TLD-003-3055
พิไชยมงกุฎ (ชื่อตัวละคร)
พิไชยมงกุฎเป็นตัวละครในบทละครเรื่องพิกุลทอง เป็นโอรสท้าวสังข์ศิลป์ไชย*กับนางสุพรรณ*มีศรและสังข์เป็นอาวุธ
วันหนึ่งพระพิไชยมงกุฎซึ่งมีชันษา 17 ปีจะไปลงสรงในแม่น้ำ เมื่อไปถึงฉนวนท่ายังไม่ทันผลัดภูษา เห็นผอบใบหนึ่งลอยวนอยู่ตรงท่าน้ำ พระองค์จึงเสี่ยงสังข์ขว้างลงไปช้อนผอบขึ้นมาได้ เมื่อเปิดดูพบเส้นผมมีกลิ่นหอม ที่ผอบมีข้อความจารึกว่าถ้าผู้ใดเก็บผอบได้ก็เป็นเนื้อคู่ให้รีบติดตามไปช่วยนางซึ่งอยู่ตามลำพังในสำเภา พระพิไชยมงกุฎนำผอบกลับวังด้วยความหลงใหลใฝ่ฝันถึงเจ้าของผมหอม
วันรุ่งขึ้นจึงลาพระบิดามารดาออกตามหานาง ท้าวสังข์ศิลป์ไชยให้สร้างสำเภาประดับตกแต่งอย่างสวยงามเป็นพาหนะสำหรับโอรส พระพิไชยมงกุฎเดินทางผ่านถิ่นของนางยักษ์กาขาว*ซึ่งเป็นทาสของท้าวเวสสุวัณ* นางถูกสาปให้ลงมารักษามหาสมุทร นางเห็นพระพิไชยมงกุฎมีรูปโฉมงดงามก็นึกรัก จึงเนรมิตเมืองขึ้นริมฝั่งสมุทรและแปลงกายเป็นสาวงามลวงว่าเป็นเจ้าของผมหอม พระพิไชยมงกุฎหลงเชื่อจึงรับนางเป็นชายาอยู่ร่วมกันในเมืองเนรมิต หลายวันต่อมาพระพิไชยมงกุฎสังเกตว่าผมของนางไม่มีกลิ่นหอมเหมือนเดิมแต่ผมในผอบยังหอมอยู่ ก็สงสัยว่าจะเป็นยักษ์แปลงจึงร่ายมนตร์สะกดไว้แล้วลงเรือสำเภาเดินทางต่อไปจนถึงหาดเขตแดนของพญาแร้ง* พระพิไชยมงกุฎเห็นเรือสำเภา 500 ลำจอดอยู่บรรทุกสิ่งของเต็มแต่ไม่มีคนจึงให้ค้นดู นางพิกุลทอง*ซึ่งซ่อนตัวอยู่ได้ยินเสียงไพร่พลก็ออกมา พระพิไชยมงกุฎรู้เรื่องจากนางว่าพญาแร้งแปลงกายเป็นชายหนุ่ม ทำอุบายจนได้อภิเษกกับนางและคิดจะฆ่านางเสียแต่แม่ย่านางเรือช่วยไว้ พญาแร้งจะบินมาทุก 7 วันเพราะเคยได้กินคนทุกครั้ง พระพิไชยมงกุฎสังหารพญาแร้งได้ จากนั้นพานางพิกุลทองไปเมืองของตนและได้นางเป็นชายา
หลายปีต่อมาพระพิไชยมงกุฎมีโอรสกับนางพิกุลทอง 2 องค์ คือรัก*และยม* วันหนึ่งนางพิกุลทองอยากไปประพาสทุ่ง พระพิไชยมงกุฎจึงพานางพร้อมกับโอรสนั่งเรือชมดอกบัวและพรรณไม้น้ำอย่างเพลิดเพลิน นางยักษ์กาขาวเมื่อรู้สึกตัวจากมนตร์สะกดลอบตามพระพิไชยมงกุฎมาและคอยหาโอกาสอยู่นานแล้ว เนรมิตดอกบังดอกใหญ่ขึ้นและแอบอยู่ในน้ำ เมื่อนางพิกุลทองเอื้อมมือไปเด็ดดอกบัวนางยักษ์ก็ฉุดนางพิกุลทองลงน้ำ ทุบตีนางและสาปให้เป็นชะนี ส่วนนางยักษ์แปลงกายเป็นนางพิกุลทองให้พระพิไชยมงกุฎฉุดขึ้นเรือ รักและยมบอกว่านางที่อยู่บนเรือไม่ใช่มารดา มารดาคือชะนีที่เดินร้องไห้ตามมาอยู่ริมน้ำ พระพิไชยมงกุฎไม่เชื่อและโกรธที่โอรสเรียกชะนีเป็นมารดาจึงไล่โอรสทั้งสองขึ้นฝั่งแล้วพานางยักษ์แปลงกลับวัง สองกุมารอาศัยอยู่กับชะนีพิกุลทองในป่าและเก็บดอกพิกุลทองที่ร่วงจากชะนีไปแลกอาหารในตลาดจนพบกับพวกวิเสท
ภายหลังพระพิไชยมงกุฎรู้ความจริงจากนางสุพรรณซึ่งให้พวกวิเสทไปรับรักและยมจากป่าเข้ามาวังและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด พระพิไชยมงกุฎสำนึกผิดจึงให้โอรสพาไปพบชะนีพิกุลทองเพื่อถามวิธีแก้คำสาปโดยหลอกนางยักษ์แปลงว่าที่ออกไปป่าเพราะพบช้างพลายเผือก เมื่อพบชะนีพิกุลทองและรู้ว่าต้องนำเลือดนางยักษ์มาอาบร่างชะนีให้ขนเพชรบนศีรษะหล่นจึงจะเป็นมนุษย์ดังเดิมแล้ว พระพิไชยมงกุฎก็ให้ทำจั่นดัก ให้กุมารทั้งสองเข้าไปนั่งในจั่นเพื่อล่อชะนีให้เข้าไปหา เมื่อดักชะนีได้แล้วพระพิไชยมงกุฎก็ลวงนางยักษ์แปลงให้มาชมอุทยาน ปลอบประโลมให้นางนอนหลับแล้วมอบพระขรรค์ให้เพชฌฆาตฟันร่างนางยักษ์แปลงนำเลือดไปรดชะนี ชะนีก็กลับเป็นนางพิกุลทองดังเดิม
7 ปีต่อมานางพิกุลทองอยากจะกลับไปเยี่ยมพระบิดามารดาที่เมืองสันนุราช* พระพิไชยมงกุฎจึงพานางไปโดยเรือสำเภาพร้อมกับโอรสทั้งสอง ระหว่างเดินทางนางยักษ์กาสุวรรณ*น้องของนางยักษ์กาขาวคิดแก้แค้นแทนพี่จึงใช้กระบองตีเรือสำเภาแตก พระพิไชยมงกุฎคว้าโอรสทั้งสองไว้ได้แต่คลื่นซัดพลัดกันกับนางพิกุลทอง พระพิไชยมงกุฎกับโอรสขี่สังข์ไปตามกระแสน้ำตามหานางจนถึงริมฝั่งมหาสมุทร เห็นธงทำด้วยผ้าสไบปักไว้บนหาดทรายและมีดอกพิกุลทองตกเรี่ยรายอยู่ก็จำได้ว่าเป็นของนางพิกุลทองจึงเที่ยวตามหา นางนกสาลิกาตัวหนึ่งทำรังอยู่บนต้นไทรบอกทิศทางที่นางพิกุลทองเดินผ่านไปได้ 7 วันแล้ว และบอกว่านางร้องไห้ฝากสั่งให้เร่งติดตามไป
พระพิไชยมงกุฎเดินทางต่อไปพบพระวสิษฐ์*ฤๅษีก็ขอพักอยู่ด้วยคืนหนึ่งและเล่าเรื่องให้ฟัง วันรุ่งขึ้นพระฤๅษีเล็งญาณดูและบอกพระพิไชยมงกุฎว่าให้ไปทางทิศตะวันออก จะได้คู่ครองแต่ต้องรบกับยักษ์และจะได้พบนางพิกุลทองชายา แล้วมอบแหวนวิเศษซึ่งทำให้แปลงกายได้แก่พระพิไชยมงกุฎ พระพิไชยมงกุฎเดินไปในป่า เทพยดาดลใจให้เข้าไปในเขตเมืองเวฬุจักร*ของท้าววิรุฬจักร* พลบค่ำก็มาถึงอุทยานจึงเข้าพักอาศัย
รุ่งขึ้นนางอรุณวดี*ธิดาท้าววิรุฬจักรประพาสอุทยาน พระพิไชยมงกุฎและโอรสแปลงกายเป็นนกสาลิกา 3 ตัวพูดโต้ตอบกัน นางอรุณวดีเอ็นดูรักใคร่นกทั้งสามจึงนำไปเลี้ยงในวัง พระพิไชยมงกุฎกลับคืนร่างเป็นคนและได้นางอรุณวดีเป็นชายา ท้าววิรุฬจักรโกรธเกิดสู้รบกับพระพิไชยมงกุฎและพลาดพลั้งถูกศรสิ้นชีวิต พระพิไชยมงกุฎแผลงศรไปเชิญพระวิษณุกรรม*มาเนรมิตเมรุปลงศพให้ แล้วพระพิไชยมงกุฎและโอรสก็พำนักอยู่ในเมืองเวฬุจักรกับนางอรุณวดีต่อไป วันหนึ่งพระพิไชยมงกุฎเสวยกระยาหารพร้อมกับโอรส เห็นดอกพิกุลทองปนอยู่ก็จำได้แต่แกล้งโกรธและให้หาผู้ทำอาหารมาเฝ้า ทั้งหมดจึงได้พบกัน พระพิไชยมงกุฎให้นางอรุณวดีมาพบกับนางพิกุลทอง นางอรุณวดีใส่ร้ายว่านางพิกุลทองเคยเป็นมเหสีของบิดาตนแต่ประพฤติชั่วจึงถูกส่งไปเป็นทาสใช้งานอยู่ในครัว
นางพิกุลทองขอลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความซื่อสัตย์ พระพิไชยมงกุฎให้ขุดรางไฟประกอบพิธีแล้วให้นางพิกุลทองลุยไฟเพื่อให้สิ้นข้อครหา เทพยดาทั้งหลายโปรยปรายดอกไม้ทิพย์ลงมาดับไฟ พระพิไชยมงกุฎให้นางอรุณวดีลุยไฟบ้างแต่นางไม่ยอม พระพิไชยมงกุฎโกรธจึงด่าว่าและไล่ตีนาง นางอรุณวดีเสียใจและอับอายจึงใช้ผ้าสไบจะผูกคอตายแต่พี่เลี้ยงช่วยไว้ได้ เมื่อพระพิไชยมงกุฎรู้ว่านางอรุณวดีคิดฆ่าตัวตายก็หายโกรธกลับรักนางดังเดิมและชวนนางพิกุลทองไปเยี่ยม นางพิกุลทองกับนางอรุณวดีปรองดองกันได้ พระพิไชยมงกุฎจึงอยู่ร่วมกับชายาทั้งสองพร้อมกับรักยมโอรสด้วยความสุข
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory