TLD-003-0569
โกสิยะ (ชื่อตัวละคร)
สุทธาโภชนชาดก นิบาตชาดก
โกสิยะเป็นตัวละครในเรื่องสุทธาโภชนชาดก อสีตินิบาต ในนิบาตชาดก
ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเศรษฐีผู้มีทรัพย์มากมาย ให้สร้างศาลาทาน 6 แห่ง บริจาคทรัพย์วันละ 600,000 เศรษฐีสั่งสอนลูกหลานว่าอย่าได้ตัดการให้ทานนี้เสีย เมื่อเศรษฐีตายก็ได้ไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) บุตรของเศรษฐีได้ทำทานเรื่อยมา จนเมื่อตายไปก็ได้ไปเกิดเป็นพระจันทรเทพบุตร บุตรของพระจันทรเทพบุตรก็บริจาคทานต่อมาและได้ไปเกิดเป็นสุริยเทพบุตร บุตรสุริยเทพบุตรบำเพ็ญทาน ได้ไปเกิดเป็นพระมาตลี บุตรของพระมาตลีได้บำเพ็ญทานเหมือนบิดา ได้ไปเกิดเป็นปัญจสิขเทพบุตร
ครั้นถึงรุ่นลูกของปัญจสิขเทพบุตรก็เป็นเศรษฐีชื่อว่ามัจฉริยโกสิยเศรษฐี* เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น ไม่ยอมบริจาคทรัพย์ให้ใครเลย ในที่สุดก็สั่งให้รื้อโรงทานเผาทิ้งให้หมด ทำให้พวกยาจกเดือดร้อนมาก วันหนึ่งมัจฉริยโกสิยเศรษฐีเห็นอนุเศรษฐีกินข้าวปายาสอยู่กับครอบครัว อนุเศรษฐีชวนให้กินด้วย แต่มัจฉริยโกสิยเศรษฐีเกรงว่าหากกินข้าวปายาสของอนุเศรษฐีแล้ว เมื่ออนุเศรษฐีไปที่เรือนตน ตนจะต้องตอบแทน จึงกล่าวปฏิเสธไป ทั้งๆ ที่ใจอยากกินข้าวปายาสจนน้ำลายไหล เมื่อกลับมาบ้านมัจฉริยโกสิยเศรษฐีก็ยังอยากกินข้าวปายาส แต่ก็ไม่ยอมทำกินให้เสียทรัพย์ เมื่ออดกลั้นความอยากไว้ไม่ได้ก็มีอาการผอมเหลือง หมดกำลังเข้าไปนอนอยู่บนเตียง ภรรยาเศรษฐีเข้ามาถามก็ไม่ยอมบอก เกรงว่าถ้าทำข้าวปายาสจะมีผู้อื่นมาขอ เมื่อภรรยารบเร้าถาม เศรษฐีจึงบอกความจริง ภรรยากล่าวว่านางสามารถหุงข้าวปายาสเลี้ยงคนได้จำนวนมาก เศรษฐีโกรธมาก ในที่สุดภรรยาค่อยลดจำนวนผู้ที่จะได้รับข้าวปายาสลงเรื่อยๆ ในที่สุดบอกเศรษฐีว่าจะหุงข้าวปายาสสำหรับเศรษฐีและนางเพียง 2 คน เศรษฐีว่านางไม่สมควรแก่ข้าวปายาส นางก็จะหุงให้เศรษฐีกินคนเดียว เศรษฐีตอบว่าไม่ควรหุงข้าวในบ้าน คนในบ้านมีมากที่อยากกินข้าวปายาส เศรษฐีให้ภรรยาจัดหาเครื่องปรุงและภาชนะสำหรับหุงข้าวให้ ตนจะเข้าไปแอบหุงข้าวอยู่ในป่า
ท้าวสักกเทวราชอยากรู้ว่าสมบัติทิพย์จำนวนมากมายของพระองค์ได้มาอย่างไร จึงทรงเห็นการบำเพ็ญทานของพระองค์เมื่อยังอยู่ในเมืองพาราณสี บุตรหลานของพระองค์ก็ทำทานวงศ์ ได้เกิดเป็นเทพยดา แต่บุตรของปัญจสิขเทพบุตรได้ตัดทานวงศ์นั้นเสียแล้ว ทั้งยังไม่ให้อะไรใครเลย เมื่อตายแล้วจะต้องไปเกิดในนรก ท้าวสักกเทวราชจึงชวนจันทรเทพบุตรและเทพบุตรอื่นๆ ให้แปลงเป็นพราหมณ์ลงไปพบมัจฉริยโกสิยเศรษฐีที่กำลังหุงข้าวปายาสอยู่ในป่าทีละคน แล้วขอแบ่งข้าวปายาสนั้น มัจฉริยโกสิยเศรษฐีปฏิเสธที่จะแบ่งข้าวปายาสให้ เพราะข้าวมีพอกินคนเดียวเท่านั้น ท้าวสักกเทวราชสั่งสอนว่าบุคคลควรแบ่งของ มีน้อยให้ตามน้อย ผู้ที่บริโภคคนเดียวย่อมไม่มีความสุข มัจฉริยโกสิยเศรษฐีรู้สึกพอใจจึงเชิญพราหมณ์ท้าวสักกะให้นั่ง และจะแบ่งข้าวให้หน่อยหนึ่ง เมื่อท้าวสักกะนั่งลงแล้ว พราหมณ์จันทรเทพบุตรก็เข้ามาขอแบ่งข้าวปายาส และพูดกับเศรษฐีในทำนองเดียวกัน เศรษฐีก็เชิญนั่งแล้วจะแบ่งข้าวให้หน่อยหนึ่ง
หลังจากนั้นพราหมณ์สุริยเทพบุตร มาตลีเทพบุตร และปัญจสิขเทพบุตรก็เข้ามาขอแบ่งข้าวปายาสเป็นลำดับ มัจฉริยโกสิยเศรษฐีมีความทุกข์มาก แต่ก็จำใจยอมแบ่งข้าวปายาสให้พราหมณ์ทั้ง 5 คน เมื่อข้าวสุกเศรษฐีก็แบ่งให้พราหมณ์คนละ 1 ทัพพี เมื่อถึงพราหมณ์คนสุดท้ายก็เห็นว่าข้าวในหม้อยังพร่องไปไม่ถึงก้นหม้อ ปัญจสิขเทพบุตรแปลงร่างเป็นสุนัขถ่ายปัสสาวะจนเต็มหม้อแล้วก็ไป มัจฉริยโกสิยเศรษฐีโกรธมาก ถือท่อนไม้ไล่ขู่สุนัข สุนัขแปลงร่างให้ใหญ่เท่าม้าเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ แล้วไล่ตามเศรษฐีไป เศรษฐีกลัวมากวิ่งเข้าไปหาพราหมณ์ พวกพราหมณ์เหาะขึ้นไปในอากาศ เศรษฐีเห็นความงามและอิทธิฤทธิ์ของพราหมณ์ก็ถามว่าเป็นใคร เมื่อรู้ว่าเป็นเทพยดาก็ถามว่าสมบัติทิพย์ทั้งหลายได้มาอย่างไร ท้าวสักกเทวราชตอบว่าผู้ไม่ให้ทานถือเป็นบาป ความตระหนี่ทำให้ไปสู่เทวโลกไม่ได้ เมื่อตายไปต้องตกนรก ที่พวกตนมาเตือนเศรษฐีในวันนี้เพราะเป็นญาติกัน
มัจฉริยโกสิยเศรษฐีสัญญาว่าจะเลิกตระหนี่ตั้งแต่วันนี้ จะให้ทานจนกว่าทรัพย์จะหมด จะละกามทั้งหลายและออกบวช ท้าวสักกเทวราชสอนให้เศรษฐีตั้งอยู่ในศีล 5 แล้วเสด็จกลับ เศรษฐีกลับเข้าเมืองเรียกผู้คนมารับทาน แล้วไปสร้างบรรณศาลาที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาทางทิศใต้ของหิมวันตประเทศ แล้วบวชเป็นดาบสไปจนแก่ชรา ธิดาผู้มีโฉมงดงามของท้าวสักกเทวราชคือนางอาสา* นางสัทธา* นางสิรี* นางหิรี* ไปยังสระอโนดาตเพื่อเล่นน้ำ พบพระนารทดาบสซึ่งเป็นพระดาบสผู้ใหญ่ ถือกิ่งดอกไม้หอมสวยงามมาจากสวรรค์ นางทั้งสี่ก็ขอ พระนารทดาบสตอบว่าบรรดานางทั้งสี่ใครประเสริฐที่สุดก็ให้รับดอกไม้นั้นไป และให้ไปทูลถามท้าวสักกะว่าใครเป็นผู้ประเสริฐที่สุด นางเทพธิดาเหล่านั้นโกรธแค้นอย่างยิ่ง เพราะความมัวเมาในรูปโฉมของตนเอง ท้าวสักกะไม่อาจตัดสินได้เพราะเกรงธิดาจะโกรธ จึงมอบสุทธาโภชนะให้เหล่าธิดานำไปถวายโกสิยดาบส (มัจฉริยโกสิยเศรษฐี) ในหิมวันตประเทศ พระดาบสจะยังไม่ฉันถ้ายังไม่ได้ให้ผู้อื่นก่อน และผู้ที่จะได้รับอาหารก็จะต้องเป็นผู้ที่ดาบสเห็นว่าเป็นคนดี เทพธิดาองค์ใดได้รับอาหารจากดาบสก็จะเป็นผู้ประเสริฐกว่าผู้อื่น ท้าวสักกเทวราชสั่งให้พระมาตลีไปส่งนาง โกสิยดาบสได้สนทนากับนางสิรี นางอาสา และนางสัทธาทีละนาง นางทั้งสามบอกคุณสมบัติของตนและขอแบ่งสุทธาโภชนะ พระดาบสกล่าวแก่นางทีละองค์ว่านางไม่ควรได้สุทธาโภชนะ
ครั้นถึงนางหิรีเข้ามาเป็นคนสุดท้าย นางยืนนิ่งอยู่ไม่ได้เอ่ยปากขอ เมื่อพระดาบสถาม นางตอบว่าการขอของหญิงดูเหมือนจะน่าอาย พระดาบสพอใจคำของนางก็เชิญนางเข้านั่งพักในอาศรมเพื่อบูชานางแล้วจึงจะบริโภคสุทธาโภชนะ นางหิรีเทพธิดานำส่วนแบ่งสุทธาโภชนะไปถวายท้าวสักกะเพื่อแสดงว่านางเป็นผู้ชนะ ท้าวสักกะและหมู่เทพยดาพากันบูชานางหิรีผู้ประเสริฐ ท้าวสักกเทวราชให้พระมาตลีลงไปถามโกสิยดาบสถึงเหตุผลที่ไม่เลือกนางเทพธิดา 3 องค์ และเหตุใดจึงเลือกนางหิรี โกสิยดาบสบอกเหตุผลให้ฟัง ต่อจากนั้นร่างกายของพระดาบสก็เริ่มเสื่อม พระมาตลีชวนให้โกสิยดาบสปลงสังขารและจะนำดาบสไปสู่เทวโลก ไปเป็นสหายกับพระอินทร์ โกสิยดาบสก็จุติเป็นอุปปาติกเทวบุตรขึ้นไปยืนบนทิพยรถ ขึ้นไปยังเทวโลก ได้รับทิพยสมบัติมากมาย ท้าวสักกเทวราชทรงชื่นชมมาก ประทานนางหิรีเทพธิดาให้เป็นมเหสี
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory