TLD-003-2952
พากุลกุมาร (ชื่อตัวละคร)
พากุลชาดก ปัญญาสชาดก
พากุลกุมารเป็นตัวละครในเรื่องพากุลชาดกในปัญญาสชาดกเป็นพระโพธิสัตว์
พากุลกุมารเป็นพระโพธิสัตว์ที่พระอินทร์อัญเชิญมาปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาของโภควุฒิเศรษฐี* วันที่มาปฏิสนธินั้น ภรรยาของโภควุฒิเศรษฐีฝันว่ามีต้นจำปาขึ้นอยู่ในอ่างทอง 2 ใบ เมื่อผ่านไป 10 ปีอ่างทองใบหนึ่งแตก อีก 5 ปีต่อมาอ่างทองใบที่สองก็แตก ส่วนต้นจำปากลับสูงขึ้นไปในอากาศ พราหมณ์ทำนายฝันว่า โภควุฒิเศรษฐีจะได้บุตรที่มีบุญญาธิการได้ครองเมืองพาราณสี แต่มารดาจะตายเมื่อบุตรอายุ 10 ปี และบิดาจะตายเมื่อบุตรอายุ 15 ปี
เมื่อภรรยาของโภควุฒิเศรษฐีคลอดบุตร บุตรนั้นมีผิวพรรณสดใส มีลักษณะงามทุกสัดส่วน ได้ชื่อว่าพากุลกุมาร เมื่ออายุ 15 ก่อนบิดาเสียชีวิตได้สั่งความพากุลกุมารว่าให้ตั้งศพของตนเป็นอาหารของสัตว์ และให้เก็บกะโหลกศีรษะไว้ เมื่อจะทำนาให้ผูกกะโหลกศีรษะนั้นลากไปยังที่ต่างๆ ถ้ากะโหลกศีรษะติดอยู่ที่ใดให้ทำนาในที่นั้น
พากุลกุมารเป็นผู้มีความกตัญญูต่อบิดามารดา และมีความเพียรเป็นที่สุด เมื่อพากุลกุมารอายุได้ 16 ปี จึงทำตามคำสั่งของบิดาด้วยความมุ่งมั่น โดยพาลูกสุนัขตัวหนึ่งเป็นเพื่อนตระเวนไปยังที่ต่างๆ จนไปถึงที่ดอนแห่งหนึ่งซึ่งสูงถึง 100 วาไม่เหมาะในการทำนา แต่กะโหลกศีรษะของบิดากลับติดอยู่ พากุลกุมารจึงทำนาในที่ดอนแห่งนั้นจนได้ผลดี ในขณะเดียวกันพากุลกุมารได้หมั่นรักษาศีล 8 อยู่เสมอเพราะมีความปรารถนาที่จะได้พระโพธิญาณ แต่อดเป็นทุกข์ถึงความอนาถาของตนไม่ได้ พระอินทร์จึงได้นำนางสุขุมาอัณฑา*ธิดาของพญาสัตตกุฏราช*แห่งเมืองสัตตกุฏนคร*มายังที่อยู่ของพากุลกุมาร โดยเนรมิตไข่เท่าผลฟักซึ่งภายในบริบูรณ์ทุกอย่างให้นางอยู่
พากุลกุมารครองคู่อยู่กับนางสุขุมาอัณฑาอย่างมีความสุข จนชาวบ้านร่ำลือถึงความงามของนางสุขุมาอัณฑาไปทั้งตำบล คามโภชก*ขุนส่วยในตำบลแห่งนั้นจึงนำความไปทูลยุยงให้พระเจ้าพรหมทัต*นำนางสุขุมาอัณฑามาเป็นมเหสี พระเจ้าพรหมทัตจึงไปท้าแข่งขันกับพากุลกุมารในเรื่องต่างๆ หากพากุลกุมารแพ้จะต้องยกภรรยาให้พระองค์ แต่ด้วยความช่วยเหลือของนางสุขุมาอัณฑาที่นำของวิเศษออกจากไข่ให้พากุลกุมารไปแข่งขันกับพระเจ้าพรหมทัต พากุลกุมารจึงชนะได้ทุกครั้ง
คามโภชกออกอุบายให้พระเจ้าพรหมทัตทำกลองใบใหญ่ให้ราชบุรุษเข้าไปอยู่แล้วนำไปไว้ที่เรือนของพากุลกุมารเพื่อแอบฟังความที่สามีภรรยาคุยกัน เมื่อราชบุรุษได้ยินนางสุขุมาอัณฑากล่าวกับพากุลกุมารว่าถ้าต้องการอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข พากุลอย่าได้กินไข่ ราชบุรุษนำความไปแจ้งแก่พระเจ้าพรหมทัต คามโภชกจึงให้พระเจ้าพรหมทัตจัดเลี้ยงอาหารที่เจือไข่โดยเชิญพากุลกุมารมาด้วย
นางสุขุมาอัณฑาอยู่ที่บ้านรู้สึกร้อนรุ่มจนทนอยู่ไม่ได้ต้องจากไป โดยได้ฝากแหวนและบอกเส้นทางที่พากุลกุมารจะไปตามตนไว้กับลูกสุนัขที่พูดได้เพราะได้กินอาหารทิพย์ของนางสุขุมาอัณฑาทุกวัน เมื่อพากุลกุมารกลับมารู้เรื่องจากลูกสุนัขก็เสียใจยิ่ง จึงมุ่งมั่นติดตามนางไปตามทางที่นางสุขุมาอัณฑาบอกไว้ หนทางนั้นยากลำบากต้องเดินไปไกลถึงสองแสนแปดสิบวา และยังต้องผ่านแม่น้ำอุตตานาที่กว้าง 10 โยชน์ โดยใช้เวลาถึง 3 วัน 3 คืน จนลูกสุนัขที่ติดตามไปเหน็ดเหนื่อยสิ้นใจตาย ทำให้พากุลกุมารเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องสูญเสียลูกสุนัขที่นับเป็นเพื่อนแท้ของตน จึงหวาดหวั่นที่ชีวิตของตนต้องกลับมาเดียวดายอีกครั้ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของญาติที่ได้เกิดเป็นเทวดา รวมทั้งพระอินทร์ที่เห็นใจพากุลกุมารได้แปลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ มาช่วยนำทาง พากุลกุมารจึงเดินทางต่อไปได้อีก 28 โยชน์จนถึงสัตตกุฏนคร
พากุลกุมารรออยู่ที่เรือนหลวงริมสระน้ำที่มีกลิ่นหอมฟุ้งด้วยสุคนธชาติตามคำบอกของพระอินทร์ จนมีทาสี 3 นางมาตักน้ำในสระนั้นเพื่อใช้ในพิธีรับขวัญนางสุขุมาอัณฑา พากุลกุมารจึงแอบใส่แหวนในหม้อน้ำ เมื่อนางสุขุมาอัณฑาได้สรงน้ำนั้น แหวนจึงได้ไหลเข้าสวมนิ้วมือ นางนำความไปแจ้งแก่บิดาว่าสามีของนางมาถึงแล้ว พญาสัตตกุฏราชให้เชิญพากุลกุมารเข้าเมือง เมื่อเห็นพากุลกุมารก็พอใจที่พากุลกุมารมีท่วงท่าสง่างาม ผิวพรรณสดใสหาบุรุษอื่นเทียบไม่ได้ แต่พญาสัตตกุฏราชต้องการทดสอบความสามารถของพากุลกุมารจึงให้พากุลกุมารทำสิ่งที่ผู้อื่นทำสำเร็จได้ยาก ได้แก่ ยกสหัสถามธนูที่ต้องใช้กำลังคนพันคนยก ให้ขนเมล็ดงาจากเกวียนเล่มหนึ่งไปยังอีกเล่มหนึ่ง และให้เลือกนางสุขุมาอัณฑาให้ถูกต้องด้วยการพิจารณานิ้วมือของสตรี 7 นางที่ยื่นออกจากม่าน
ด้วยพละกำลังของพากุลมารจึงสามารถยกธนูได้โดยง่าย และด้วยบุญญาธิการของพระโพธิสัตว์ เมื่อพากุลกุมารอธิษฐานขอให้เทพยดาช่วยให้ตนทำงานสำเร็จ หากตนจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต พระอินทร์จึงช่วยอนุเคราะห์จนพากุลกุมารชี้ตัวนางสุขุมาอัณฑาได้สำเร็จ พญาสัตตกุฏราชปีติอย่างยิ่งที่พากุลกุมารมีความสามารถเหนือบุรุษทั่วไป จึงจัดการอภิเษกพากุลกุมารกับนางสุขุมาอัณฑา และให้ทั้งสองครองเมืองสัตตกุฏนคร จากนั้นพากุลกุมารกับนางสุขุมาอัณฑาได้กลับมายังเมืองพาราณสี คามโภชกเห็นพากุลกุมารและนางสุขุมาอัณฑาแต่งกายด้วยเครื่องทรงกษัตริย์นั่งบนหลังม้าที่รูปร่างสง่างาม จึงทูลพระเจ้าพรหมทัตว่าพากุลกุมารอาจนำทัพของพระราชาอื่นมา พระเจ้าพรหมทัตจึงยกทัพไปประจันหน้าและท้ารบเพื่อชิงนางสุขุมาอัณฑา แต่เพียงพากุลกุมารยิงสหัสถามธนู อานุภาพของเสียงธนูก็ทำให้พระเจ้าพรหมทัตและคามโภชกตกใจจนตกช้างตาย
พระเจ้าพากุลกุมารได้ครองเมืองพาราณสีดังคำทำนาย และปกครองเมืองด้วยทศพิธราชธรรม สั่งสอนให้ชนทั้งหลายตั้งอยู่ในศีล 5 อีกทั้งยังได้ตั้งโรงทาน 6 แห่ง บริจาคทานวันละหกแสนทุกวัน เมื่อสิ้นอายุจึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory