TLD-003-0664
ครุฑ (ชื่อตัวละคร)
ครุฑเป็นตัวละครในบทละครเรื่องวงศเทวราช เป็นขุนทหารของวงศเทวราช*เจ้าเมืองเนาวรัตนนคร*
ครั้งที่พระอินทร์*ลงมาเนรมิตเมืองเนาวรัตนนครให้วงศเทวราชโอรสที่เกิดจากนางเทพมนทา*ครองก่อนที่จะพานางเทพมนทากลับสู่สวรรค์ ทรงเกรงว่าโอรสจะเปล่าเปลี่ยวพระทัยจึงนำเทียนสีผึ้งมาปั้นเป็นครุฑและเป็นม้าแล้วเอาน้ำกายสิทธิ์เป่ามนตร์รด รูปปั้นก็มีชีวิต พระอินทร์สั่งให้ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือวงศเทวราชให้มีอำนาจแผ่ไพศาล
วันหนึ่งวงศเทวราชประพาสป่ากับม้าเนรมิตชื่อสุริการ*และสังขปัด*วานรขุนทหารเพื่อเด็ดดอกบัวในสระตามสุบินนิมิต โดยให้ครุฑอยู่เฝ้าเนาวรัตนนคร ทั้งสามเดินทางไปถึงเมืองสมุทคีรี*ของท้าวมหานพสูร* เกิดเหตุการณ์สู้รบกับเหล่าอสูรเสนาที่พานางบุศบง*มาถ่วงน้ำประหารตามคำสั่งของท้าวมหานพสูรผู้เป็นพระบิดา
วงศเทวราชสามารถชิงตัวนางบุศบงซึ่งเสนาอสูรคิดว่าสิ้นชีวิตแล้วมาไว้ยังเนาวรัตนนครได้ แล้วกลับไปทำสงครามกับท้าวมหานพสูร โดยไปสมทบกับสังขปัดซึ่งรออยู่ที่เขาการะเวก*ริมฝั่งแม่น้ำยมนา* ครุฑทูลวงศเทวราชว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ควรเรียกวิชาธร (วิทยาธร) ในป่ามาช่วยรบ วงศเทวราชเห็นดีด้วย จึงได้ท้าววิเรนทร*ผู้เป็นใหญ่แห่งวิชาธรมาเป็นขุนทหาร
จากนั้นก็ยกพลไปยังเขาการะเวก วงศเทวราชปรึกษาการทำศึกกับบรรดาขุนทหาร สังขปัดทูลว่าควรให้ครุฑเป็นทูตไปส่งสารแก่ท้าวมหานพสูรก่อน วงศเทวราชให้ท้าววิเรนทรแต่งสารขอให้ท้าวมหานพสูรพาธิดามาถวาย ถ้าขัดขืนจะยกทัพไปทำสงคราม แล้วให้ครุฑนำสารไปยังเมืองสมุทคีรี ครุฑส่งสารให้ท้าวมหานพสูรโดยไม่ยอมไหว้
เมื่อท้าวมหานพสูรแจ้งเนื้อความในสารก็กริ้ว สั่งเหล่าเสนาให้จับครุฑ ครุฑเอาเล็บกรดเฉี่ยวเสนาอสูรตายนับแสน แล้วแผลงฤทธิ์หักยอดพลับพลาปราสาท ท้าวมหานพสูรจึงขว้างจักรแก้วหมายสังหาร แต่ครุฑจับจักรแก้วได้ แล้วบินกลับไปเฝ้าถวายจักรแก้วแก่วงศเทวราช ท้าวมหานพสูรให้ท้าวสาตราสูร*อนุชาออกรบกับวงศเทวราช ท้าวสาตราสูรแผลงศรเป็นนาคไปมัดสังขปัด ม้าสุริการ และเหล่าบริวารนอนเกลื่อนกลาด วงศเทวราชขอให้ครุฑช่วย ครุฑไล่จิกนาคจนนาคกลายเป็นลูกศรดังเดิม ทุกชีวิตก็ฟื้นคืนสติ เมื่อท้าวสาตราสูรแปลงเป็นเรไรซ่อนตัวอยู่ในกลีบดอกไม้ แล้วคืนร่างเป็นอสูรพาวงศเทวราชไปขณะบรรทมหลับ สังขปัด ครุฑ และท้าววิเรนทรก็ช่วยกันจับท้าวสาตราสูรได้
ครั้งที่นางสุวรรณมาลี*มเหสีม่ายของท้าวจัตุรัต*ทำอุบายแปลงกายเป็นนางบุศบงธิดาท้าวมหานพสูรมาหาวงศเทวราชเพื่อลอบสังหาร วงศเทวราชคิดว่าเป็นนางบุศบงจริง ๆ สังขปัดทัดทานอย่างไรก็ไม่เชื่อ สังขปัดจึงวางแผนพิสูจน์ โดยให้ครุฑแปลงร่างเป็นปีศาจท้าวจัตุรัตมาแสดงความหึงหวง เพื่อให้นางบุศบงแปลงกลัวแล้วคืนร่างเป็นนางสุวรรณมาลี
ส่วนสังขปัดแปลงเป็นวงศเทวราชมาร่วมสมกับนาง ขณะที่วงศเทวราชแปลงอยู่กับนางบุศบงแปลง ปีศาจท้าวจัตุรัตแปลงแสร้งเคาะฝาตำหนัก กำกรวดทรายซัดขึ้นหลังคา และเขย่าต้นไม้ วงศเทวราชแปลงแสร้งทำเป็นตกใจ แล้วปลอบโยนนางว่าคงเป็นกรรมมาตามสนองตนที่สังหารท้าวจัตุรัต เมื่อนางบุศบงแปลงเห็นว่าวงศเทวราชแปลงกลัวมากก็ยอมรับผิดขอขมาต่อปีศาจท้าวจัตุรัตแปลง เมื่อปีศาจท้าวจัตุรัตแปลงยกโทษให้ นางบุศบงแปลงจึงยอมคืนร่างเป็นนางสุวรรณมาลี
ส่วนวงศเทวราชแปลงและปีศาจท้าวจัตุรัตแปลงก็คืนร่างเป็นสังขปัดและครุฑดังเดิม ทั้งสองพานางสุวรรณมาลีไปเฝ้าวงศเทวราช วงศเทวราชให้สังขปัดพานางสุวรรณมาลีไปส่งคืนท้าวมหานพสูร (บทบาทของครุฑฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดีมีเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้เป็นบทบาทในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) หลังจากทำสงครามชนะจนท้าวมหานพสูรยอมอ่อนน้อมเพราะวงศเทวราช*สามารถยกศรพรหมสิทธิ์*ได้ วงศเทวราชให้ไปรับนางบุษบง (คือนางบุศบงในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดี) จากเนาวรัตนนครมาเข้าพิธีอภิเษกสยุมพร
ในงานนี้มีเจ้าต่างเมืองมาร่วมงานมากมาย วงศเทวราชกำหนดผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกเมือง เมื่อพระเจ้าโยเสฟ*เจ้าเมืองกรอบซเกต*กับมเหสีมาถึง วงศเทวราชก็ให้ครุฑเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรัสว่า การข้างฝรั่งนั้นท่านเข้าใจ เราได้เคยใช้แต่ไรมา อันจะไว้ใจยักษ์นั้นไม่ได้ หน่อยจะไปเปนโบราณเร่อร่า ฝ่ายครุฑก็ทูลตอบว่า อันการข้างฝรั่งนี้ยากนัก แม้นไม่รู้จักแล้วไม่ได้ นิดหน่อยก็จะเสียธรรมเนียมไป ต่อคนเข้าใจจึ่งรับทัน แล้วทูลลาไปดำเนินการจัดสถานที่ให้เป็นแบบตะวันตก
เมื่อพระเจ้าโยเสฟจะเสด็จเข้าเมือง วงศเทวราชก็ให้ครุฑไปสอบถามทูตว่าจะต้องเตรียมตัวต้อนรับอย่างไรให้ถูกต้องตามวัฒนธรรมฝรั่งเพราะเห็นว่าครุฑเป็น “ผู้เข้มข้นในปัญญาปรากฏ” บางครั้งสังขปัดประพฤติตนไม่เหมาะสมครุฑจะเป็นผู้คอยตักเตือน เช่นครั้งที่ไปรับพระเจ้าโยเสฟเข้าเมืองด้วยกัน พระเจ้าโยเสฟจัดสุราอาหารมาเลี้ยงดู สังขปัดดื่มสุราจนเมามาย เมื่อพาพระเจ้าโยเสฟกับกวินไวต์*มเหสีเข้าเฝ้าวงศเทวราช สังขปัดซึ่งมีจิตปฏิพัทธ์กวินไวต์ตั้งแต่แรกเห็นก็ถึงกับร้องขับแสดงความในใจออกมา ครุฑต้องช่วยฉุดหางเตือนสติให้สงบ
ครั้งที่สังขปัดถูกนางเวฬู*ซ้อนกลที่บังอาจเขียนสารรักมาถึงนาง โดยการเทน้ำหมากและของโสโครกลงทั่วตัวสังขปัดจนขนเป็นสีแดง นายแห้ว*และนางหนูวอก*วานรรับใช้ช่วยกันเคี้ยวมะยมพ่นใส่ ขนสีแดงจึงกลับกลายเป็นขนสีเหลือง เมื่อถึงเวลาที่สังขปัดไปนั่งรอเข้าเฝ้าวงศ เทวราชเพื่อประชุมปรึกษาเกี่ยวกับการจัดงานพิธีอภิเษกสยุมพร ครุฑเห็นก็ถามว่าเหตุใดขนเป็นสีเหลืองทั้งกาย สังขปัดโกรธตอบว่าไม่ใช่เรื่องของครุฑ ที่ขนของตนเป็นสีเหลืองเพราะใช้ขมิ้นทาหมัด ในเวลาต่อมาวงศเทวราชเห็นสังขปัดก็ตรัสถามเช่นเดียวกัน ทำให้สังขปัดโกรธอาละวาดจนวงศเทวราชต้องเสด็จเข้าข้างใน สังขปัดคุมแค้นครุฑเป็นพิเศษ เหาะตามครุฑที่หนีขึ้นไปบนฟ้า แล้วตบปากครุฑ จึงถูกจะงอยปากครุฑตำมือบาดเจ็บกลับพลับพลา
ในคืนวันงานสโมสรสันนิบาตเลี้ยงฉลองและคืนวันงานบอลลีลาศหลังงานพิธีอภิเษกสยุมพร ครุฑเป็นผู้ควบคุมการจัดสถานที่ทั้ง 2 คืน เมื่อสังขปัดเมาอาละวาดในงานสโมสรสันนิบาตเลี้ยงฉลอง ครุฑและท้าววิเรนทรก็ช่วยกันใช้ผ้าป่านขาวเข้าขวางจับสังขปัดห่อมัดไว้ได้แล้วให้หามกลับไปพลับพลา
ในคืนวันงานบอลลีลาศสังขปัดก่อเหตุวุ่นวายและสลบไป ครุฑก็ต้องเป็นผู้พาสังขปัดไปส่งที่พลับพลาแล้วสั่งให้หมอและทาสีทั้งสองคือนางหนูหุ่น*และนายแห้วคอยรักษาพยาบาล แต่สังขปัดไม่สำนึก เมื่อฟื้นขึ้นก็เผาเมือง ทุกคนหนีไฟกันจ้าละหวั่น เจ้าต่างเมืองพากันเดินทางกลับบ้านเมือง
ต่อมาครุฑ ท้าวมหานพสูร และท้าววิเรนทรออกตามหาวงศเทวราช ทั้งสามได้รับบาดเจ็บจากไฟลวก ครุฑถูกไฟไหม้จนขนไม่มีเหลือแม้เพียงเส้นเดียว เนื้อหนังก็ถลอกปอกเปิก แต่ทั้งสามก็ดั้นด้นไปจนพบวงศเทวราชซึ่งไปอาศัยอยู่กับพระธรรมภาณฤๅษี*ในป่า สามขุนทหารทูลขอให้วงศเทวราชช่วย วงศเทวราชจึงใช้แก้วมณีร่ายเวทเป่าไป “ซ่อมแซม” จนความพิกลพิการหายไป เกิดเป็นร่างใหม่ที่มีลักษณะพิเศษมากกว่าเดิม เช่น ครุฑมีขนเป็นงูพิษงอกออกมาเต็มกาย เป็นต้น
เมื่อวงศเทวราชจะออกตามหานางบุษบงซึ่งจากกันครั้งไฟไหม้เมือง ได้ปลอมเป็นชาวป่าชื่อว่าคงญวน* และให้บรรดามเหสี นางสนม และเสนาอำมาตย์ทุกคนปลอมเป็นชาวป่าและเปลี่ยนชื่อด้วยเช่นกัน ครุฑเปลี่ยนชื่อเป็นขำแกร*
ต่อมาเมื่อได้พบนางบุษบงแล้ววงศเทวราชและทุกคนกลับเมืองสมุทคีรีในสถานภาพเดิม สังขปัดรู้ข่าวก็ให้บรรดาวานรหามทั้งเตียงไปเฝ้า เมื่อสังขปัดเห็นบรรดามเหสีก็ทูลถามวงศเทวราชว่าได้นางเหล่านี้มาอย่างไร วงศเทวราชเล่าให้ฟัง สังขปัดขอให้วงศเทวราชแจกมเหสียกเว้นนางบุษบงแก่บรรดาขุนนางผู้ใหญ่
ครุฑเห็นสังขปัดก้าวร้าวดังนั้นก็ไม่พอใจ สั่งให้กลับไปยังที่พัก สังขปัดโกรธที่ครุฑขัดคอขัดใจตนมาหลายครั้งก็กล่าวอาฆาตแค้น แล้วพาลอาละวาดทั้งที่ป่วยหนัก จนในที่สุดเมื่อเห็นวงศเทวราชจับศรพาดสายจะยิงก็กลัวตาย ตะกายเหาะขึ้นไปสิ้นกำลังสิ้นชีวิตกลางอากาศ
วงศเทวราชสงสารนึกถึงความดีในอดีตจึงปรึกษาเหล่าท้าวพระยาว่าควรจะชุบชีวิตสังขปัดขึ้นมาปูนบำเหน็จรางวัลหรือไม่ ครุฑทูลทัดทานว่าสังขปัดประพฤติตนไม่เหมาะสมหลายครั้งจนเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว แม้จะได้รับการอภัยโทษก็ไม่สำนึก ทั้งยัง “กำเริบราคจัดนัก” จึงควรปล่อยให้ตายไป วงศเทวราชก็เห็นด้วย
เมื่อเหตุร้ายทั้งปวงสิ้นสุดลงวงศเทวราชคืนเมืองสมุทคีรีให้ท้าวมหานพสูรครองดังเดิม แล้วเสด็จกลับไปเนรมิตเมืองเนาวรัตนนครให้กว้างใหญ่กว่าเก่า เมื่อจะฉลองนครก็มอบหมายให้ครุฑเป็นผู้จัดงานฉลอง ฝ่ายสังขปัดตายไปก็กลายเป็นเปรต ด้วยความพยาบาทวงศเทวราชเมื่อรู้ว่ามีการฉลองเนาวรัตนนครก็มาอาละวาดขอมเหสีอีก วงศเทวราชสิ้นหนทางที่จะเอาชนะเปรตสังขปัดได้ จึงให้ครุฑไปประกาศหาผู้มีวิชามาช่วยปราบ เมื่อนางอินทวดี*มาอาสาก็ปราบไม่ได้ ในที่สุดต้องไปนิมนต์ให้พระพรหมลิขิตฤๅษี*มาช่วยปราบเปรตสังขปัดได้สำเร็จ
เมื่อบ้านเมืองสงบวงศเทวราชให้พิจารณาความดีความชอบบรรดาเสนาอำมาตย์ ประทานตราอิสริยยศ สายสะพาย และบำเหน็จรางวัลแก่ผู้ทำความดีความชอบ ครุฑได้รับประทานนามใหม่ว่าพระยาสัปปะศรีชาญไชย* ให้ไปครองกรุงจักรวาฬ* และยกนางสุวรรณมาลีให้เป็นมเหสี
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory