TLD-003-4134
เวทัพพพราหมณ์ (ชื่อตัวละคร)
เวทัพพชาดก นิบาตชาดก
เวทัพพพราหมณ์เป็นตัวละครในเรื่องเวทัพพชาดก เอกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองเมืองพาราณสี มีพราหมณ์ในหมู่บ้านรู้มนตร์ชื่อเวทัพพะ มนตร์นั้นเป็นมนตร์ที่บุคคลพึงบูชาสักการะ และหากประกอบด้วยเวลาคือฤกษ์ที่เหมาะสมแล้ว เมื่อผู้ร่ายเวทัพพมนตร์มองขึ้นไปบนฟ้าก็สามารถทำให้สัตตรัตนพรรษคือฝนแก้ว 7 ประการตกลงมาจากอากาศได้ ครั้งนี้พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นศิษย์ของพราหมณ์ผู้นั้น วันหนึ่งพราหมณ์พาพระโพธิสัตว์ไปเมืองเจตรัฐ* ระหว่างทางมีป่าใหญ่ตำบลหนึ่งมีพวกเปสนกโจร 500 (โจรที่จับคนได้ 2 คนแล้วจะส่งคนหนึ่งไปนำค่าไถ่มา) โจรจับพระโพธิสัตว์กับเวทัพพพราหมณ์ไปได้ โจรปล่อยพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นศิษย์ไป พระโพธิสัตว์บอกอาจารย์ว่าจะไปสักวันสองวันเท่านั้น และขอร้องอาจารย์ว่าวันนี้เป็นวันที่มีฤกษ์เหมาะสมที่จะทำให้เกิดฝนทรัพย์ตกได้ ขออย่าให้อาจารย์ร่ายมนตร์ฝนทรัพย์เป็นอันขาดเพราะโจรจะฆ่าอาจารย์ แล้วพระโพธิสัตว์ก็ไปหาทรัพย์มาเป็นค่าไถ่
เมื่อค่ำลงโจรก็จับพราหมณ์มัดให้นอนหงายอยู่ ในขณะนั้นพราหมณ์เห็นพระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นขึ้นทางทิศตะวันออก เป็นช่วงเวลาเหมาะที่จะทำให้ธนพรรษฝนทรัพย์ตกได้ จึงคิดว่าตนไม่ควรทนทุกข์ต่อไป แต่จะร่ายมนตร์ให้เกิดฝนทรัพย์ให้โจร ว่าแล้วก็เรียกโจรมาบอกว่าถ้าต้องการทรัพย์ให้แก้เครื่องจองจำให้ตน ขออาบน้ำสระผมและนำผ้าใหม่มาสวมใส่ ขอเครื่องหอมและดอกไม้เพื่อทำพิธี โจรก็จัดการให้ทุกประการ ครั้นได้เวลาอันเหมาะสม พราหมณ์ก็ร่ายมนตร์และมองดูบนฟ้า รัตนะทั้งหลายก็ร่วงพรูลงมา โจรพากันเก็บรวบรวมทรัพย์แล้วพาพราหมณ์เดินทางต่อไป ขณะนั้นมีโจร 500 อีกพวกหนึ่งมาจับเปสนกโจรไว้เพื่อจะเอาทรัพย์ เปสนกโจรจึงบอกให้จับพราหมณ์ไว้ เพราะพราหมณ์คนนี้มองท้องฟ้าแล้วทำให้ทรัพย์ตกลงมาได้ โจรกลุ่มใหม่ก็ปล่อยเปสนกโจรไปแล้วสั่งพราหมณ์ให้บันดาลทรัพย์แก่ตน พราหมณ์บอกว่าจะให้ทรัพย์ก็ได้แต่เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้ฝนทรัพย์ตกลงมาได้ จะมีเวลานั้นตอนปลายปี ถ้าโจรต้องการทรัพย์ก็ให้รอก่อน โจรโกรธด่าว่าพราหมณ์ถ่อยเพราะพราหมณ์เพิ่งทำให้ทรัพย์ตกลงมาไม่นานนี้เอง เหตุใดจะต้องให้ตนรอ ว่าแล้วก็ฟันพราหมณ์ขาดเป็น 2 ท่อน ทิ้งศพไว้ใกล้ทางเดิน แล้วรีบตามพวกเปสนกโจรไป เมื่อตามทันโจร 2 พวกก็ต่อสู้กัน เปสนกโจรถูกฆ่าตายหมด โจรกลุ่มหลังก็เอาทรัพย์ไป ไม่นานโจรพวกนี้ก็แตกกันเป็น 2 พวกอีก รบพุ่งแย่งชิงทรัพย์กันเองตายไป 250 คน พวกที่ชนะเอาทรัพย์ไปก็แตกกันอีก ฆ่ากันไปในที่สุดเหลือเพียง 2 คน โจรทั้ง 1,000 คนก็ถึงซึ่งความพินาศ โจร 2 คนที่เหลือก็นำทรัพย์ไปซ่อนไว้ที่ป่ารกใกล้หมู่บ้าน ให้คนหนึ่งถือดาบเฝ้าอยู่ โจรอีกคนนำข้าวสารเข้าไปในบ้านเพื่อจะหุงข้าว ระหว่างนั้นโจรซึ่งเฝ้าทรัพย์อยู่คิดว่าถ้าโจรที่หุงข้าวกลับมาทรัพย์จะต้องถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน จึงเตรียมจะฆ่าโจรที่ไปหุงข้าว ส่วนโจรผู้หุงข้าวก็เกรงว่าทรัพย์จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนเช่นกัน เมื่อข้าวสุกจึงกินเสียก่อนแล้วใส่ยาพิษลงไปในข้าวที่เหลือแล้วนำไปให้โจรผู้เฝ้าทรัพย์ เมื่อเพื่อนโจรนำข้าวมาวางให้ โจรเฝ้าทรัพย์ก็ฟันจนตัวขาดเป็น 2 ท่อน ลากศพไปซุกไว้ที่พุ่มไม้แล้วกินข้าวผสมยาพิษนั้น โจรก็ตายไปด้วย โจรทั้งหลายจึงพินาศเพราะทรัพย์
พระโพธิสัตว์ศิษย์ของเวทัพพพราหมณ์เดินทางได้ 2 วันก็รีบกลับมาพร้อมด้วยทรัพย์ ไม่เห็นอาจารย์ เห็นแต่ทรัพย์กระจัดกระจายอยู่ก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ทำตามที่ตนขอร้อง เมื่อเดินไปอีกก็พบศพโจรทั้งหมด และพบศพอาจารย์ในพุ่มไม้ ก็คิดในใจว่าอาจารย์ต้องเสียชีวิตเพราะไม่เชื่อตามที่ตนขอร้องไว้ เรียกว่าเสียชีวิตเพราะเป็นทุพพจภาพ (คนว่ายาก) แล้วยังพาให้คนอื่นอีก 1,000 คนพลอยตายไปด้วย พระโพธิสัตว์กล่าวว่าบุคคลใดต้องการความเจริญแต่ไม่รู้จักคิด บุคคลนั้นย่อมเดือดร้อน พระโพธิสัตว์นำทรัพย์กลับไปบ้านแล้วบำเพ็ญกุศลทำทานตลอดอายุ เมื่อสิ้นชีพก็ไปสู่สวรรค์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory