TLD-003-4100
วิเรนทร, ท้าว 2 (ชื่อตัวละคร)
ท้าววิเรนทรเป็นตัวละครในบทละครเรื่องวงศเทวราช เป็นใหญ่ในหมู่วิชาธร (วิทยาธร) อาศัยอยู่ทางทิศใต้ภูเขาอิสินธร* มีขรรค์และศรกายสิทธิ์ที่พระอิศวร*ประทานให้เป็นอาวุธ นอกจากทำหน้าที่เป็นขุนทหารแล้วยังเป็นโหรในราชสำนัก
วันหนึ่งท้าววิเรนทรแจ้งด้วยทิพยโสตว่าวงศเทวราช*เจ้าเมืองเนาวรัตนนคร*จะทำสงครามกับเหล่าอสูร จึงพาบริวารวิชาธรเหาะไปเฝ้าถวายศรกายสิทธิ์ วงศเทวราชเล่าเรื่องที่เกิดความขัดแย้งกับท้าวมหานพสูร*เจ้าเมืองสมุทคีรี*ให้ฟัง ท้าววิเรนทรจึงอาสาทำสงครามกับท้าวมหานพสูร วงศเทวราชให้ท้าววิเรนทรดูฤกษ์ที่จะยกทัพออกรบ สังขปัด*ทูลแนะให้วงศเทวราชมีสารไปถึงท้าวมหานพสูรก่อน วงศเทวราชให้ท้าววิเรนทรเป็นผู้เขียนสารและให้ครุฑ*เป็นทูต
ก่อนยกทัพวงศเทวราชร่ายเวทรำลึกถึงพระอินทร์*ผู้เป็นพระบิดาขอให้ประทานราชรถเพื่อทำสงครามกับอสูร ฝ่ายพระมาตุลี*แจ้งด้วยทิพญาณก็นำเวชยันต์ราชรถลงมาถวายแล้วเหาะกลับวิมาน วงศเทวราชให้ท้าววิเรนทรทำหน้าที่เป็นสารถีแทนพระมาตุลี
นอกจากทำหน้าที่ดูฤกษ์ยามในการทำศึกแล้ว ครั้งใดที่เกิดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องใด วงศเทวราชจะตรัสถามโหรวิเรนทร เช่น ตอนที่ท้าวสาตราสูร*รบแพ้แทรกแผ่นดินหนีไปหาท้าวพัทไภย*เจ้าเมืองบาดาล*ผู้เป็นสหาย ตอนที่ท้าวจัตุรัต*ไม่ตายเพราะถอดดวงใจได้ ตอนที่ท้าวจัตุรัต*แปลงกายเป็นพระอินทร์มาห้ามทัพมิให้วงศเทวราชทำบาปอีกต่อไป ฯลฯ
ครั้นวงศเทวราชหลงนางบุศบง*ที่นางหิรัญมาลี*มเหสีท้าวมหานพสูรพามาถวาย ท้าววิเรนทรและสังขปัดทูลว่านางบุศบงนี้คือนางสุวรรณมาลี*มเหสีท้าวจัตุรัตแปลงกายมา แต่วงศเทวราชไม่เชื่อจนกระทั่งสังขปัดต้องพิสูจน์ความจริงให้เป็นที่ประจักษ์
(บทบาทของท้าววิเรนทรในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดีมีเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้เป็นบทบาทในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
เมื่อวงศเทวราชจะยกศรพรหมสิทธิ์ ท้าวมหานพสูรทูลว่าต้องทรงใช้นิ้วก้อยยกศรจึงจะนับว่าทรงฤทธิ์จริง วงศเทวราชปรึกษาเสนาอำมาตย์ว่าจะทำอย่างไรเพราะทรงถนัดแต่เนรมิตเกยซึ่งก็ไม่เคยใช้นิ้วก้อย ท้าววิเรนทรทูลว่าตนจะฉีกชายผ้าขาวม้าผูกศรเป็นห่วงเพื่อให้วงศเทวราชทรงใช้นิ้วก้อยยกศรขึ้น ทำให้วงศเทวราชตรัสชมท้าววิเรนทรว่า “ช่างฉลาดในแผ่นดินสิ้นที่หา” ในที่สุดวงศเทวราชก็สามารถยกศรได้ด้วยนิ้วก้อย ท้าวมหานพสูรจึงยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี ต่อมาวงศเทวราชเร่งให้ท้าววิเรนทรนำทางท้าวมหานพสูรไปรับนางบุษบง* (คือนางบุศบงในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดี) มาจากเมืองเนาวรัตนนครเพื่อเข้าพิธีอภิเษกสยุมพร
เมื่อท้าวสุวิทธิไชย*สุลต่านแห่งเมืองสุบรรณบรรพต*กับนางเวฬู*มเหสีเสด็จมาร่วมงานพิธีอภิเษกสยุมพร ท้าววิเรนทรได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ไปรับสุลต่านและมเหสีเข้าเมือง
ครั้นถึงวันอภิเษกสยุมพร ท้าววิเรนทรคิดจะไปนิมนต์พระพรหมลิขิตฤๅษี*ซึ่งเคยอุปการะนางเทพมนทา*พระมารดาวงศเทวราชและเคยอุ้มชูวงศเทวราชมาตั้งแต่เกิดเพื่อให้มาร่วมงานพิธี แต่ไม่รู้กุฎีของพระฤๅษีอยู่ที่ไหน จึงเหาะไปเมืองเนาวรัตนนครขอให้นางฟ้าทั้งสี่*ซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงของวงศเทวราชช่วยไปนิมนต์พระฤๅษี
หลังจากพิธีอภิเษกสยุมพรสิ้นสุดลง มีงานราตรีสโมสรฉลอง สังขปัดเมาอาละวาด ท้าววิเรนทรและครุฑต้องช่วยกันใช้ผ้าป่านขวางทางดักสังขปัดแล้วห่อมัดไว้ แล้วให้ยักษ์หามกลับไปพลับพลาที่สังขปัดอยู่ กำชับนายแห้ว*และนางหนูวอก*วานรรับใช้ให้คอยปลอบโยน และบอกว่าวงศเทวราชสั่งมิให้สังขปัดไปก่อความวุ่นวายในงานบอลลีลาศวันรุ่งขึ้น
ต่อมาสังขปัดฟื้นขึ้นมาอาละวาดในงานบอลและเผาเมืองสมุทคีรีเพื่อพากวินไวต์*มเหสีพระเจ้าโยเสฟ*ไปอยู่ด้วย ทุกคนต่างหนีไฟกันอย่างชุลมุน ท้าววิเรนทร ครุฑ และท้าวมหานพสูรต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
วิเรนทรเชิงกลอนตกถูกแขน ตรงข้อศอกแบนกระดูกป่น
พบหมอวานตัดเจ็บเต็มทน แต่ยังอุตส่าห์ทนด้นครรไลย
ทั้งสามออกตามหาวงศเทวราชไปทั่วทุกเมืองแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งได้พบกับม้าสุรกาฬ* สุรกาฬจึงพาไปเฝ้าวงศเทวราชซึ่งพักอยู่กับพระธรรมภาณฤๅษี* ต่อมาวงศเทวราชช่วยให้ทั้งสามหายพิกลพิการจากการถูกไฟไหม้ ทั้งยังเกิดเป็นรูปลักษณ์ใหม่ ท้าววิเรนทรมีลักษณะดังนี้
วิเรนทรกรงอกจนเกินคน หลังอกรกจนนอนไม่ลง
นับไปได้ถึงสิบสี่ถ้วน แต่ล้วนหัตถาหน้าพิศวง
เมื่อวงศเทวราชจะออกตามหานางบุษบงได้ปลอมตัวเป็นตลกชาวป่าชื่อคงญวน* และให้ขุนทหารและบริวารทั้งหลายปลอมตัวเป็นชาวป่าและเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย แล้วให้ต่างช่วยกันตามหานางบุษบง
ท้าววิเรนทรซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นขำโกร่ง*เดินทางมาถึงเขานางประจันต์*ได้พบกับหลวงชีสะมะยัง*ซึ่งนางบุษบงไปขอบวชเป็นแม่ชีเฟื่อง*พักอาศัยอยู่ด้วยในถ้ำ เมื่อได้พูดคุยกันขำโกร่งก็คิดว่าแม่ชีเฟื่องน่าจะเป็นนางบุษบงจึงขอไปเป็นศิษย์ปรนนิบัติหลวงชีสะมะยังในถ้ำ แต่นางไม่อนุญาต ขำโกร่งจึงนิมนต์ไปยังกระท่อมที่พักเพื่อตักบาตร
เมื่อขำโกร่งกลับไปถึงเพิงพักก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้คงญวนฟัง คงญวนให้ขำโกร่งพาหลวงชีเข้ามาหาแล้วจัดอาหารถวาย เมื่อคงญวนอยากได้กล้วยกำลังหรือกล้วยศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงชีบอกว่ากินแล้วจะมีอายุยืน จึงให้ขำโกร่งตามหลวงชีสะมะยังไปเอากล้วยกำลังที่ถ้ำ ขำโกร่งแสร้งเยินยอสรรเสริญบารมีของหลวงชีแล้วถามถึงแม่ชีเฟื่อง บอกว่าใคร่จะพบนางเพื่อกราบไหว้ หลวงชีสะมะยังจึงออกอุบายให้แม่ชีเฟื่องออกมาดายหญ้า ขำโกร่งเห็นก็จำได้
ครั้นกลับไปถึงกระท่อมพร้อมกับหลวงชี ขำโกร่งให้หลวงชีรออยู่ข้างล่าง แล้วขึ้นไปเล่าเรื่องให้คงญวนฟัง คงญวนให้ขำโกร่งหาทางให้ตนได้แม่ชีเฟื่องมาเป็นคู่ ขำโกร่งแนะว่าหลวงชีสะมะยังเป็นคนที่พูดปดหลอกลวงเก่งควรให้นางหลอกแม่ชีเฟื่องมาให้ คงญวนจึงบอกหลวงชีสะมะยังว่าตนยังไม่มีคู่ ขอให้หลวงชีชักนำแม่ชีเฟื่องให้มาเป็นคู่ครอง หลวงชีสะมะยังจึงออกอุบายให้แม่ชีเฟื่องหลงเชื่อว่าคงญวนซึ่งปลอมตัวเป็นเทวดาจะพานางไปเป็นมเหสีของพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในที่สุดคงญวนและนางบุษบงก็ได้พบและเข้าใจกัน
เมื่อวงศเทวราชหลงเสน่ห์นางอินทวดี*จนไม่เป็นอันสนใจความเดือดร้อนภายนอกห้องบรรทมเพราะเปรตสังขปัดมาอาละวาดไล่จับผู้คน เหล่าเสนาปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดีให้วงศ เทวราชได้สติ ในที่สุดลงความเห็นว่าควรยิงปืนใหญ่ให้ตกพระทัยจะได้มาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ท้าววิเรนทรจึงสั่งให้พวกทหารวิชาธรยิงปืนบ้าเหรี่ยมอย่างโบราณที่หน้าพระลาน แม้วงศ เทวราชจะได้ยินเสียงปืนแต่ก็ยังไม่สนใจเหมือนกับไม่ได้ยิน ครั้นต่อมาเมื่อวงศเทวราชรู้สึกองค์และสิ้นหนทางที่จะปราบเปรตสังขปัด ท้าววิเรนทรก็ทูลวงศเทวราชให้นิมนต์พระพรหมลิขิตฤๅษีมาช่วยปราบเปรตสังขปัดได้เป็นผลสำเร็จ
หลังจากเหตุการณ์ในบ้านเมืองสงบลง วงศเทวราชปูนบำเหน็จความดีความชอบให้ท้าววิเรนทร ประทานนามใหม่ว่าพระยาพหุกรเรืองเดช* ให้ไปครองเมืองบาดาล มีนางพุด*เป็นมเหสี
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory