TLD-003-3092
เพชรมงกุฎ (ชื่อตัวละคร)
เพชรมงกุฎเป็นตัวละครในเรื่องลิลิตเพชรมงกุฎ เป็นโอรสท้าวรัตน์นฤเบศร์*กับนางประภาพักตร์* มีมเหสีชื่อประทุมวดี* มีพี่เลี้ยงชื่อพุฒศรี* เพชรมงกุฎมีรูปโฉมงดงามเป็นที่เลื่องลือ หญิงใดได้พบเห็นก็ลุ่มหลง
วันหนึ่งเสด็จประพาสป่ากับพุฒศรีและบรรดาไพร่พลมนตรี เพชรมงกุฎเห็นกวางเผือกมีลักษณะงามยิ่ง ใคร่จะได้ไปถวายพระบิดามารดา จึงสั่งให้เสนาบริวารล้อมจับ กวางตกใจหนีไปด้านที่เพชรมงกุฎอยู่ เพชรมงกุฎและพี่เลี้ยงขี่ม้าไล่ตาม กวางล่อให้ไล่ จนทั้งสองพลัดหลงกับไพร่พล แล้วกวางก็หายลับไป เพชรมงกุฎและพุฒศรีรอนแรมอยู่ในป่าได้ 6 วันก็เข้าเขตเมืองกรรณนคร* เพชรมงกุฎเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งเพิ่งแต่งงานกำลังเดินทางไปเคารพญาติผู้ใหญ่ ก็เกิดความเสน่หานางผู้ภรรยา จึงขอให้พุฒศรีช่วย พุฒศรีออกอุบายจนเพชรมงกุฎได้ร่วมอภิรมย์กับนางสมความปรารถนา
จากนั้นเพชรมงกุฎและพี่เลี้ยงก็เดินทางต่อไปจนถึงศาลาใกล้สระน้ำนอกเมืองกรรณนครก็หยุดพัก ขณะนั้นนางประทุมวดีธิดาท้าวทันตราช*เจ้าเมืองออกมาเล่นน้ำกับบรรดานางสนมกำนัล เมื่อเพชรมงกุฎและนางประทุมวดีได้สบเนตรกันก็เกิดความปฏิพัทธ์ นางประทุมวดีใช้ดอกบัวทำปริศนาเกี่ยวกับตัวนางให้เพชรมงกุฎเห็น แล้วก็กลับปราสาท ฝ่ายเพชรมงกุฎให้พุฒศรีแก้ปริศนา ได้ความว่านางคือธิดาท้าวทันตราชแห่งเมืองกรรณนคร นางมีความเสน่หาเพชรมงกุฎใคร่จะอยู่ร่วมด้วย เพชรมงกุฎขอให้พุฒศรีช่วย ทั้งสองจึงปลอมตนเป็นพราหมณ์ไปอาศัยอยู่กับยายคนธา*คนเฝ้าอุทยานผู้มีหน้าที่ร้อยมาลัยถวายนางปทุมวดี เพชรมงกุฎอาสาช่วยยายคนธาร้อยดอกไม้โดยซ่อนกลปริศนาไว้ เมื่อนางประทุมวดีเห็นมาลัยก็รู้ความหมาย และได้ตอบเป็นปริศนาผ่านยายคนธาทุกครั้งและทุกครั้งพุฒศรีก็เป็นผู้เฉลยปริศนาแก่เพชรมงกุฎ ครั้งสุดท้ายนางปทุมวดีได้ทำปริศนาให้เพชรมงกุฎเข้าไปหานางถึงห้องบรรทมในวัง ทั้งสองจึงได้อยู่ร่วมกัน
เวลาผ่านไป 4 วันเพชรมงกุฎคิดถึงพุฒศรีซึ่งยังคงพักอยู่ในอุทยานนอกเมืองก็คิดจะกลับไปหา จึงตรัสเล่าให้นางประทุมวดีฟังว่าพี่เลี้ยงมีบุญคุณมาก เพราะช่วยให้ทั้งสองได้สมรัก นางประทุมวดีได้ฟังก็รู้ว่าพุฒศรีเป็นคนมีสติปัญญาจึงคิดกำจัด เพราะเกรงว่าภายหน้าจะพรากเพชรมงกุฎไปจากนาง ดังนั้นเมื่อเพชรมงกุฎจะไปหาพุฒศรี นางจึงฝากอาหารใส่ยาพิษไปให้ พุฒศรีรู้ทันเอาอาหารให้สุนัขกิน สุนัขก็ตาย เพชรมงกุฎกริ้วนางประทุมวดีมากคิดจะไปจากนาง แต่พี่เลี้ยงทูลว่าที่นางประทุมวดีทำเช่นนั้นเพราะรักเพชรมงกุฎ จึงควรพานางกลับบ้านเมืองด้วย จากนั้นพุฒศรีก็ทูลให้เพชรมงกุฎกลับไปหานาง เมื่อนางบรรทมหลับก็ให้ปลดเครื่องประดับคือกุณฑล สะอิ้ง และสร้อยสังวาล และหยิกหน้าอกนาง 3 แห่งแล้วเสด็จมาหาตน เพชรมงกุฎก็ทำตามคำแนะนำของพี่เลี้ยงทุกประการ เมื่อได้เครื่องประดับของนางประทุมวดีมาแล้ว พุฒศรีนำมาผูกร้อยเข้าด้วยกันแล้วให้เพชรมงกุฎแต่งกายเป็นมาณพหนุ่มไปตลาด นำเครื่องประดับไปร้องแลกกับสิ่งที่ใช้ในพิธีบูชาไฟ ส่วนตนแต่งกายเป็นดาบสเข้าไปบำเพ็ญพรตในป่า
ขณะที่มาณพเพชรมงกุฎกำลังร้องแลกเครื่องประดับอยู่นั้น อำมาตย์ผู้หนึ่งเห็นเครื่องประดับก็รู้ว่าเป็นของกษัตริย์มิใช่ของสามัญชน จึงกุมตัวเพชรมงกุฎไปเฝ้าท้าวทันตราช ท้าวทันตราชเห็นเครื่องประดับก็จำได้ว่าเป็นของพระธิดา จึงตรัสถามว่าเพชรมงกุฎได้มาอย่างไร เพชรมงกุฎทูลว่าเครื่องประดับเป็นของอาจารย์ตนซึ่งเป็นดาบสบำเพ็ญพรตอยู่ในป่า ท้าวทันตราชจึงให้อำมาตย์ไปตามดาบสมาเฝ้า และตรัสถามว่าได้เครื่องประดับมาจากผู้ใด ดาบสพุฒศรีทูลว่าเป็นของยักษิณีที่มากินซากศพในป่าช้าที่ตนกำลังเดินจงกรมอยู่
เมื่อยักษิณีเห็นก็เข้ามาหลอกหลอน ตนจึงแทงอกนางด้วยตรีและจะฆ่านางเสีย แต่ยักษิณีร้องขอชีวิตไว้และเปลื้องเครื่องประดับให้ ตนจึงให้ศิษย์นำมาแลกเครื่องบูชาไฟเพื่อแผ่กุศลไปให้ยักษิณี ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเกิดมาเป็นยักษิณีอีก ท้าวทันตราชได้ฟังก็เศร้าพระทัยยิ่งนัก แต่ก็ได้ประทานเครื่องบูชาไฟแลกเครื่องประดับไว้ จากนั้นสองศิษย์อาจารย์ก็เดินทางออกจากวัง ท้าวทันตราชมีรับสั่งให้นางประทุมวดีมาเฝ้า ไม่เห็นเครื่องประดับที่พระธิดาเคยทรง พักตร์อันผุดผ่องของนางก็หมองหม่น และที่อุระนางมีรอยช้ำเลือด ก็กริ้ว บริภาษนางว่าเป็นกาลกิณีแล้วขับไล่ออกจากวัง ส่วนเพชรมงกุฎและพุฒศรีได้มาคอยรอรับนางประทุมวดีอยู่ด้านประตูป่าตามแผนที่วางไว้ เมื่อนางออกมานอกปราการเมืองเพชรมงกุฎก็พานางขึ้นหลังม้าเดินทางไปพร้อมกับพุฒศรีจนถึงชายแดน ฝ่ายท้าวรัตน์นฤเบศร์และมเหสีเมื่อรู้ว่าโอรสกลับมาแล้วก็เสด็จออกมารับเข้านคร และอภิเษกเพชรมงกุฎและนางประทุมวดีให้ขึ้นครองราชย์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory