พระเจ้าแมงแรฉะวากีเป็นตัวละครในเรื่องราชาธิราช เป็นโอรสของพระเจ้าแมงศรีจุเร*

แมงแรฉะวากีเป็นกษัตริย์ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและเป็นกษัตริย์แห่งกรุงอังวะ* ลำดับที่ 6 นับจากพระเจ้าฝรั่งมังศรีฉะวา* ดังนี้ ลำดับที่ 1 พระเจ้าฝรั่งมังศรีฉะวา ลำดับที่ 2 พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง* หรือพระเจ้ามณเฑียรทอง* ลำดับที่ 3 พระเจ้าฝรั่งมังสี* พระนามเดิมมังสีสู* ลำดับที่ 4 พระเจ้ารามราชวงศ์* บุตรของสมิงพระราม* ลำดับที่ 5 พระเจ้าแมงศรีจุเร โอรสของพระเจ้ารามราชวงศ์ ลำดับที่ 6 พระเจ้าแมงแรฉะวากี

ในสมัยพระเจ้าแมงแรฉะวากีนี้เป็นยุคที่มอญและพม่าเกี่ยวข้องกันอีกครั้ง กล่าวคือ เมื่อพระองค์ทราบว่ามอญมีกษัตริย์เป็นสตรีคือตะละนางพระยาท้าว* ก็ทรงคิดจะได้เมืองหงสาวดี* โดยไม่ต้องรบพุ่งชิงเมืองจึงจัดกองทหารไปซุ่มจับตะละนางพระยาท้าวมาเป็นมเหสี ทรงเสน่หานางมาก ทรงตั้งเป็นพระอัครมเหสีเอกขนานพระนามว่าแสจาโป* จนเมื่อแสจาโปมีพระชนมายุได้ 50 พรรษา พระเจ้าแมงแรฉะวากีจึงคลายเสน่หาลง พระนางจึงคิดจะกลับหงสาวดี ต่อมาพระมหาปิฎกธรบุตรบุญธรรมของตะละนางพระยาท้าวได้ใช้อุบายพาตะละนางพระยาท้าวหนีกลับไปเมืองหงสาวดี พระเจ้าแมงแรฉะวากีก็มิทรงคิดจะทำสงครามแย่งชิงกลับมา

ในยุคที่พระมหาปิฎกธร*ได้เป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงคิดปริศนา 3 ข้อเพื่อทดลองปัญญาของพระมหาปิฎกธร ดังนี้ กรุงหงสาวดีนั้น มีฝูงปลาหลายพวก ปลาหนึ่งกินมีรสยิ่งกว่าปลาทั้งปวง คือปลาสิ่งใด อนึ่งสตรีภาพงามยิ่งกว่าสตรีทั้งหลายคือสตรีพวกใด อนึ่งน้ำห้วยหนองคลองบึงบางน้ำพุน้ำขอทั้งปวง น้ำสิ่งหนึ่งกินมีรสกว่าน้ำทั้งหลายคือน้ำสิ่งใด ปัญหา 3 ข้อนี้พระมหาปิฎกธรเฉลยว่า ปลาที่มีรสดีกว่าปลาทั้งหลายคือปลาบ้า ผู้หญิงที่งามกว่าผู้หญิงทั้งหลายคือผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ส่วนน้ำที่มีรสกว่าน้ำทั้งหลายคือน้ำสุรา ซึ่งทั้ง 3 นี้ไม่ควรปรารถนาแต่คนทั้งหลายก็ยังปรารถนาอยู่ พระเจ้าแมงแรฉะวากีจึงทรงให้อาลักษณ์จารึกพระนามพระมหาปิฎกธรในแผ่นพระสุพรรณบัฏว่าพระเจ้าราชาธิบดี* พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องราชบรรณาการเป็นการบูชาปัญญา