TLD-003-2899
พลายงาม (ชื่อตัวละคร)
พลายงาม หรือจมื่นไวยวรนารถ* หรือพระไวย*เป็นตัวละครในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นบุตรของขุนแผน*กับนางวันทอง* มีภรรยา 2 คนคือ ศรีมาลา*และสร้อยฟ้า* มีบุตร 2 คนคือพลายเพชร*เกิดแต่นางศรีมาลา และพลายยง*เกิดแต่นางสร้อยฟ้า
ก่อนที่พลายงามจะเกิดขุนแผนมีเรื่องเคืองแค้นกับขุนช้าง*เพื่อนเก่า เรื่องขุนช้างทำอุบายแย่งชิงนางวันทองภรรยาคนแรกไปครอบครอง และเรื่องถูกขุนช้างใส่ความว่าหนีเวรไปหานางลาวทอง*ภรรยาคนที่ 2 จนทำให้พระพันวษา*กริ้วสั่งพรากนางลาวทองมากักไว้ในวังและห้ามขุนแผนขึ้นเฝ้า ขุนแผนจึงคิดแก้แค้นขุนช้างโดยขึ้นเรือนขุนช้างแล้วพานางวันทองหนีไป ขุนช้างทูลฟ้องว่าขุนแผนเป็นกบฏ ขุนแผนพานางวันทองหนีไปในป่าจนนางวันทองตั้งครรภ์ ขุนแผนจึงพานางไปอาศัยพระพิจิตร*เจ้าเมืองพิจิตร
ต่อมาขุนแผนขอลุแก่โทษ พระพันวษาโปรดให้ชำระความปรากฏชัดว่าขุนช้างเป็นฝ่ายผิดจึงทรงตัดสินให้นางวันทองไปอยู่กับขุนแผน ขุนแผนคิดถึงนางลาวทองที่ยังต้องโทษอยู่จึงทูลขอนาง ทำให้พระพันวษากริ้วมากสั่งจำคุกขุนแผน
ระหว่างที่นางวันทองกลับจากไปเยี่ยมขุนแผน ขุนช้างก็ฉุดคร่านางไปอยู่กับตนที่สุพรรณบุรี นางวันทองคลอดบุตรที่บ้านขุนช้าง ตั้งชื่อลูกว่าพลายงาม ตอนแรกขุนช้างรักพลายงามเลี้ยงดูอย่างดีแต่เมื่อพลายงามอายุได้ 9 ขวบขุนช้างก็แน่ใจว่าพลายงามไม่ใช่ลูกของตน จึงลวงพลายงามไปเที่ยวป่าแล้วทำร้ายจนสลบ ขุนช้างเข้าใจว่าพลายงามตายจึงเอาขอนไม้ทับร่างไว้ ผีพรายช่วยแก้ไขให้พลายงามฟื้นแล้วไปเข้าฝันนางวันทองบันดาลให้นางเห็นว่าลูกชายถูกขุนช้างใช้ขอนไม้ทับไว้ในป่า นางวันทองออกตามหาลูกแล้วเล่าให้พลายงามรู้ว่าเป็นลูกของขุนแผนและชี้ทางให้ไปหาย่าคือนางทองประศรี*ที่กาญจนบุรี พลายงามเดินทางไปถึงบ้านนางทองประศรี นางทองประศรีให้ทำพิธีบายศรีรับขวัญแล้วพาพลายงามไปหาขุนแผนที่คุกในกรุงอยุธยา ขุนแผนขอให้มารดาช่วยสอนพลายงามโดยใช้ตำราของตน พลายงามได้เรียนวิชาตามตำราของขุนแผนจนอยู่ยงคงกระพันรอบรู้เวทมนตร์ต่าง ๆ เหมือนบิดา เช่น สะเดาะโซ่ตรวนได้ กำบังกายได้ เรียกภูตพรายมารับใช้ได้ ผูกหุ่นหญ้าเป็นหุ่นพยนต์ต่อสู้กับศัตรูได้
จนอายุ 13 ปี นางทองประศรีจัดพิธีโกนจุกให้ พลายงามบอกย่าว่าอยากถวายตัวเป็นข้าพระพันวษาและถ้ามีโอกาสจะทูลขอให้บิดาพ้นโทษ นางทองประศรีพาพลายงามมาหาขุนแผนที่คุกอีกครั้ง ขุนแผนทดสอบความรู้ของพลายงามจนแน่ใจแล้วจึงพาไปฝากกับจมื่นศรีเสาวรักษ์*มิตรแท้ผู้อุปการะขุนแผนอย่างสม่ำเสมอ จมื่นศรีรับพลายงามไว้แล้วช่วยสอนให้พลายงามได้เรียนรู้พระราชกำหนดกฎหมายและการเป็นมหาดเล็ก เมื่อได้โอกาสจมื่นศรีก็นำพลายงามถวายตัวเป็นมหาดเล็ก
เมื่อได้ข่าวศึกเชียงใหม่พลายงามจึงขอให้จมื่นศรีช่วยทูลว่าตนจะขออาสา จมื่นศรีไม่แน่ใจว่าพลายงามจะไปรบได้เพราะเห็นว่ายังเด็กนัก พลายงามจึงลองวิชาให้ดูด้วยการหายตัวไปแล้วปรากฏตัวเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ทำทีวิ่งไล่ผู้คน จมื่นศรีพาพลายงามขึ้นเฝ้าอาสาไปทำศึก พลายงามทูลขอขุนแผนบิดาไปเป็นที่ปรึกษาในกองทัพด้วย พระพันวษาโปรดให้ขุนแผนออกจากคุก และให้พลายงามกับขุนแผนลองวิชากัน ทั้งสองพ่อลูกสู้กันด้วยเพลงอาวุธต่าง ๆ รวมทั้งประลองฤทธิ์กันโดยใช้เวทมนตร์แปลงกายเป็นสัตว์ชนิดต่าง ๆ สู้กันจนเป็นที่พอพระทัยของพระพันวษา ระหว่างเดินทางไปเชียงใหม่แวะพักทัพที่เมืองพิจิตร ขุนแผนพาพลายงามไปเยี่ยมเคารพพระพิจิตร* พลายงามได้เห็นศรีมาลา*ธิดาพระพิจิตรก็หลงรักในทันที เพราะคืนก่อนที่จะได้พบนาง พลายงามฝันเห็นหญิงงามนางหนึ่ง “คนนี้นี่แล้วที่เราฝัน รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่” พระพิจิตรชวนให้สองพ่อลูกพักอยู่ด้วย ตกกลางคืนพลายงามลอบเข้าหาศรีมาลาและได้นางเป็นภรรยา ขุนแผนรู้เรื่องก็ไม่สบายใจเพราะเกรงใจพระพิจิตรผู้มีบุญคุณแก่ตนจึงแก้ปัญหาด้วยการสู่ขอศรีมาลาให้พลายงามและให้หมั้นกันไว้ก่อน
เมื่อชนะศึกเชียงใหม่แล้วพลายงามและขุนแผนนำเจ้าเชียงใหม่*พร้อมมเหสีและธิดาคือนางสร้อยฟ้า*กับนางสร้อยทองมาถวายพระพันวษา เจ้าเชียงใหม่ยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี พระพันวษาจึงโปรดให้กลับไปครองเชียงใหม่ดังเดิม พระพันวษาประทานบรรดาศักดิ์ให้พลายงามเป็นจมื่นไวยวรนาถและยกนางสร้อยฟ้าให้ด้วย ขุนแผนทูลว่าจมื่นไวยมีภรรยาแล้วเป็นธิดาพระพิจิตรและมีกำหนดการจะแต่งงานกัน พระพันวษาจึงรับสั่งให้จัดพิธีแต่งงานจมื่นไวยกับนางศรีมาลาแล้วประทานนางสร้อยฟ้ามาให้ในวันเดียวกัน นางวันทองมาช่วยงานแต่งงานของจมื่นไวย ขุนช้างตามมาด้วย ได้ดื่มเหล้าจนเมาลืมตัว เกิดการโต้เถียงกับจมื่นไวย ขุนช้างลำเลิกจมื่นไวยว่าไม่รู้จักบุญคุณ จมื่นไวยชกต่อยขุนช้างด้วยความโกรธ ขุนช้างเจ็บใจที่ถูกทำร้ายก็พูดต่อไปถึงเรื่องเก่าที่เคยพาจมื่นไวยไปฆ่า จมื่นไวยได้ยินขุนช้างอ้างถึงความหลัง จึงบอกกล่าวให้ทุกคนเป็นพยานแล้วเรียกบ่าวไพร่รุมกันทุบตีขุนช้างจนสลบ ขุนช้างจึงไปทูลฟ้องพระพันวษา และใส่ความเพิ่มว่าจมื่นไวยท้าทายมาถึงเจ้านายของตนด้วย พระพันวษาจึงโปรดให้ไต่สวนคดีความเพราะไม่โปรดที่จะให้จมื่นไวยทำร้ายคนตามใจชอบ ขุนช้างปฏิเสธเรื่องที่ตนลวงจมื่นไวยไปฆ่าสมัยเด็กและกล่าวหาว่าจมื่นไวยใส่ความตนด้วยการทูลความเท็จ พระพันวษาทรงถามขุนนางที่ไปร่วมงาน ทุกคนให้การเหมือนจมื่นไวย ขุนช้างอ้างว่าคนเหล่านั้นเป็นพยานเท็จเพราะเป็นพวกเดียวกัน เมื่อไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงต้องมีการพิสูจน์จึงมีรับสั่งให้ทั้งสองดำน้ำพิสูจน์ความสัตย์ ขุนช้างดำน้ำแพ้ถึง 2 ครั้ง พระพันวษาทรงสั่งประหารขุนช้างด้วยการให้นำตัวไปผ่าอกที่ป่าซึ่งเคยลวงพลายงามไปฆ่า ขุนช้างแกล้งทำเป็นบ้าอาละวาดจึงถูกคุมขังจองจำอย่างแน่นหนา นางวันทองรู้เรื่องก็เป็นทุกข์ไปอ้อนวอนขอให้จมื่นไวยช่วยทูลขออภัยโทษให้ จมื่นไวยเห็นแก่มารดาก็จำเป็นต้องไปทูลขอ พระพันวษาจึงทรงยกโทษให้ขุนช้าง จมื่นไวยปรารถนาจะให้นางวันทองมาอยู่ด้วยเพื่อให้ตนมีพร้อมทั้งพ่อและแม่ ทั้งรู้สึกช้ำใจที่มารดายังเป็นภรรยาของขุนช้าง จมื่นไวยจึงใช้เวทมนตร์กำบังกายขึ้นเรือนขุนช้าง สะกดให้ทุกคนหลับแล้วคลายสะกดเฉพาะนางวันทองชักชวนนางให้ไปกับตน นางวันทองพยายามเตือนให้จมื่นไวยรู้ฐานะของตนว่าเป็นขุนนางมีเกียรติไม่ควรใช้วิธีลักพาเช่นนี้แต่ควรจะไปชวนบิดาฟ้องร้องเรื่องของนางก็จะสำเร็จได้ง่าย จมื่นไวยไม่ยอมและดื้อดึงบังคับให้นางวันทองไปพร้อมกับตนและส่งคนไปบอกขุนช้างว่าตนป่วยกะทันหันจึงไปขอให้แม่มารักษาพยาบาล หายเมื่อไรก็จะพานางไปคืนให้ ขุนช้างโกรธมากจึงไปถวายฎีกาต่อพระพันวษา
พระพันวษากริ้วเพราะทรงตัดสินคดีให้นางวันทองไปอยู่กับขุนแผนแล้วแต่เหตุใดนางจึงไปอยู่กับขุนช้างอีก ทั้งยังกริ้วจมื่นไวยที่ประพฤติตนตามอำเภอใจ ทรงเห็นว่านางวันทองนั้นเป็นต้นเหตุสำคัญ จึงถามความสมัครใจของนางว่าจะเลือกไปอยู่กับขุนช้างหรือขุนแผนหรือจะอยู่กับลูก นางวันทองตกใจกลัวทูลตอบไม่ถูก ได้แต่พรรณนาความรักและความรู้สึกผูกพันที่ตนมีต่อบุคคลทั้งสาม พระพันวษากริ้วมากจึงสั่งประหารชีวิตนางวันทองทันที ระหว่างที่ทุกคนเศร้าโศกร้องไห้รำพันรักอยู่ที่แดนประหารนั้น จมื่นไวยตัดสินใจไปทูลขออภัยโทษให้มารดา พระพันวษาก็ทรงยกโทษให้แต่เมื่อมาถึงนางก็ถูกเพชฌฆาตตัดศีรษะไปแล้ว จมื่นไวยเสียใจจนสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นก็บวชอุทิศส่วนกุศลให้มารดา
ครอบครัวของจมื่นไวยไม่ค่อยสงบสุขเพราะภรรยาทั้งสองไม่ถูกกัน แม้จมื่นไวยจะพยายามจัดแบ่งที่อยู่ให้อย่างยุติธรรม ไม่ให้ก้าวก่ายกันเนื่องจากนางทั้งสองต่างก็มีบ่าวไพร่ของตน นางสร้อยฟ้าและนางศรีมาลาทะเลาะกันบ่อยครั้ง นางทองประศรีผู้เป็นย่าประสมโรงด่านางสร้อยฟ้าทุกครั้ง
วันหนึ่งทั้งสองคนโต้เถียงกันนางสร้อยฟ้าพูดกระทบไปถึงเรื่องที่จมื่นไวยเคยเข้าหานางศรีมาลาเมื่อครั้งไปทัพ ทำให้นางศรีมาลาโกรธเข้าทุบตีนางสร้อยฟ้า ทั้งสองตบตีกันชุลมุน พลายชุมพล*น้องชายของจมื่นไวยเข้ามาห้ามถูกนางสร้อยฟ้าผลักตกร่อง ทำให้นางทองประศรีโกรธด่าว่านางสร้อยฟ้าอย่างรุนแรง นางจึงโต้ตอบอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน จมื่นไวยกลับมารู้เรื่องทั้งหมดก็โกรธ จึงใช้ไม้ไล่ตีนางสร้อยฟ้า ทำให้นางเสียใจและแค้นใจมากจึงไปหาเถรขวาด* ขอให้ทำเสน่ห์ให้จมื่นไวยและนางทองประศรีรักใคร่นาง แต่ให้เกลียดชังนางศรีมาลา จมื่นไวยถูกเสน่ห์หลงใหลนางสร้อยฟ้า เฆี่ยนตีนางศรีมาลา พลายชุมพลเข้าห้ามจึงพลอยถูกตีไปด้วย ทำให้พลายชุมพลโกรธ หนีไปหาขุนแผนที่กาญจนบุรี ขุนแผนรู้ว่าจมื่นไวยถูกเสน่ห์จึงพยายามจะทำให้จมื่นไวยรู้ตัว โดยใช้มนตร์ทำพิธีส่องกระจกให้เห็นภาพการทำเสน่ห์ แต่จมื่นไวยไม่เชื่อซ้ำยังบอกว่าตนก็ใช้เวทมนตร์ทำได้เช่นกัน นางทองประศรีเข้าข้างหลานเยาะเย้ยขุนแผนว่าทำได้เหมือนแขกเล่นกลแล้วช่วยลำเลิกว่าขุนแผนได้ดีมีสุขเพราะลูกชายช่วยทูลขอโทษให้ ขุนแผนโกรธมากจึงทวงดาบฟ้าฟื้น*คืนและจะฆ่าจมื่นไวยแต่จมื่นไวยไม่สู้ได้แต่หลบหลีกไป ระหว่างนั้นบิดามารดาของนางศรีมาลามาเยี่ยมลูกเพราะนางส่งข่าวไปหลอกว่าป่วยหนัก พระพิจิตรและนางบุษบา*พยายามตักเตือนให้จมื่นไวยทำตนเป็นสามีที่ดีแต่จมื่นไวยหลงนางสร้อยฟ้ามากจึงพูดก้าวร้าวพ่อตาแม่ยายอย่างรุนแรง ทำให้ขุนแผนโกรธมากขึ้นเพราะถือว่าทั้งสองเป็นผู้มีบุญคุณแก่ตน พลายชุมพลไปอยู่สุโขทัยกับตายายและมีโอกาสได้เรียนวิชารู้เวทมนตร์ต่าง ๆ
วันหนึ่งเสกหญ้าฟางให้เป็นหุ่นยักษ์เหาะไปส่งข่าวถึงขุนแผน ต่อมาขุนแผนวางแผนกับพลายชุมพลให้จัดทัพหุ่นหญ้าและปลอมตัวเป็นมอญมาตั้งค่ายใกล้เมืองสุพรรณเพราะคาดว่าเมื่อได้ข่าวศึก พระพันวษาจะต้องสั่งให้ตนและจมื่นไวยไปรบ ถ้าได้โอกาสก็จะกำจัดจมื่นไวย เมื่อมีมอญมาตั้งค่ายเจ้าเมืองสุพรรณบุรีจึงส่งใบบอกไปอยุธยา พระพันวษาสั่งให้พันเภา*ถือหนังสือไปหาขุนแผน ให้ขุนแผนไปดูทัพข้าศึก พลายชุมพลปลอมตนเป็นมอญชื่อสมิงมัตรา* แสร้งส่งสารมาท้ารบ ขุนแผนทำทีโกรธและบอกว่าจะสู้รบกันในวันรุ่งขึ้น ตอนกลางคืนพลายชุมพลส่งทหารหุ่นหญ้าปล้นค่ายของฝ่ายขุนแผน ขุนแผนออกต่อสู้แต่ทำทีว่าแพ้ถูกจับตัวไป ทหารกลับไปทูลพระพันวษาว่าขุนแผนถูกจับไปไม่ทราบว่าตายหรือไม่ พระพันวษาเข้าพระทัยว่าขุนแผนคงจะเสียทีเพราะความชรา จึงทรงบัญชาให้จมื่นไวยนำทัพไปปราบทัพมอญ จมื่นไวยยกทัพไปเพื่อจะแก้แค้นให้บิดา ก่อนไปสั่งเสียให้ภรรยาปรองดองกัน จมื่นไวยผูกหุ่นและทำพิธีเสกมนตร์ เนื่องจากจมื่นไวยถูกเสน่ห์ทำให้เวทมนตร์เสื่อมจึงต้องเสกอยู่หลายครั้งกว่าจะได้หุ่นถืออาวุธครบมือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ จมื่นไวยตกใจที่เวทมนตร์ของตนไม่ขลังเหมือนเคย จึงจับยามดูทำให้รู้ว่าศัตรูนั้น “ในตำราว่ามิใช่คนอื่นไกล เนื้อไขเขม้นจะเล่นกัน” แต่ก็ยังนึกไม่ถึงว่าตนจะต้องสู้กับบิดาและน้องชาย จมื่นไวยจัดทัพแล้วก็เดินทางไปตอนกลางคืนผ่านป่า นางวันทองมารดาซึ่งตายไปแล้วกลายเป็นเปรตรู้ว่าลูกชายจะไปสู้รบกับบิดาของตน นางเกรงว่าจมื่นไวยจะถูกขุนแผนฆ่า ด้วยความเป็นห่วงลูก เปรตวันทองจึงนิมิตตนเป็นสาวน้อยรูปงามมาร้องเพลงเดินเล่นรอจมื่นไวยอยู่ จมื่นไวยเห็นผู้หญิงสวยก็เข้าไปเกี้ยว นางแปลงจึงกลับเพศให้เห็นเป็นเปรตแล้วบอกว่าตนคือมารดามาเตือนให้ระวังตัวให้ดีเพราะจะเสียทีคู่ต่อสู้
จมื่นไวยได้พบมารดาในสภาพที่เป็นเปรตก็เศร้าใจมาก สงสารมารดาที่แม้ตนจะทำบุญส่งไปให้มากแล้วนางก็ยังไม่พ้นบาป ทั้งซาบซึ้งในพระคุณของมารดาที่แม้จะสิ้นชีวิตไปแล้วก็ยังห่วงลูกอุตส่าห์มาห้ามไม่ให้ไปต่อสู้ แต่จมื่นไวยคิดว่าขุนแผนผู้เป็นพ่อก็สิ้นชีวิตแล้ว ตนจะต้องต่อสู้ต่อไป เมื่อกองทัพของทั้งสองฝ่ายเจ้าประจัญบานกัน ต่างฝ่ายต่างปราบหุ่นพยนต์ของแต่ละฝ่าย ในที่สุดจมื่นไวยได้เข้าต่อสู้กับพลายชุมพลในร่างของมอญหนุ่มน้อย ระหว่างนั้นขุนแผนชักม้าตรงเข้ามาและร้องเรียกพลายชุมพล จมื่นไวยจึงได้รู้ว่าตนกำลังรบกับน้องชายและพ่อกำลังจะเข้ามาฆ่าจึงชักม้าหนีโดยไม่ต่อสู้ จมื่นไวยทูลพระพันวษาว่าทัพมอญนั้นเป็นทัพของพลายชุมพลและขุนแผน และที่ตนแตกทัพเพราะไม่ยอมต่อสู้กับบิดา แล้วจมื่นไวยก็ทูลปัญหาทั้งหมดในครอบครัวของตน รวมทั้งเรื่องที่ขุนแผนเชื่อว่าตนถูกเสน่ห์นางสร้อยฟ้าแต่จมื่นไวยไม่เชื่อ พระพันวษาทรงสงสัยเรื่องถูกเสน่ห์ จึงสั่งให้ส่งคนไปตามตัวขุนแผนมาเฝ้าเพื่อจะได้ทรงตัดสินให้ยุติธรรม จมื่นไวยทูลว่าควรส่งนางศรีมาลาไปรับขุนแผนเพราะเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ขุนแผนจะยอมฟัง พระพันวษาโปรดให้จัดเรือส่งนางศรีมาลาไปรับขุนแผน ขุนแผนและพลายชุมพลจึงยอมมาเฝ้า พระพันวษาทรงไต่สวนได้ความจริงแล้วจึงทรงตำหนิจมื่นไวยที่ลำเลิกบุญคุณกับบิดาและทรงขอให้ขุนแผนเลิกเคืองแค้นจมื่นไวยเพราะจมื่นไวยถูกเสน่ห์จึงประพฤติผิดไป
พระพันวษาทรงชำระความเรื่องการทำเสน่ห์ ปรากฏว่านางสร้อยฟ้าเป็นฝ่ายผิด จึงทรงตัดสินให้ประหารชีวิต นางศรีมาลาทูลขอชีวิตนางสร้อยฟ้าและทูลว่านางตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน พระพันวษาทรงยกโทษให้แต่ให้เนรเทศไป แม้จมื่นไวยจะรู้ว่านางสร้อยฟ้าเป็นคนผิดแต่ก็ยังรักและสงสารนาง นางสร้อยฟ้าเดินทางกลับเชียงใหม่ ระหว่างทางได้พบเถรขวาดและเณรจิ๋ว ทั้งสองคนเป็นเพื่อนเดินทางกับนางไปจนถึงเชียงใหม่ นางสร้อยฟ้าคลอดบุตร เจ้าเชียงใหม่ให้ชื่อว่าพลายยงพงศ์นพรัฐ ส่วนนางศรีมาลาก็มีบุตรชื่อพลายเพชร ต่อมาเถรขวาดคิดจะแก้แค้นพลายชุมพลจึงแปลงเป็นจระเข้ใหญ่อาละวาดมาตลอดลำน้ำ ชาวบ้านพากันแตกตื่นตกใจกลัว พระพันวษาจึงทรงเรียกจมื่นไวยมาหารือเรื่องการปราบจระเข้ จมื่นไวยทูลว่าจระเข้มีฤทธิ์ผิดปกติน่าจะไม่ใช่จระเข้สามัญ จมื่นไวยนึกถึงพลายชุมพลน้องชายเห็นเป็นโอกาสที่จะช่วยให้ได้มีความดีความชอบจึงเสนอให้พลายชุมพลเป็นผู้ปราบจระเข้ พลายชุมพลสามารถปราบเถรขวาดได้สำเร็จและได้ความดีความชอบ
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory