TLD-003-4140
เวสสันดร (ชื่อตัวละคร)
เวสสันตรชาดก นิบาตชาดก
เวสสันดรเป็นตัวละครในเรื่องเวสสันตรชาดก มหานิบาต ในนิบาตชาดก
พระเจ้าสิวิมหาราช*ครองกรุงเชตุดร* แคว้นสิวี* มีโอรสทรงนามว่าสญชัย* พระเจ้าสิวีมหาราชทรงขอพระนางผุสดี*ธิดาพระเจ้ามัทราช*มาอภิเษกกับสญชัยกุมาร ต่อมามอบราชสมบัติให้โอรสครอง พระอินทร์เชิญพระโพธิสัตว์ให้จุติไปปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางผุสดี เมื่อพระนางผุสดีทรงครรภ์ได้ 10 เดือน มีพระประสงค์จะทอดพระเนตรพระนคร เมื่อเสด็จมาถึงเวสสวิถี (ถนนที่อยู่ของพ่อค้า) ก็ประสูติพระโอรส พระโอรสเหยียดพระหัตถ์ทูลขอพระราชทรัพย์เพื่อบริจาคทาน พระมารดาก็ประทานตามที่ขอ พระโอรสได้พระนามว่าเวสสันดรตามที่ประสูติ
ในวันที่พระเวสสันดรประสูติ นางช้างพาลูกช้างเผือกมาไว้ที่โรงช้าง คนทั้งหลายตั้งชื่อว่าปัจจัยเพราะเป็นปัจจัยแด่พระเวสสันดร พระเวสสันดรโปรดทำทานอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อชันษาได้ 16 ปีก็สำเร็จศิลปศาสตร์ต่างๆ พระชนกชนนีจัดให้อภิเษกกับพระนางมัทรี*ธิดาเมืองมัทราช แล้วให้ทรงครองราชสมบัติ ต่อมาพระนางมัทรีประสูติโอรสและธิดาคือชาลี*และกัณหา* พระเวสสันดรทรงบริจาคมหาทานทุกวัน
ครั้งนั้นแคว้นกาลิงครัฏฐ*ประสบภัยแล้งอย่างหนัก พระราชารักษาอุโบสถศีลถึง 7 วันแล้วฝนก็ยังไม่ตก ประชาชนจึงทูลให้พระราชาส่งคนไปขอช้างปัจจัยเพราะช้างเผือกมงคลนั้นไปถึงที่ใดฝนก็ตกที่นั้น พระราชาจึงส่งพราหมณ์ 8 คนมาทูลขอช้าง พระเวสสันดรก็ประทานให้ บรรดาชาวเมืองพากันโกรธแค้นไปทูลบังคับให้พระเจ้าสญชัยเนรเทศพระเวสสันดรไปอยู่ที่เขาวงกต พระนางผุสดีทูลทัดทานแต่ไม่สำเร็จ ก่อนจะเสด็จออกจากเมือง พระเวสสันดรบำเพ็ญทานใหญ่อีกครั้งหนึ่งเรียกว่าสัตตสดกมหาทาน คือ ให้ช้าง ม้า รถ หญิง โคนม ทาสชาย ทาสหญิง อย่างละ 700 พระนางมัทรีและโอรสธิดาตามเสด็จด้วย ทั้งสี่พระองค์ทรงรถเทียมม้าไป ระหว่างทางมีพราหมณ์มาขอม้า ขอรถ ก็ประทานไปหมด ทั้งสององค์ทรงดำเนินด้วยพระบาทอุ้มโอรสและธิดาเสด็จไป เทพเจ้าช่วยย่นระยะทางให้เสด็จออกจากเมืองเชตุดรเวลาเช้า เวลาเย็นก็มาถึงมาตุลนคร* แคว้นเจตรัฐ*
มาตุลนครเป็นเมืองของเจ้า 6,000 พระองค์ พญาเจตราช*พร้อมด้วยเจ้าทั้งหลายออกมาเฝ้า เมื่อรู้เรื่องก็จะไปทูลขอให้พระเจ้าสิวีราชเปลี่ยนพระทัย แต่พระเวสสันดรทรงห้ามไว้และประทับอยู่นอกพระนคร รุ่งขึ้นพญาเจตราชก็ชี้ทางให้ไปเขาคันธมาทน์* แล้วให้พรานเจตบุตร*อยู่คอยรักษาประตูป่าป้องกันมิให้ใครเข้าไปทำความเดือดร้อนแก่พระเวสสัดร
ท้าวสักกเทวราชสั่งพระวิสสุกรรมไปสร้างบรรณศาลา 2หลัง และเตรียมเครื่องบริขารสำหรับ 4 พระองค์บรรพชา พระเวสสันดรสั่งห้ามพระมัทรีมาเยือนในเวลาวิกาล พระนางขอรับหน้าที่หาผลไม้มาเป็นอาหาร ทั้ง 4 พระองค์อยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาถึง 7 เดือน
ครั้งนั้นในกาลิงครัฐมีพราหมณ์ขอทานคนหนึ่งชื่อชูชก*อยู่ที่หมู่บ้านทุนนวิฏฐ์* เก็บเงินไว้ได้ประมาณ 100 กระษาปณ์ ฝากไว้กับพราหมณ์ครอบครัวหนึ่ง แล้วเที่ยวขอทานไป หายไปเป็นเวลานาน พราหมณ์ที่รับฝากเงินก็นำเงินมาใช้จนหมด เมื่อชูชกกลับมาทวงเงิน ไม่มีให้ จึงยกลูกสาวชื่อนางอมิตตตาปนา*ให้ ชูชกพานางไปอยู่ที่หมู่บ้านของตน นางอมิตตตาปนาปรนนิบัติสามีชราด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี พราหมณ์หนุ่มในหมู่บ้านเห็นเช่นนั้นก็ไปดุด่าภรรยาของตน ภรรยาพราหมณ์เหล่านั้นจึงรวมพวกกันรุมด่านางตามที่ต่างๆ เช่น ท่าน้ำ นางอมิตตตาปนาเสียใจร้องไห้กลับมาเรือน ชูชกก็ปลอบว่าตนจะไปตักน้ำ ทำงานทั้งหลายเอง นางตอบว่านางมิได้เกิดในตระกูลที่ใช้สามีตักน้ำ ดังนั้นถ้าชูชกไม่หาทาสมาให้นางใช้นางก็จะไม่อยู่กับชูชกอีก เทวดาดลใจให้นางอมิตตตาปนารู้เรื่องพระเวสสันดร นางจึงบอกให้ชูชกไปขอพระโอรสธิดามาเป็นทาส ชูชกจำเป็นจำใจต้องเดินทางไป พบกลุ่มคนที่ไหนก็ถามไปเรื่อย บางกลุ่มกำลังคิดถึงพระเวสสันดรอยู่ก็โกรธ ขับไล่ขว้างปา แต่ในที่สุดชูชกก็รู้ว่าพระเวสสันดรอยู่ที่เขาวงกต
ชูชกเดินทางมาจนถึงปากทางเข้าสู่ป่าที่จะไปเขาวงกตพบพรานเจตบุตร ก็ถูกสุนัขของเจตบุตรรุมไล่ ชูชกตกใจกลัวปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วหลอกว่าตนเป็นทูตจะไปเชิญพระเวสสันดรกลับเมือง เจตบุตรเชื่อจึงชี้ทางให้เดินทางไปพบพระอัจจุตฤๅษี* เพื่อจะได้ถามทางต่อไป แล้วมอบเสบียงให้ด้วย ชูชกเดินทางต่อ เมื่อพบพระอัจจุตฤๅษีก็เข้าไปคารวะแล้วมุสาเช่นเดิม พระฤๅษีก็ชี้ทางให้ไปอาศรมของพระเวสสันดร
ชูชกไปจนใกล้ถึงอาศรมในตอนเย็น คิดได้ว่าพระนางมัทรีคงจะกลับจากหาผลไม้แล้ว ธรรมดามารดาย่อมไม่ยอมให้บุตรเป็นทาน ฉะนั้นตนจะรอให้พระมัทรีเข้าป่าไปก่อนแล้วจึงจะเข้าไปขอ คืนนั้นพระมัทรีสุบินร้ายว่ามีคนบุกเข้าทำร้าย ควักพระเนตรทั้ง 2 ข้าง ตัดพระพาหาทั้งซ้ายขวา ควักดวงหทัยแล้วหนีไป พระนางตกพระทัยตื่นบรรทม รีบไปทูลถามพระเวสสันดรในกลางดึก พระเวสสันดรฟังเรื่องฝันแล้วรู้ว่าวันรุ่งขึ้นพระองค์จะได้บริจาคบุตรทาน จึงปลอบให้พระมัทรีคลายพระทัย รุ่งขึ้นพระนางมัทรีก็เข้าป่าไปหาผลไม้ด้วยพระทัยที่หวั่นไหวหวาดระแวง ชูชกเข้าไปทูลสรรเสริญการทำทานของพระเวสสันดร แล้วทูลขอ 2 กุมาร พระเวสสันดรยกให้ ชูชกพา 2 กุมารไป ข่มขู่ทำร้ายเอาเถาวัลย์ผูกมัดแล้วคร่าไป กุมารทั้งสองกันแสงรำพันเท่าไร พระเวสสันดรก็ประทับนิ่งอยู่ เมื่อทอดพระเนตรเห็นชูชกเฆี่ยนตี 2 กุมารอย่างรุนแรงก็นึกกริ้วจนอยากจะฆ่าพราหมณ์ชูชก แต่แล้วทรงระลึกได้ว่าเป็นประเพณีของพระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจะต้องบริจาคบุตรและภรรยา การบริจาคทานแล้วเดือดร้อนใจไม่ใช่ธรรมของสัตบุรุษผู้สงบระงับ แล้วทรงตั้งจิตอธิษฐานในศีลบารมีว่าถึงหากพราหมณ์จะฆ่าพระกุมาร พระองค์ก็จะไม่ตีด่าฆ่าฟันตอบ ชูชกก็ฉุดคร่า 2 กุมารไปจากที่นั้น
ฝ่ายพระมัทรีทรงหาผลไม้ด้วยพระทัยที่หวาดหวั่น ทรงรู้สึกว่าธรรมชาติรอบข้างเปลี่ยนไป ผลไม้ที่เคยมีก็ไม่มี อากาศมืดมัวจึงรีบเสด็จกลับ แต่ไปไม่ได้เพราะมีราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลืองนอขวางทางอยู่ สัตว์ทั้งสามนี้แท้จริงเป็นเทวดาแปลงมาเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้พระนางเสด็จไปพบชูชกกับพระกุมาร พระนางพยายามอ้อนวอน ขอร้องสัตว์ทั้งสาม จนถึงเวลาค่ำสัตว์ทั้งสามก็ลุกขึ้นหลีกไป ครั้นกลับถึงอาศรมไม่พบสองกุมาร พระนางก็ตกพระทัยเกรงจะมีเหตุร้ายจึงไปทูลถามพระเวสสันดร พระเวสสันดรประสงค์จะให้พระนางคลายความโศกจึงตรัสประชดว่าพระนางไปลุ่มหลงใครหรือสิ่งใดในป่า พระนางก็ทูลไปตามความจริง พระเวสสันดรประทับนิ่งอยู่ไม่ตรัสอีกจนรุ่งเช้า พระนางมัทรีรำพันถึงโอรสธิดาตลอดคืน แล้วจึงออกไปเที่ยวตามหาในที่ต่างๆ เมื่อไม่พบก็คร่ำครวญด้วยความทุกข์จนล้มสลบไป พระเวสสันดรทรงแก้ไขให้ฟื้นขึ้น แล้วบอกพระนางว่าพระองค์ได้ยกสองกุมารให้เป็นทาสแก่พราหมณ์ผู้หนึ่งไปแล้ว พระนางมัทรีก็ทรงอนุโมทนาทาน ทวยเทพทั้งหลายก็พร้อมใจกันมาอนุโมทนา
ท้าวสักกเทวราชทรงดำริว่าอาจมีผู้มาขอพระนางมัทรีจึงแปลงองค์เป็นพราหมณ์มาขอประทานพระมเหสี พระเวสสันดรก็ยกให้ พระอินทร์ทรงสรรเสริญที่พระเวสสันดรได้ให้สิ่งที่ให้ได้ยาก การบริจาคบุตร ภรรยาเป็นทานอันเลิศล้ำ จึงแสดงพระองค์ให้ประจักษ์แล้วถวายพระนางมัทรีคืน
ชูชกตั้งใจพาสองกุมารไปกลิงครัฐ แต่เมื่อถึงทาง 2 แพร่ง เทพเจ้าดลใจให้เลี้ยวไปทางเมืองเชตุดร คืนก่อนที่สองกุมารจะมาถึง พระอัยกาสญชัยสุบินว่ามีบุรุษดำนำดอกบัว 2 ดอกมาถวาย พราหมณ์ทำนายฝันว่าเผ่าพงศ์ของพระองค์ที่จากไปนานจะมาเฝ้า เทวดาชักนำให้ชูชกและสองกุมารเดินมาหยุดที่พระลานหลวง พระราชาจึงให้อำมาตย์ไปพามาเฝ้า เมื่อทุกคนได้รู้เรื่องเหล่าอำมาตย์ก็ติเตียนพระ เวสสันดรว่าน่าจะบริจาคทรัพย์สินอื่น ไม่ควรบริจาคโอรสธิดา พระชาลีจึงทูลพระอัยกาว่าถ้าไม่มีทรัพย์สินใดๆ เลยแล้วจะให้อะไร พระอัยกาเรียกให้ประทับบนพระเพลาเช่นเคย พระชาลีทูลว่าตนยังเป็นทาสของพราหมณ์อยู่ พระอัยกาจึงโปรดให้นำทรัพย์มาไถ่ตัวสองกุมาร ประทานปราสาท 7 ชั้นให้ชูชกพัก ให้ทรัพย์ และบริวาร พร้อมโภชนาหาร ชูชกบริโภคอาหารเกินประมาณจนอาหารไม่ย่อยจึงตาย พระเจ้าสญชัยให้ประกาศหาญาติทั่วเมืองก็ไม่มี จึงเก็บพระราชทรัพย์คืนคลัง หลังจากนั้นพระเจ้าสญชัยโปรดให้ประชุมพลยกไปรับพระเวสสันดร โดยให้พระชาลีนำทาง พระนางผุสดีเสด็จไปด้วย เมื่อกษัตริย์ทั้ง 6 พระองค์ได้พบกันก็สลบไป ขณะนั้นก็เกิดอัศจรรย์ แผ่นดินไหวสะเทือนโกลาหลไปจนถึงสวรรค์ 6 ชั้น พระอินทร์จึงบันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมา กษัตริย์ทั้งหกจึงฟื้นขึ้น ประชาราษฎร์ก็วิงวอนให้พระเวสสันดรรับเป็นพระราชา ด้วยอานุภาพแห่งเมตตาของพระโพธิสัตว์บันดาลให้สัตว์ในป่าบริเวณนั้นเลิกเบียดเบียนกัน พระเจ้าสญชัยโปรดให้ตกแต่งหนทางสำหรับเสด็จจากเขาวงกตจนถึงกรุงเชตุดร มีฝูงชนต้อนรับตลอดทาง เมื่อเสด็จถึงพระนครคืนนั้นพระอินทร์ก็บันดาลให้ฝนรัตนะ 7 ประการตกลงมาเต็มพระราชนิเวศน์ ตกหน้าบ้านใครก็ให้เป็นสมบัติของบ้านนั้น ที่เหลือเก็บเข้าพระคลังไว้บริจาคต่อไป พระเวสสันดรทรงครองราชสมบัติ บำเพ็ญทานตลอดพระชนม์ชีพ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory