TLD-003-3076
พิลารโกสิยะ (ชื่อตัวละคร)
พิลารโกสิยชาดก นิบาตชาดก
พิลารโกสิยะเป็นตัวละครในเรื่องพิลารโกสิยชาดก ทสกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติอยู่ในตระกูลเศรษฐี บิดามีทรัพย์สมบัติมากเมื่อตายไปทรัพย์สมบัติก็ตกอยู่แก่บุตร บุตรเศรษฐีเห็นว่าทรัพย์สมบัตินั้นยังคงอยู่แต่ผู้สร้างทรัพย์สมบัตินั้นหามีชีวิตไม่ ด้วยเหตุนี้จึงสร้างโรงทานบริจาคทานจนชั่วชีวิต ก่อนตายก็สั่งสอนบุตรให้ทำทานเป็นประจำ เมื่อตายไปบุตรเศรษฐีได้ไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) ฝ่ายบุตรเศรษฐีอีก 4 ชั่วคนต่อมาได้บำเพ็ญทานตามที่บิดาแต่ละคนสั่งไว้ จนได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรในเทวโลกทุกคนคือ จันทเทวบุตร สุริยเทวบุตร มาตลีสังคาหกเทวบุตร ปัญจสิขคันธัพเทวบุตรตามลำดับ
ครั้นถึงบุตรชั้นที่ 6 ไม่ศรัทธาในการทำทาน มีความตระหนี่ ให้รื้อโรงทานเผาเสีย ขับไล่โบยตียาจกไปจนหมดสิ้น แม้แต่น้ำมันหยดหนึ่งก็ไม่เคยให้ใคร จึงได้ชื่อว่าพิลารโกสิยเศรษฐี เมื่อท้าวสักกเทวราช (บุตรเศรษฐีคนแรก) เล็งญาณดูก็รู้ว่าลูกหลานของตนทำทานมาจนถึงชั้นที่ 5 เท่านั้น แต่เศรษฐีชั้นที่ 6 ได้ตัดขาดจากการทำทาน จึงมีเทวบัญชาให้เทวบุตรทั้งสี่เดินทางไปยังบ้านของเศรษฐีในกรุงพาราณสี
เทวบุตรทั้งสี่แปลงเพศเป็นพราหมณ์แล้วทยอยเข้าไปหาเศรษฐีทีละคนขอบริจาคทานคืออาหาร แรกทีเดียวเศรษฐีปฏิเสธ พราหมณ์แปลงแต่ละคนต้องแสดงธรรมกถาให้เศรษฐีเปลี่ยนใจ ยอมให้เข้าไปนั่งอยู่ในเรือนแต่ละคน แล้วเศรษฐีก็ให้ทาสนำข้าวลีบมาให้พราหมณ์แปลงคนละทะนาน พราหมณ์แปลงกล่าวว่าพวกตนมิได้ต้องการข้าวเปลือก ทาสไปบอกเศรษฐี เศรษฐีก็ให้ทาสนำข้าวสารไปให้พราหมณ์ พราหมณ์แปลงกล่าวว่าพวกตนไม่รับของดิบ ทาสกลับไปบอกเศรษฐี เศรษฐีก็ให้ทาสนำข้าวสุกสำหรับโคกินใส่กะโหลก (กะลา) ไปให้ พราหมณ์ทั้ง 5 คนปั้นข้าวเป็นคำ ๆ ใส่ปาก แสร้งทำเป็นข้าวติดคอ ทำตาเหลือกตาปลิ้น ล้มนอนดิ้นเหมือนคนตาย ทาสเห็นดังนั้นก็ไปบอกเศรษฐี เศรษฐีเกรงว่าถ้ามหาชนรู้จะพากันติเตียน จึงบอกให้ทาสเก็บข้าวโคเสียแล้วคดข้าวโอชารสไปให้พราหมณ์ ทาสก็ทำตาม
จากนั้นเศรษฐีก็เรียกบรรดาผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามถนน แล้วบอกว่าตนให้เอาข้าวโอชารสที่ตนกินไปให้พราหมณ์ แต่พราหมณ์โลภ ปั้นก้อนใหญ่กลืนกินจึงติดคอตายเอง มิใช่ความผิดของตน แล้วบอกให้ทุกคนอยู่ชุมนุมกันก่อน ทันใดพราหมณ์แปลงทั้ง 5 คนลุกขึ้นกล่าวกับมหาชนว่าเศรษฐีพูดเท็จ ที่จริงเศรษฐีให้เอาข้าวที่โคกินมาให้พวกตน ข้าวที่เห็นอยู่นี้นำมาให้ภายหลัง กล่าวจบพวกพราหมณ์แปลงก็คายข้าวโคที่อมไว้ในปากตกลงพื้นดิน เมื่อมหาชนเห็นก็พากันติเตียนว่าเศรษฐีทำให้สกุลวงศ์เสื่อมเสีย ตายแล้วจะเอาทรัพย์สมบัติผูกคอไปด้วยได้หรือ
สักกเทวราชพราหมณ์จึงเท้าความเกี่ยวกับการให้ทานของเศรษฐีตระกูลตนว่าได้ทำกันมาอย่างต่อเนื่องถึง 5 ชั่วคน ทุกคนจึงได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรในเทวโลก แต่พอถึงเศรษฐีผู้สืบสกุลชั้นที่ 6 ก็ละทิ้งการทำทานเสีย จึงจะไม่สามารถดำรงทานวงศ์ไว้ได้ กล่าวแล้วพราหมณ์แปลงทั้งห้าก็เหาะขึ้นไปปรากฏกายเป็นเทวบุตร มีรัศมีกายอันงามโอภาสปรากฏแก่ตาของมหาชน แล้วท้าวสักกเทวราชก็ตรัสว่าที่เทวบุตรเสด็จมาก็เพราะหวั่นเกรงว่าถ้าพิลารโกสิยเศรษฐีไม่บำเพ็ญทานและสมาทานศีล ตายไปจะไปเกิดในนรก แล้วท้าวสักกเทวราชก็ประกาศถึงคุณของการทำทานแก่มหาชน
พิลารโกสิยเศรษฐีได้ให้ปฏิญาณแก่ท้าวสักกเทวราชว่าต่อนี้ไปตนจะดำรงทานวงศ์ไว้ จะให้ทานอาหารแก่ผู้อื่นก่อนที่ตนจะบริโภคเสมอ เมื่อทรมาน (ทำให้ละพยศ) พิลารโกสิยเศรษฐีแล้ว เทวบุตรทั้งห้าก็เสด็จกลับเทวโลก ฝ่ายพิลารโกสิยเศรษฐีเมื่อบริจาคทานตลอดจนสิ้นอายุแล้วก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory