TLD-003-2876
พราหมณ์เทวบุตร (ชื่อตัวละคร)
มัฏฐกุณฑลิชาดก นิบาตชาดก
พราหมณ์เทวบุตรเป็นตัวละครในเรื่องมัฏฐกุณฑลิชาดก ทสกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสี บุตรพราหมณ์ผู้มั่งคั่งผู้หนึ่งสิ้นชีวิตด้วยโรคภัยเมื่ออายุเพียง 16 ปีและได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรในเทวโลก พรามหมณ์เศร้าโศกถึงบุตรจนไม่เป็นอันทำกิจการงานใด ๆ ได้แต่ไปที่ป่าช้าคุ้ยเขี่ยเถ้าถ่านกองฟอนร้องไห้คร่ำครวญ เทวบุตรเห็นพราหมณ์เศร้าโศกก็ต้องการจะช่วยให้บิดาคลายทุกข์ จึงเสด็จลงมาจำแลงกายเป็นบุตรของพราหมณ์โดยตกแต่งร่างกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์อันงดงาม แล้วยกมือวางบนศีรษะร้องไห้ส่งเสียงดังจนพราหมณ์หันมามอง
เมื่อเห็นเทวบุตรก็นึกรักเหมือนบุตรของตน จึงเข้าไปถามเทวบุตรแปลงว่าเหตุใดจึงมาร้องไห้อยู่กลางป่าช้าทั้ง ๆ ที่มีเครื่องประดับอลังการยังมีความทุกข์เรื่องอะไรอีก เทวบุตรแปลงตอบว่าตนมีรถทองที่งดงามแต่ยังหาล้อไม่ได้จึงมีความทุกข์อยู่ และคิดว่าตนคงต้องสิ้นชีวิตถ้าไม่ได้ล้อรถตามต้องการ พราหมณ์ถามเทวบุตรแปลงว่าต้องการรถชนิดใด เป็นรถทอง หรือรถแก้วมณี หรือรถโลหะ ตนจะหามาให้พร้อมกับล้อรถที่เหมาะสม เทวบุตรแปลงตอบว่ารถทองของตนต้องการพระอาทิตย์พระจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้ามาเป็นล้อทั้งคู่ พราหมณ์จึงตำหนิว่าเทวบุตรแปลงเป็นเด็ก (พาล) ที่อยากได้ในสิ่งที่ไม่พึงจะได้ เทวบุตรแปลงบอกว่าพระอาทิตย์พระจันทร์ที่โคจรขึ้นลงนั้นคนยังได้เห็น แต่ผู้ที่ตายไปสู่ปรโลกแล้วไม่เคยมีใครได้เห็นอีกเลย
ดังนั้นการที่ทั้งสองจะมาพร่ำบ่นร้องไห้คร่ำครวญอยู่เช่นนี้ใครควรจะเป็นเด็กกว่ากัน พราหมณ์ได้ฟังเทวบุตรแปลงเปรียบเทียบเช่นนั้นก็ยอมรับว่าตนเป็นเด็กกว่าเทวบุตรแปลงและกล่าวว่าเด็กทารกร้องไห้อยากได้พระจันทร์ฉันใด ตนซึ่งร้องไห้อยากได้คนตายคืนมาก็ฉันนั้น
ด้วยเหตุนี้พราหมณ์จึงคลายทุกข์ เทวบุตรแปลงบอกพราหมณ์ว่าตนคือบุตรของพราหมณ์ที่สิ้นชีวิตไปเกิดในเทวโลก ดังนั้นต่อจากนี้อย่าได้โศกเศร้าถึงตนอีกเลย ขอให้รักษาศีลห้าสมาทานอุโบสถกรรม แล้วเทวบุตรแปลงก็เสด็จกลับเทวโลก ส่วนพราหมณ์ก็รักษาศีลบริจาคทาน เมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็ได้ไปเกิดในสวรรค์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory