ พระฤๅษีจึงสั่งให้อึ่งอ่างปล่อยนาง แล้วเหาะไปหาวงศเทวราชพร้อมกับนางทั้งสี่
พระฤๅษีให้นำดินมาปั้นเป็นรูปตุ๊กตา 16 ตัว เป็นตัวแทนของมเหสีทั้งสี่และเหล่านางสนมของวงศเทวราช ให้ฉีกผ้านุ่งห่มของมเหสีกับนางสนมมานุ่งห่มให้รูปปั้น แล้ววางลงในพลับพลาหยวกกล้วยพร้อมเครื่องเซ่นและเครื่องใช้ในการทำพิธีไล่ผี จากนั้นก็ท่องอาคมตามตำรา ฝ่ายเปรตสังขปัดมากินเครื่องเซ่นและเชยชมรูปปั้นนางทั้ง 15 คน ยกเว้นรูปปั้นนางวันงอ*ซึ่งเปรตจำได้ว่านางมีจมูกสั้น มีดวงหน้าหักงอและมีแก้มลึกเป็นบ่อมีกลิ่นเหม็น พระฤๅษีใช้ข้าวสารเสกซัดไปถูกเปรตหายวับไปกับตา แล้วสั่งให้วงศเทวราชทำทานอุทิศส่วนกุศลให้เปรต ครบ 7 วันเปรตจะไม่มารบกวนอีกต่อไป เมื่อเสร็จกิจพระพรหมลิขิตฤๅษีก็กลับไปบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าดังเดิม