TLD-003-3123
ฟาบิโอ โรมานี, เคานต์ (ชื่อตัวละคร)
เคานต์ ฟาบิโอ โรมานี หรือฟาบิโอ*เป็นตัวละครในนวนิยายแปลเรื่องความพยาบาท เป็นบุตรชายมหาเศรษฐีแห่งเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี มีภรรยาชื่อนีนนา* และมีบุตรสาวชื่อดาราน้อย*
ฟาบิโอเป็นกำพร้ามารดาแต่เยาว์วัย ครั้นอายุย่างเข้า 17 ปีบิดาสิ้นชีวิตจึงได้ครอบครองทรัพย์สมบัติอันมหาศาล ฟาบิโอเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีจิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบอ่านหนังสือปรัชญา ไม่สู้สนใจสตรี ฟาบิโอมีเพื่อนรักเสมือนญาติชื่อ กีโด เฟอรารี* กีโดเป็นช่างเขียนหนุ่มเจ้าเสน่ห์ มีวาจาคมคาย มีฐานะไม่สู้ดี จึงมีความทะเยอทะยานสูง
วันหนึ่งฟาบิโอได้เห็นนีนนาสาวน้อยแสนสวยนักเรียนคอนแวนต์อายุประมาณ 15 ปีเดินอยู่ในขบวนแห่แม่พระก็พึงใจ และได้แต่งงานกัน ฟาบิโอหลงรักนีนนามาก ทั้งสองมีบุตรสาวคนหนึ่งอายุ 2 ขวบชื่อดาราน้อย แม้หลังการแต่งงานของฟาบิโอ กีโดก็ยังคงไปมาหาสู่เหมือนเดิมจึงสนิทสนมกับนีนนาด้วย เมื่อเกิดโรคอหิวาต์ระบาดในเมืองเนเปิลส์ กีโดได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กับฟาบิโอเพื่อความปลอดภัยจากโรคร้าย เช้าวันหนึ่งฟาบิโอเดินเที่ยวในสวนอย่างเพลิดเพลินจนเลยล่วงเข้าไปในเมือง ได้พบเด็กชายป่วยเป็นโรคอหิวาต์ จึงไปตามหมอและคนมาช่วย แต่ทุกคนปฏิเสธ เผอิญฟาบิโอได้พบกับบาทหลวงซีเปรียโน*ซึ่งออกช่วยผู้ป่วยอหิวาต์ที่ยากไร้ จึงเล่าเรื่องของเด็กชายให้ฟัง อากาศร้อนและแดดจัดทำให้ฟาบิโอเป็นลม บาทหลวงพาฟาบิโอไปพักอยู่ที่ตึกริมทางซึ่งเป็นที่อาศัยของคนยากจน และขอให้เจ้าของตึกดูแล โดยบอกว่าเมื่อช่วยเด็กแล้วจะกลับมา เมื่อฟาบิโอรู้สึกตัวก็สงสัยว่าตนอาจเป็นโรคอหิวาต์จึงขอร้องบาทหลวงมิให้บอกนีนนาว่าตนป่วย และมิให้พากลับบ้านถ้าสลบหรือตายไป บาทหลวงกลับมาหาฟาบิโอหลังจากเด็กชายเสียชีวิต ฟาบิโอสิ้นสติสลบไปอีก ทุกคนคิดว่าฟาบิโอเป็นโรคอหิวาต์ตาย เนื่องจากบาทหลวงรู้ว่าฟาบิโอเป็นใครจากที่ได้คุยกันเมื่อแรกพบ จึงเอาฟาบิโอใส่โลงไปฝังในห้องเก็บศพของบรรพชนตระกูลโรมานีหลังจากได้นำนาฬิกา ซองบุหรี่ และแหวนของฟาบิโอไปแจ้งข่าวแก่นีนนา
ฟาบิโอฟื้นขึ้นในตอนกลางคืน เมื่อรู้ว่าอยู่ในโลงศพก็ตกใจกลัว ได้ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เข้าใจว่าตนคงถูกฝังทั้งเป็น ฟาบิโอพยายามกระทุ้งดันฝาโลงซึ่งตอกตะปูปิดไว้อย่างหยาบๆ หลุดออกมาได้ และพยายามหาทางออกจากห้องเก็บศพอันมืดมิด ความรู้สึกในขณะนั้นของฟาบิโอคือคิดถึงผู้เป็นที่รักทั้งสาม โดยจินตนาการว่า นีนนา ... แม่ชื่นใจ ... แม่งามเลิศ ! นึก ๆ แลเห็นเหมือนหน้าหล่อนเศร้าโศกและเปียกด้วยน้ำตา ร้องไห้ร่ำรักถึงข้าพเจ้าซึ่งหล่อนนึกว่าถึงแก่กรรมแล้ว ! แม่ดาราน้อยก็คงจะนึกสงสัยเหมือนกันว่านี่บิดาไปไหนเสีย จึงไม่มาไกวชิงช้าใต้ต้นไม้ในสวนตามเคย กีโด ... สหายผู้กล้าหาญและซื่อสัตย์ ! จะมีความเสียใจมากอย่างที่สุดที่มาสูญข้าพเจ้าไปคนหนึ่ง เออ ต้องคิดอ่านหนีออกจากห้องซุ้ยนี้ให้จงได้ พวกนั้นเห็นจะยินดีพิลึกเมื่อเห็นกลับไปบ้าน ... ไม่ตายจริง ! เห็นจะเต้นรับขับสู้กันใหญ่ !
โชคดีที่ฟาบิโอได้พบเทียนขี้ผึ้งครึ่งเล่มที่ผู้แบกโลงศพเขาเข้ามาทิ้งไว้ และเผอิญที่มีหีบขีดไฟเทียนไขเงินติดอยู่ในกระเป๋ากางเกง เมื่อจุดเทียนขึ้นฟาบิโอจึงเห็นสภาพภายในห้องเก็บศพซึ่งมีโลงศพของบรรพบุรุษ เขาเห็นจี้เพชรตกอยู่ใกล้โลงศพใบหนึ่ง เปิดดูก็เห็นเครื่องประดับเพชรพลอย เงินทอง และธนบัตรจำนวนมหาศาล ฟาบิโอเดาว่าคงเป็นของโจรที่ปล้นแล้วนำใส่โลงมาซ่อนไว้ ในที่สุดเขาก็หาทางออกจากห้องเก็บศพซึ่งมีบรรยากาศอันน่าขนพองสยองเกล้าได้ พร้อมทั้งนำทรัพย์สมบัติของโจรติดตัวออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วมุ่งหน้าไปหาซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่ ฟาบิโอเห็นตัวเองในกระจกก็ตกใจเพราะมีรูปลักษณ์ผิดไป คือผมที่เคยดำเป็นมันขลับราวกับขนกาน้ำก็ขาวราวกับสำลี ใบหน้าซูบซีดมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ดวงตาจมลึกเข้าไปในกะโหลกศีรษะ แม้คนที่เคยพบเห็นฟาบิโอมาก่อนก็จะจำไม่ได้ ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากความรู้สึกสะพรึงกลัวของฟาบิโดขณะที่อยู่ในห้องเก็บศพ
เมื่อฟาบิโอเดินทางกลับบ้านผ่านตึกริมทางก็รู้ว่าบาทหลวงซีเปรียโนเสียชีวิตด้วยโรคอหิวาต์หลังจากนำโลงศพเขาไปไว้ในห้องเก็บศพแล้ว ฟาบิโอเดินไปบ้านลัดขึ้นทางหลังสวน ได้เห็นกีโดและนีนนามาพลอดรักกันอย่างสดชื่น ทำให้รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ขั้นสามีภรรยาหลังการแต่งงานของตนและนีนนาได้ไม่ถึง 3 เดือน
ฟาบิโอแค้นใจมากที่ทั้งสองพูดถึงตนอย่างดูแคลนว่าโง่เขลารู้ไม่เท่าทัน ด้วยความพยาบาทอันแรงกล้าฟาบิโอจึงคิดแก้แค้นโดยยึดหลักว่า “ความพยาบาทจะต้องปล่อยให้มันสุกจนหล่นเองจึงจะใช้ได้ ฉันใดก็ดี เหมือนผลไม้ถ้าไปชิงเด็ดเสียแต่ยังดิบก็ย่อมมีรสอันเปรี้ยวฝาด ต่อสุกงอมแล้วจึงจะหวาน” รุ่งขึ้นฟาบิโอกลับไปเอาสมบัติโจรจากห้องเก็บศพออกมาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วไปซื้อเครื่องแต่งกายของคนชั้นสูง ไปเช่าโรงแรมชั้นหนึ่ง ดัดแปลงตัวมิให้ใครจำได้ทั้งเค้าหน้า น้ำเสียง กิริยาท่าทาง ไว้หนวดเครา และหาแว่นตาสีดำมาใส่บังดวงตา ทำให้บุคลิกและหน้าตาแปลกไปดูมีอายุราว 55 ปี จากนั้นฟาบิโอก็จ้างให้หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามหาเศรษฐีสูงอายุชาวอิตาเลียนชื่อ ซินญอร์ คอนเต เซซาเร โอลิวา* ผู้ซึ่งไปอยู่ต่างประเทศเสียนานจะกลับมาอยู่เมืองเนเปิลส์ ฟาบิโอหาโรงแรมอย่างดีอยู่เพื่อเป็นช่องทางให้ได้เข้าสมาคมชั้นสูง ตกเย็นฟาบิโอได้พบกีโดและเห็นว่ากีโดสวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่ของตน ฟาบิโอหาวิธีจนได้พูดคุยกับกีโดโดยแนะนำว่าตนคือ ซินญอร์ คอนเต เซซาเร โอลิวา เป็นเพื่อนรักกับกับบิดาของฟาบิโอ แล้วฝากเครื่องประดับเพชรพลอยไปให้นีนนาภรรยาม่ายของฟาบิโอ กีโดเต็มใจรับอาสานำไปให้
บ่ายวันรุ่งขึ้นกีโดมาหาฟาบิโอ บอกว่านีนนาเชิญไปที่บ้านของเธอเพื่อเป็นเกียรติ แต่ฟาบิโอปฏิเสธบอกว่ามีธุระมาก แต่จะขอไปชมภาพเขียนของกีโดที่บ้านของเขา และที่บ้านของกีโดนี้เองฟาบิโอได้พบนีนนาซึ่งกีโดวางแผนนัดให้เธอมาพบเขา การที่นีนนามีท่าทีพอใจฟาบิโอทำให้กีโดรู้สึกหึง แต่ฟาบิโอบอกว่าเขาอายุมากแล้วและไม่สนใจผู้หญิง กีโดจึงวางใจ นีนนาเชิญฟาบิโอไปบ้านของเธอในวันรุ่งขึ้น เขาได้พบกับดาราน้อยบุตรสาว เด็กหญิงเข้ามาหาฟาบิโออย่างไว้ใจและสนิมสนม และเมื่อฟาบิโอได้พบกับเจ้าวีวิส*สุนัขของเขา มันก็แสดงท่าทางว่าคุ้นเคยจนนีนนาประหลาดใจ แต่ฟาบิโอก็พูดชี้แจงเหตุผลจนทั้งนีนนาและกีโดไม่สงสัย ฟาบิโอสังเกตว่าทั้งนีนนาและกีโดไม่ได้รักใคร่เอ็นดูดาราน้อย ทำให้หนูน้อยไม่มีความสุขเท่าที่ควร ชั่วเวลาไม่นานฟาบิโอก็กลายเป็นคนมีชื่อเสียง ฟาบิโอสามารถไปมาหาสู่นีนนาที่บ้านได้ทุกเวลาที่ต้องการ
ฝ่ายนีนนาเมื่ออยู่ลับหลังกีโดก็แสดงท่าทีว่าชอบฟาบิโอ ส่วนฟาบิโอเมื่ออยู่ต่อหน้ากีโดก็วางตัวเป็นผู้ใหญ่มิให้กีโดระแวง ฟาบิโอได้พบดาราน้อยบ่อยๆ จนเด็กน้อยรักเขา วันหนึ่งฟาบิโอเห็นดาราน้อยมีอาการไม่ปกติ หน้าซีด ตาโรยแสดงว่าไม่ค่อยสบาย จึงบอกนีนนาแต่นีนนากลับไม่แยแส ต่อมากีโดบอกว่าจะต้องไปกรุงโรมเพื่อรอรับมรดกจากลุงซึ่งป่วยหนัก จึงฝากฝังนีนนาให้ฟาบิโอช่วยดูแล ฟาบิโอรับคำด้วยความยินดี วันหนึ่งคนรับใช้เก่าแก่บ้านฟาบิโอก็มาส่งข่าวว่าดาราน้อยป่วยหนักต้องการพบเขา เมื่อไปถึงดาราน้อยเพ้อถึงบิดา เห็นฟาบิโอสวมแว่นก็ขอดูดวงตา หลังจากฟาบิโอถอดแว่นออกดาราน้อยเรียก “ป้าป๋า ป้าป๋า” ด้วยความดีใจก่อนสิ้นใจ ฟาบิโอเสียใจเป็นที่สุด ส่วนกีโดนั้นมีจดหมายมาถึงฟาบิโอและนีนนาเสมอ เมื่อรู้ว่าดาราน้อยตายก็เขียนมาบอกว่าไม่ได้รู้สึกเสียใจเพราะเด็กน้อยเป็นหอกข้างแคร่ ทำให้ฟาบิโอทวีความแค้นพยาบาทยิ่งขึ้น ต่อมาเมื่อนีนนาบอกฟาบิโอว่าเธอไม่ได้รักกีโด ฟาบิโอจึงหมั้นนีนนาไว้ก่อน บอกว่าอีกประมาณ 3 เดือนจะแต่งงานกับเธอ เมื่อฟาบิโอได้รับจดหมายจากกีโดว่าลุงเสียชีวิตและตนได้รับมรดกแล้ว อีก 2 - 3 วัน จะกลับเมืองเนเปิลส์ ฟาบิโอจึงวางแผนลงมือแก้แค้น โดยเขียนจดหมายไปบอกกีโดว่าก่อนที่จะไปหานีนนา ให้กีโดมางานเลี้ยงต้อนรับที่เขาจะจัดให้เป็นเกียรติที่โรงแรม ฟาบิโอแนะนีนนาว่าถ้ากีโดกลับมารู้ว่าเธอหมั้นกับเขา กีโดอาจทำให้นีนนารำคาญใจ เธอจึงควรหลบไปเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงสัก 2 - 3 วัน นีนนาบอกว่าเธอจะไปอยู่สำนักแม่ชีที่คอนแวนต์ ในงานเลี้ยงทุกคนพูดคุยดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ฟาบิโอประกาศแก่ที่ประชุมว่าตนกำลังจะแต่งงานกับนีนนา กีโดได้ยินก็โกรธจัดถึงกับขว้างถ้วยแชมเปญถูกหน้าของฟาบิโอ พร้อมทั้งบริภาษอย่างหยาบคายและบอกว่าตนรักนีนนา ฟาบิโอได้ทีก็เยาะยั่วว่านีนนามิได้รักกีโด กีโดแทบคลั่ง ตรงเข้าตบปากฟาบิโอจนแหวนเพชรตัดริมฝีปากฉีก เลือดไหล บรรดาแขกในงานต่างพากันโกรธกีโด ฟาบิโอท้ากีโดดวลใน
วันรุ่งขึ้นเพื่อรักษาเกียรติ ก่อนจะไป ณ จุดนัดดวล ฟาบิโอถอดแว่นตา ในสนามดวลกีโดเงยหน้าเป็นครั้งแรกจากการตรวจดูปืน ได้เห็นดวงตาของฟาบิโอก็ตกใจกลัว ตัวโยกมือสั่น หลังจากได้มีสัญญาณเสียงปืนดังขึ้น ฟาบิโอถูกยิงถากหัวไหล่ เสื้อขาดเลือดซิบ แต่กีโดนั้นถูกลูกปืนทะลุอก เขาขอพูดกับฟาบิโอตามลำพัง กีโดถามว่าเขาเป็นใครกันแน่ ฟาบิโอเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง กีโดถามว่านีนนารู้เรื่องหรือไม่ ฟาบิโอตอบว่าจะบอกนีนนาในวันแต่งงาน ฟาบิโอบอกยกโทษให้กีโด ส่วนกีโดขอโทษฟาบิโอแล้วก็สิ้นใจ ในวันแต่งงานระหว่างฟาบิโอกับนีนนา ตกค่ำมีงานเลี้ยงเต้นรำ ฟาบิโอเต้นรำกับนีนนา จากนั้นเมื่อได้โอกาสฟาบิโดนัดเวลาให้นีนนาออกไปพบนอกโรงแรมเพื่อเดินเล่นชมจันทร์ก่อนถึงเวลาอาหาร ก่อนถึงเวลานัดฟาบิโอกลับไปห้องพัก ส่วนนีนนายังคงเต้นรำอย่างสนุกสนานกับคนชั้นสูง ฟาบิโอโกนหนวดโกนเครา ถอดแว่นตาคงเหลือแต่ผมซึ่งยังขาวอยู่ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมเสื้อคลุมยาวคลุมตั้งแต่ศีรษะถึงเท้าเพื่อนีนนาจะไม่เห็นดวงตาในจุดนัดพบที่มืดขมุกขมัว ฟาบิโอเอากริชซ่อนไว้ในเสื้อด้วย เมื่อนีนนามาถึงฟาบิโอไปตามรถม้าเช่า นีนนาประหลาดใจคิดว่าจะเดินเพียงระยะทางใกล้ๆ แต่ฟาบิโอบอกว่าไม่อยากให้เธอเมื่อยล้า
ระหว่างทางที่รถแล่นไปบนถนนหินขรุขระนีนนาเริ่มสงสัย ฟาบิโอปลอบโยนว่าจะพาเธอไปยังที่เก็บสมบัติ ใกล้ถึงห้องเก็บศพ ฟาบิโอพานีนนาลงเดิน เมื่อเข้าไปในห้องเก็บศพนีนนาสะดุ้งหวาดกลัว ฟาบิโอแสดงตัวให้นีนนารู้ นีนนาถึงกับร้องไห้ครวญครางด้วยความปวดร้าวใจ ฟาบิโอเริ่มเล่าเรื่องให้เธอฟัง นีนนาอ้อนวอนฟาบิโอให้ยกโทษให้ แต่ฟาบิโอยังคงเล่าต่อจนจบ นีนนาถึงกับคลุ้มคลั่งด้วยความแค้นและรักตัวกลัวตาย พยายามหาทางออกจากห้องเก็บศพแต่ก็ไม่สำเร็จ เธอขอให้ฟาบิโอไว้ชีวิต ฟาบิโอเริ่มใจอ่อน แต่เมื่อได้โอกาสนีนนาก็ฉวยกริชจากเสื้อของฟาบิโอตั้งใจจะแทงเขาให้ตาย ฟาบิโอแย่งมาได้ แต่แล้วฟาบิโอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนีนนาเสียสติพูดเพ้อเหมือนเห็นกีโด ทันใดเกิดเสียงดังสนั่น หินก้อนใหญ่หล่นลงมาจากหลังคาห้องเก็บศพทับนีนนาตาย ฟาบิโอขอให้พระเยซูประทานอภัยให้เธอ แต่เขาเองจะไม่ยอมยกโทษให้ จากนั้นฟาบิโอก็ออกจากห้องเก็บศพ ปิดประตูลั่นกุญแจเดินทางออกจากเมืองเนเปิลส์โดยทางเรือ ทิ้งลูกกุญแจลงทะเล พยายามหักใจไม่คิดถึงนีนนา ฟาบิโอโดยสารเรือต่อมาขึ้นที่สิงคโปร์แล้วถ่ายเรือเข้ากรุงเทพฯ เดินทางไปอาศัยอยู่ในป่าริมพรมแดนทางเหนือของไทย
ส่วนทางเมืองเนเปิลส์หนังสือพิมพ์ลงข่าวการหายตัวไปของเคานต์โอลิวากับภรรยาในวันแต่งงานอย่างไร้ร่องรอย ฟาบิโอยังคงไม่ยอมให้อภัยนีนนาแม้เขาต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจ ฟาบิโอเล่าไว้ตอนหนึ่งว่า ... ข้าพเจ้าได้พยายามคิดจะยกโทษให้ แต่ก็ยกไม่ไหว มีหรือผู้ชายจะยกโทษให้แก่หญิงที่ทำลายชีวิตของตน ? ไม่เชื่อว่ามี ส่วนข้าพเจ้ารู้สึกว่านี่ยังไม่สิ้นสุดเวรกรรมกัน ... เมื่อวิญญาณของข้าพเจ้าไปจากมนุษยโลกนี้แล้ว ข้าพเจ้ายังจะตามวิญญาณหล่อนไปถึงไหนถึงกัน นรกก็นรก อเวจีก็อเวจี ...
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory