โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. ยุขัน 2

ยุขัน 2

  • ยุขัน 2
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-3617
ชื่อ
ยุขัน 2 ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
บทละครเรื่อง ยุขัน  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง

ยุขันเป็นตัวละครในบทละครเรื่องยุขัน  เป็นโอรสของท้าวอุรังยิด*  มีเชษฐาชื่อยุดาหวัน*  ยุขันมีมเหสี 2 องค์ คือ นางประวะลิ่ม*  และนางบุษหรี*

เมื่อท้าวอุรังยิดได้อ่านตำราปักษีของปะตาระกาหลา*ก็ประสงค์จะได้นกหัสรังสี*ซึ่งอยู่ที่เมืองอุเรเซน*  ยุขันอาสาเดินทางไปนำนกหัสรังสีมาถวายภายใน 3 ปี   ท้าวอุรังยิดเกรงว่ายุขันจะมีอันตรายจึงให้ยุดาหวันเดินทางไปด้วย   ยุขันและยุดาหวันอธิษฐานขอให้เทพเทวาคุ้มครองและดลใจให้ไปยังทิศที่ตั้งของเมืองอุเรเซน   ปะตาระกาหลาจึงบันดาลให้เกิดเป็นทางที่มีน้ำและผลไม้อุดมสมบูรณ์นำไปสู่เมืองอุเรเซน และช่วยปกป้องไม่ให้สัตว์ป่าทำร้าย

ครั้นยุขันและยุดาหวันเดินทางพ้นเส้นทางที่ปะตาระกาหลาเนรมิตไว้ ก็เข้าแวะพักที่ริมหลักเสาประโคน (เสาบอกเขตแดน)  ยุขันเห็นข้อความจารึกที่หลักศิลาก็รู้ว่าพระพรหม*สาปไว้ว่าผู้ที่จะเดินทางต่อไปจะต้องแยกทางกัน  หากไปด้วยกัน 2 คน  คนหนึ่งจะต้องตาย  แต่หากไปเพียงลำพังจะได้พบฤๅษีรักขิต*  จะได้ศรศิลป์ และเดินทางอย่างปลอดภัยไปจนถึงเมืองอุเรเซน   ยุขันขอให้ยุดาหวันกลับเมืองอุรังยิด  แต่ยุดาหวันเกรงว่าพระบิดาและพระมารดาจะตำหนิจึงเดินไปอีกทางหนึ่งแทน

เมื่อไปถึงอาศรมฤๅษีรักขิต ยุขันเข้าไปถามทางและขอเรียนวิชา  พระฤๅษีรู้ว่ายุขันต้องพลัดกับเชษฐาก็สงสาร จึงชุบอนุชาให้เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ให้ชื่อว่า ลิขิต*  จากนั้นชุบศรให้ยุขัน มอบพระขรรค์ให้ลิขิต แล้วชี้บอกทางไปเมืองอุเรเซน

ยุขันและลิขิตเดินทางไปถึงเมืองของยักษ์มัตตะริม* ไม่เห็นผู้คนในเมืองก็สงสัย เมื่อขึ้นไปบนปราสาท พบนางมะยุมา*มารดาบุญธรรมของมัตตะริม ก็ถามทางไปเมืองอุเรเซน นางรับจะไปถามมัตตะริมให้ แล้วพายุขันกับลิขิตไปซ่อนที่ชานดอกไม้

รุ่งขึ้นนางมะยุมาบอกให้ยุขันกับลิขิตเดินไปทางทิศอุดรแล้วจะพบยักษ์เฝ้าด่าน 3 ตน คือ อสุรปานัน*  วายุกัน*  และนันทสูร*  เมื่อพ้นด่านที่ 3 ไปจะพบฝั่งมหาสมุทร ตรงข้ามมหาสมุทรเป็นแดนมนุษย์คือเมืองอุเรเซน แล้วนางมะยุมาก็มอบธำมรงค์เส้นผมของมัตตะริมให้ยุขัน พร้อมกำชับว่าเมื่อพบยักษ์รักษาด่านให้ถอดธำมรงค์ให้ยักษ์ดู ยักษ์จะช่วยส่งทั้งสองไปจนถึงฝั่งมหาสมุทร  ยุขันและลิขิตทูลลาและให้สัญญาว่าจะกลับมาสนองคุณ 

ยุขันและลิขิตเดินทางผ่านด่านของยักษ์ทั้งสามไปจนถึงต้นงิ้วริมมหาสมุทร  ลูกนกอินทรีกระหายน้ำมากจึงขอให้ยุขันและลิขิตช่วยตักน้ำให้  เมื่อรู้ว่ายุขันกับลิขิตจะข้ามมหาสมุทรไปเมืองอุเรเซน  ลูกนกจึงบอกว่าเมื่อแม่นกอินทรีกลับมาจะให้พาทั้งสองไปส่ง 

แม่นกอินทรีพายุขันและลิขิตไปส่งที่ต้นไทรใกล้เมืองอุเรเซนและบอกว่าจะมารับในอีก 3 เดือน  ยุขันและลิขิตเดินทางไปจนถึงอุทยานเมืองอุเรเซน พบตามะหะหรี่*กับยายมาลา*คนเฝ้าอุทยานจึงเข้าไปขออาศัยพักค้างคืน  เมื่อรู้ว่าในเมืองกำลังมีงานสมโภชนกหัสรังสี  ยุขันอยากไปเที่ยวชมงานเพื่อจะได้เห็นนกหัสรังสีและจะได้พบนางประวะลิ่มจึงขอให้ตามะหะหรี่พาไป

ยุขันและลิขิตปลอมเป็นกระฎุมพีตามตามะหะหรี่เข้าไปในเมือง  เมื่อได้สบตานางประวะลิ่ม ยุขันก็หลงรักนาง   ยุขันต้องการให้นางรู้ว่าตนเป็นเชื้อวงศ์กษัตริย์จึงชักซ่าโบะ (ผ้าคลุม) ขึ้นคลุมไหล่ และกรีดนิ้วให้แสงจากธำมรงค์ไปต้องนัยน์ตานาง  นางจึงรู้ว่ายุขันเป็นหน่อเนื้อกษัตริย์

เมื่อพระอาทิตย์ลับ ตามะหะหรี่เตือนให้กลับ แต่ยุขันไม่ยอมกลับ เฝ้าคร่ำครวญถึงนางประวะลิ่มอยู่ที่งานสมโภช  ครั้นถึงอุทยาน ยายมาลาโกรธตามะหะหรี่ที่กลับมาช้า ทั้งคู่ทะเลาะกัน  ยุขันจึงช่วยพูดให้ว่าที่กลับมาช้าเพราะรอตนอยู่  ยายมาลาหายโกรธเข้าครัวหุงหาอาหารออกมาให้ แล้วเชิญยุขันกับลิขิตไปพักที่ตำหนักในอุทยาน

ยุขันคิดถึงนางประวะลิ่มมากจึงบอกยายมาลาว่าจะร้อยมาลัยเป็นนาคเกี้ยวกระหวัดถวายนางประวะลิ่ม ให้ยายทูลว่ายายเป็นผู้ร้อยมาลัยเอง  นางประวะลิ่มก็จะประทานรางวัลให้  เมื่อนางประวะลิ่มเห็นมาลัยก็สงสัยว่าไม่ใช่ฝีมือยายมาลา  นางสันหยา*พี่เลี้ยงจึงขู่ถาม ยายมาลากลัวถูกลงโทษจึงทูลความจริง  นางสันหยาเห็นมาลัยที่ร้อยมาเป็นนัยสื่อรักจึงแนะอุบายให้นางประวะลิ่มแกล้งทำเป็นกริ้วยายมาลา  เอาแป้งขาวทาทั่วตัว แล้วขับยายมาลาให้กลับไปร้อยมาลัยมาถวายแก้ตัว 

ยุขันเห็นยายมาลาถูกชโลมด้วยแป้งขาวกลับมาก็รู้ว่านางประวะลิ่มตอบรับไมตรีจึงปลอบยายแล้วรับว่าจะร้อยมาลัยให้นำไปถวายใหม่  ฝ่ายนางประวะลิ่มอยากรู้ว่าผู้ที่มาอาศัยอยู่ในอุทยานเป็นใครจึงให้นกหัสรังสีไปสืบข่าว  ยุขันเขียนสารเล่าเรื่องราวของตนพร้อมมอบธำมรงค์ให้นกหัสรังสีนำกลับไป  นางประวะลิ่มเขียนสารตอบพร้อมมอบสไบให้นกหัสรังสีนำไปให้ยุขัน   ยุขันจึงเขียนสารเชิญนางมาชมอุทยาน  แล้วให้ยายมาลาพาลิขิตไปถวายตัวเป็นพนักงานร้อยมาลัย

วันรุ่งขึ้นยุขันร้อยมาลัยเป็นรูปชายหนุ่มยืนอยู่ข้างบัญชร มีหญิงนางหนึ่งอยู่บนแท่นบรรทม  ส่วนพี่เลี้ยงอยู่ข้างๆ  และมีหนุ่มน้อยประนมกรอยู่ใกล้ๆ   แล้วส่งให้ยายมาลานำไปถวายนางประวะลิ่ม  นางประวะลิ่มรู้ว่ายุขันทำปริศนาว่าจะขอขึ้นตำหนัก จึงหารือนางสันหยาเพื่อหาวิธีให้ยุขันเข้ามาได้

นางสันหยาแนะให้ใช้มินหม้อทาทั่วตัวยายมาลาและสั่งให้ยายกลับไปบอกยุขันว่าให้ไปอยู่กับฤๅษีดาหลี*พระอาจารย์ของนางประวะลิ่ม  ยุขันรู้ความหมายว่าให้รอถึงคืนเดือนมืดจึงบอกว่าจะรีบไปจากอุทยานทันทีเพื่อไม่ให้ยายถูกลงอาญา  ก่อนไปยุขันถอดธำมรงค์ประทานเป็นรางวัลแก่ยายมาลา

ยุขันเดินทางไปขอเป็นศิษย์ฤๅษีดาหลี  พระฤๅษีบวชให้ยุขันแล้วสอนศิลปศาสตร์ต่างๆ แก่ยุขัน ทั้งวิชากำบังกายล่องหน  ผูกและแก้ผ้าพยนต์  และมนตร์จังงัง   ต่อมาฤๅษีดาหลีจะเข้าเมืองไปเยี่ยมนางประวะลิ่มจึงชวนยุขันไปด้วย  ครั้นถึงปราสาท ฤๅษีดาหลีบอกยุขันให้รออยู่ก่อน นางประวะลิ่มให้นางสันหยานิมนต์ฤๅษียุขันเข้าไป  ยุขันกับนางประวะลิ่มจึงได้พบกันอีกครั้ง

เมื่อกลับถึงอาศรม  ยุขันถามฤๅษีดาหลีถึงปริศนาที่นางประวะลิ่มแกล้งทำ  พระฤๅษีบอกว่านางต้องการให้ยุขันไปพบในคืนเดือนมืด  ยุขันจึงละเพศฤๅษีแล้วร่ายเวทกำบังกายเข้าไปในปราสาทของนางประวะลิ่ม ได้ร่วมอภิรมย์กับนางสันหยาแล้วจึงได้นางประวะลิ่มเป็นชายา

เมื่อครบกำหนด 3 เดือนที่นัดไว้กับแม่นกอินทรี  ยุขันยังไม่อยากจากไป  ลิขิตเตือนว่าหากไม่ยอมไปตามสัญญาแม่นกอินทรีจะโกรธ  ยุขันจึงฝากลิขิตให้ช่วยดูแลนางประวะลิ่ม  แล้วนำนกหัสรังสีออกจากเมืองไปด้วยความจำใจ

ยุขันขอให้แม่นกอินทรีพาไปส่งที่อาศรมของฤๅษีรักขิตเผื่อว่าจะได้พบยุดาหวัน  พระฤๅษีชุบม้าอัสดรให้ยุขันขี่กลับเมืองอุรังยิด  ระหว่างทางยุขันพบมะยุหงัด*พรานป่าที่รับอาสาท้าวปะรังศรี*เจ้าเมืองอุรังฆาร*ออกตามหานกหัสรังสี   มะยุหงัดลวงยุขันว่าจะพาไปส่งที่เมืองอุรังยิดและเชิญชวนยุขันให้พักในอุทยานเมืองอุรังฆารเพื่อจะได้ชมโฉมนางบุษหรี*ธิดาท้าวปะรังศรี   ยุขันหลงเชื่อจึงถูกท้าวปะรังศรีชิงนกหัสรังสี  กริช  ศร และม้าอัสดรไป  ทั้งยังถูกกะปิหลัน*กับเหล่าเสนาของท้าวปะรังศรีจับมัดโยนทิ้งมหาสมุทร  ยุขันอธิษฐานขอให้คุณอาจารย์  คุณบิดามารดา และปะตาระกาหลาช่วยให้พ้นภัย   ปะตาระกาหลาสงสารจึงบันดาลให้คลื่นสงบ แล้วไล่ฝูงปลาไปให้ไกล  ยุขันลอยอยู่ในมหาสมุทรได้ 3 วัน นายประมงเดินเรือผ่านมาช่วยไว้ได้

ยุขันแค้นท้าวปะรังศรีมากเพราะรู้ว่าเป็นมิตรของท้าวอุรังยิด จึงคิดจะกลับไปเกณฑ์ไพร่พลที่เมืองอุรังยิดเพื่อยกทัพมาตี  นายประมงแนะให้ไปขอความช่วยเหลือจากเมืองฉะนะตัน*ซึ่งอยู่ใกล้กว่าและเป็นเมืองขึ้นของเมืองอุรังยิด   เมื่อไปถึงเมืองฉะนะตัน  ยุขันขอให้นายประมงกลับไปสืบข่าวความเคลื่อนไหวในเมืองอุรังฆารแล้วบอกว่าอีก 15 วันจะยกทัพตามไป

ท้าวตะรังอู*เจ้าเมืองฉะนะตันอาสาเป็นทัพหน้าไปออกรบ  ครั้นถึงชายแดนเมืองอุรังฆารยุขันให้ตั้งค่าย   เมื่อรู้จากนายประมงว่าท้าวปะรังศรีฆ่านกหัสรังสีเพื่อเอาดวงแก้ววิเศษแล้วอมเก็บไว้ในปาก   ยุขันกับตำมะหงง*และตะหลาหรัน*เสนาเมืองฉะนะตันร่ายเวทกำบังกายเข้าไปในเมืองอุรังฆาร  แล้วร่ายมนตร์จังงังสะกดท้าวปะรังศรี  ล้วงดวงแก้ววิเศษออกจากปากของท้าวปะรังศรี แล้วเหาะกลับไปหยิบเอาดวงแก้วประดับชฎาไปใส่ปากท้าวปะรังศรีไว้แทน

ครั้นกลับถึงค่ายยุขันจะสั่งให้ยกทัพไปล้อมเมืองอุรังฆาร  แต่ท้าวตะรังอูทัดทานว่า หากจู่โจมเข้าไปทันทีแม้ชนะก็ไม่เป็นเกียรติยศ  ควรให้ทูตถือสารไปแจ้งท้าวปะรังศรีให้คืนนกหัสรังสีและส่งนางบุษหรีมาถวายเพื่อเป็นการอ่อนน้อมก่อน

เมื่อเผชิญหน้ากันในสนามรบ ท้าวปะรังศรีคายดวงแก้วออกให้ยุขันดู ยุขันท้าท้าวปะรังศรีให้ลองฤทธิ์ดวงแก้ววิเศษด้วยการเหาะเหินเดินอากาศ แต่ท้าวปะรังศรีทำไม่ได้  ยุขันจึงบอกว่าได้ลอบไปชิงดวงแก้ววิเศษมาแล้ว ท้าวปะรังศรีอับอายมาก ขอกลับไปสั่งเสียประไหมสุหรีกับนางบุษหรีก่อนแล้วจะกลับมารบ

ท้าวปะรังศรีนิมนต์ฤๅษีสมมิศร*พระอาจารย์มาช่วย  ฤๅษีสมมิศรออกอุบายแปลงท้าวปะรังศรีเป็นพระอินทร์  เนรมิตไม้เท้าเป็นช้างเอราวัณ ล่อให้ยุขันบูชาดวงแก้ววิเศษ  แล้วให้ท้าวปะรังศรีแย่งดวงแก้วมา   ยุขันคิดว่าพระอินทร์มาอวยพรให้รบชนะ แต่ตะหลาหรันทูลทัดทานว่าน่าจะเป็นกลลวง จึงขออนุญาตไปลองฤทธิ์พระอินทร์แปลง  ตะหลาหรันและตำมะหงงไปยืนอยู่หน้าช้างแล้วอ่านคาถาอาคมเป่าไป  ช้างเอราวัณก็กลับเป็นไม้เท้า  ส่วนท้าวปะรังศรีกับฤๅษีสมมิศรก็ตกลงมาแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป  วันต่อมาท้าวปะรังศรีออกรบ แต่สู้ทัพของท้าวตะรังอูไม่ได้จึงถูกจับไปถวายยุขัน  ท้าวปะรังศรียอมตายแต่ไม่ยอมอ่อนน้อม  ยุขันจึงสั่งประหารชีวิต  ครั้นนางสร้อยสุนี*รู้ว่าท้าวปะรังศรีสวามีสิ้นพระชนม์ก็ให้จัดเครื่องบรรณาการไปถวายยุขันเพื่อขอศพท้าวปะรังศรีกลับเข้าเมือง  ยุขันเคลื่อนพลเข้าเมืองอุรังฆาร นางสร้อยสุนีถวายนางพระกำนัล 12 คนและถวายเมืองให้ยุขันขึ้นครองราชย์  ครั้นพลบค่ำ ยุขันขึ้นไปตำหนักของนางบุษหรีและได้นางเป็นชายา ทั้งสองครองรักอยู่ที่เมืองอุรังฆารอย่างมีความสุข 

ต่อมานางประวะลิ่มชวนลิขิตและนางสันหยาเดินทางจากเมืองอุเรเซนออกตามหายุขัน  ยุขันรู้ข่าวจึงจัดทัพไปรับนางเข้าเมือง   ครั้นอยู่ที่เมืองอุรังฆารได้ประมาณ 1 ปี นางประวะลิ่มน้อยใจที่ยุขันหลงใหลนางบุษหรีจนลืมนาง จึงชวนลิขิตและนางสันหยาเดินทางไปเมืองอุรังยิด   ยุขันเกรงว่าท้าวอุรังยิดจะกริ้วหากรู้ว่านกหัสรังสีถูกท้าวปะรังศรีฆ่า จึงไปขอให้ฤๅษีรักขิตช่วยผ่าดวงแก้วเป็น 3 ดวง ดวงหนึ่งชุบให้เป็นนกหัสรังสี ดวงหนึ่งจะเก็บไว้เอง และอีกดวงหนึ่งจะถวายท้าวอุรังยิด 

ครั้นพบนางประวะลิ่มที่เมืองอุรังยิด  นางตัดพ้อยุขันที่เป็นต้นเหตุให้นกหัสรังสีต้องตาย  ยุขันปลอบนางว่าฤๅษีรักขิตช่วยชุบชีวิตนกหัสรังสีแล้ว นางดีใจมากและให้สัญญาว่าจะเมตตานางบุษหรี   ต่อมาท้าวอุรังยิดอภิเษกยุขันเป็นเจ้าเมืองอุรังยิดและอภิเษกนางประวะลิ่มเป็นมเหสีฝ่ายขวา ส่วนนางบุษหรีได้เป็นมเหสีฝ่ายซ้าย

เมื่ออุรังหงัน*อนุชาของนางประวะลิ่มยกทัพมาตามนางและนกหัสรังสีกลับเมืองอุเรเซน ยุขันไม่ต้องการจะสู้รบด้วย จึงให้จัดรี้พลรักษาเขตแดนไว้ แต่ห้ามมิให้เคลื่อนทัพออกรบ  เมื่อการะผิด*นายกองลาดตระเวนคุมไพร่พลจำนวน 500 คนอยู่ที่ชายแดนจับตาละบีงู*ไปเฝ้ายุขัน  ยุขันสอบถามจนรู้ว่าตาละบีงูเป็นข้าเก่าของนางประวะลิ่ม จึงให้นางประวะลิ่มมาเฝ้า  ตาละบีงูทูลว่าตั้งแต่นกหัสรังสีหายไป ผู้คนในเมืองอุเรเซนต่างไม่มีความสุข ท้าวอุเรเซนจึงให้อุราหงันยกทัพมาพานางประวะลิ่มและนกหัสรังสีกลับไป 

ยุขันต้องการให้เมืองอุรังยิดกับเมืองอุเรเซนเป็นมิตรกัน จึงไปที่ค่ายของอุรังหงัน สะกดไพร่พลให้หลับ  ชโลมสุคนธ์ทั่วกายของอุรังหงัน แล้ววางสารไว้ที่ข้างแท่นบรรทม  อุรังหงันกริ้วมาก  ส่งสารแจ้งยุขันให้คืนนางประวะลิ่มและนกหัสรังสี  ยุขันจึงเหาะไปยังค่ายของอุรังหงันอีกครั้ง ร่ายเวทสะกดให้ไพร่พลหลับทั้งกองทัพ แล้วอุ้มอุรังหงันเหาะเข้าเมือง  ยุขันกำบังกายประทับอยู่ข้างนางประวะลิ่ม แล้วคลายเวทให้อุรังหงันฟื้น  เมื่ออุรังหงันเห็นนางประวะลิ่มก็โกรธ ไม่ยอมทำความเคารพ แล้วจะวิ่งหนี  ยุขันจึงขวางไว้  นางประวะลิ่มบอกให้อุรังหงันขอโทษยุขัน

(ต้นฉบับจบเพียงนี้)

ผู้เรียบเรียง
กิตติชัย พินโน , กิตติชัย พินโน 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store