TLD-003-3181
มงกล, ระตู (ชื่อตัวละคร)
ระตูมงกลเป็นตัวละครในบทละครเรื่องดาหลัง เป็นเจ้าเมืองมงกล*ซึ่งเป็นเมืองใหญ่มีอานุภาพมาก มีเมืองขึ้นถึง 7 เมือง มีโอรสชื่อระเด่นมังกันติกาหรา* ระตูมงกลเป็นผู้มีเวทมนตร์ ร่างกายอยู่ยงคงกระพัน เป็นผู้เชี่ยวชาญในการรบ สามารถใช้อาวุธต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังมีเชือกมนตร์*จากเทวดา ซึ่งสามารถสั่งให้เชือกไปจับศัตรูมาได้
เมื่อครั้งที่ปันหยี* (ระเด่นมนตรี*) ตามหานางบุษบาก้าโละ* (มิสาประหมังกุหนิง*) ได้ส่งกองทัพไปสืบหานาง กองทัพผ่านเมืองใดก็ส่งสารให้ยอมอ่อนน้อมขอเป็นเมืองขึ้น เมื่อมาถึงเมืองมงกลก็ใช้วิธีส่งสารเช่นเดิม แต่นายทัพระมัดระวังเป็นพิเศษคือล้อมเมืองอยู่ห่าง ๆ ไม่เข้าใกล้ตัวเมืองเพราะรู้อยู่ว่าเมืองมงกลเป็นเมืองใหญ่ มีกองทัพที่สามารถมาก
ระตูมงกลไม่ยอมอ่อนน้อมและไม่กลัวโจรป่าปันหยี จึงเตรียมต่อสู้ เพราะเชื่อมั่นในฝีมือและอิทธิฤทธิ์ของตน ระเด่นมังกันติกาหราโอรสซึ่งเป็นอุปราชอาสาเป็นทัพหน้าไปรักษาด่านเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ามาประชิดเมืองได้ ทัพของมังกันติกาหราปะทะกับทัพของทหารปันหยี จนฝ่ายมงกลต้องถอยร่น ทหารปันหยีเห็นเหลือกำลังที่จะเข้าตีเมืองมงกลจึงส่งข่าวให้ปันหยีมารบด้วยตนเอง
ปันหยียกทัพใหญ่มา ให้กุดาวิราหยา* (จะหรังกะหนังโหละ*) อนุชาเป็นนายทัพม้า ส่วนตนเองเป็นนายทัพช้าง พร้อมทั้งพาโอรสคือระเด่นกุสุมาหรา*ซึ่งยังเยาว์อยู่ให้มาคุ้นเคยกับการศึกด้วยกองทัพของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง ไพร่พลตายไปเป็นจำนวนมาก ระตูมงกลรบกับปันหยี กุดาวิราหยาต่อสู้กับมังกันติกาหรา ระตูมงกลมีเวทมนตร์ทำให้อยู่ยงคงกระพัน แม้จะถูกปันหยีแทงด้วยทวนก็ไม่บาดเจ็บ กษัตริย์ทั้งสองคู่มีฝีมือเสมอกันไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำในการสู้รบ เมื่อพระอาทิตย์ตกทั้งสองฝ่ายก็ตกลงเลิกรบกันชั่วคราว ตอนค่ำปันหยีคิดจะเผด็จศึกด้วยการทำลายอาคมของฝ่ายศัตรู จึงออกไปอาราธนาเทวดาในราวป่า พร้อมทั้งขอให้พระอัยกาปะตาระกาหลา*ช่วย แล้วร่ายเวทมนตร์ที่เรียนมาจากฤๅษี เนรมิตกายเป็นพญาช้างสูงถึง 16 ศอก กำบังกายเข้าไปในกองทัพของฝ่ายมงกล สะกดให้ทุกคนหลับ ทำลายอาคมของระตูมงกลและมังกันติกาหรา แล้วจึงบันดาลให้ทุกคนเห็นภาพพญาช้าง ทำให้ผู้ที่พบเห็นพากันตกใจกลัว แล้วปันหยีก็หลบเข้าป่าไปแก้ไสยเวทอีก
มังกันติกาหราอาสาพระบิดาพาทหารลอบกำบังตนเข้าไปจุดไฟเผาค่ายของปันหยี โดยนัดแนะกับพระบิดาว่าให้ใช้เชือกมนตร์จับปันหยีระหว่างที่ปันหยีออกมาบัญชาการดับไฟ แต่ปันหยียังไม่กลับเข้าค่าย เมื่อเกิดไฟไหม้ผู้ที่ออกมาบัญชาการดับไฟก็คืออนุชาและโอรสของปันหยี ระตูมงกลมองไม่ถนัดเพราะเป็นเวลากลางคืน เข้าใจว่าเป็นปันหยีกับอนุชา จึงสั่งเชือกมนตร์ไปจับคนทั้งสองมา เมื่อรู้ว่าผิดตัวจึงสั่งให้เอาตัวไปขังไว้ก่อน
ฝ่ายปันหยีเมื่อกลับเข้าค่ายซึ่งพวกทหารช่วยกันดับไฟเรียบร้อยแล้วแต่ไม่รู้ว่าอนุชาและโอรสหายไปที่ใด ปันหยีรู้ทันทีว่าทั้งสองคนถูกเชือกมนตร์จับไปก็โกรธมาก จึงบุกบั่นเข้าไปในป่า บริภาษเทวดาที่ให้เชือกมนตร์แก่ระตูมงกล เดินผ่านลำธารซึ่งมีจระเข้ที่เป็นเทวดาถูกสาปอาศัยอยู่ จระเข้ยั่วให้ปันหยีโกรธจะได้ฆ่าตนเพื่อให้พ้นคำสาป เมื่อปันหยีฆ่าจระเข้ตายแล้วจระเข้ก็กลับเป็นเทวดา และได้รู้เรื่องทุกข์ร้อนของปันหยี เทวดาจึงตอบแทนบุญคุณด้วยการชุบเชือกมนตร์ให้ปันหยี ปันหยีกลับมาแล้วกำบังตนลอบเข้าไปช่วยอนุชาและโอรสได้ในคืนวันนั้น โดยที่ฝ่ายมงกลยังไม่รู้ตัว
วันรุ่งขึ้นปันหยีส่งสารไปท้าให้ระตูมงกลออกมาชนช้างกัน ระตูมงกลรับคำท้า เมื่อยกทัพออกมาไม่เห็นปันหยี เห็นแต่กุดาวิราหยาและกุสุมาหรายืนช้างอยู่ก็ตกใจและสงสัยว่าทั้งสองคนออกมาจากที่คุมขังได้อย่างไร ส่วนปันหยีซึ่งคอยโอกาสอยู่แล้วก็สั่งเชือกมนตร์ของตนให้ไปมัดระตูมงกลและมังกันติกาหรามาให้ เชือกมนตร์มัดทั้งสองคนลอยมาตรงหน้าปันหยี ปันหยีใช้พระแสงของ้าวตัดเศียรของทั้งสองพ่อลูก ศึกมงกลซึ่งเป็นศึกใหญ่ที่สุดในเรื่องดาหลังก็สิ้นสุดลง
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory