TLD-003-4175
ศรีมาลา (ชื่อตัวละคร)
ศรีมาลาเป็นตัวละครในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นธิดาพระพิจิตร*เจ้าเมืองพิจิตรกับนางบุษบา* นางศรีมาลาเป็นภรรยาของพลายงาม*หรือจมื่นไวยวรนารถ* มีบุตรชื่อพลายเพชร*
เมื่อครั้งพลายงามอาสาสู้ศึกเชียงใหม่ ได้ทูลขอขุนแผนบิดาออกจากคุกให้มาเป็นที่ปรึกษาการทัพ เมื่อยกพลมาแวะที่เมืองพิจิตรขุนแผนจึงพาพลายงามไปเยี่ยมเคารพพระพิจิตรผู้มีบุญคุณแก่ตนได้อาศัยพึ่งครั้งที่พาวันทองหนี
คืนก่อนที่นางศรีมาลาจะได้พบพลายงาม นางฝันว่าไปเล่นน้ำเห็นดอกบัวงามจึงเก็บมาเชยชม นางเม้ย*สาวใช้คู่ใจทำนายฝันว่าจะได้คู่ ส่วนพลายงามก็ฝันเห็นสาวน้อยรูปงามนางหนึ่ง เมื่อทั้งสองคนได้พบกันพลายงามก็จำได้ทันทีว่านางศรีมาลาคือนางในฝันของตน ทั้งสองคนต่างพึงใจกันตั้งแต่แรกเห็น
พระพิจิตรเชิญขุนแผนและพลายงามให้พักที่บ้านของตน คืนนั้นพลายงามลอบเข้าห้องนางศรีมาลาและได้นางเป็นภรรยา ขุนแผนรู้เรื่องก็ไม่สบายใจเพราะถือว่าพระพิจิตรเป็นผู้มีบุญคุณแก่ตนอย่างเหลือล้น จึงหาวิธีแก้ไขด้วยการขอหมั้นนางศรีมาลาให้แก่พลายงาม พระพิจิตรและภรรยาก็ยกให้ด้วยความยินดี
เมื่อชนะศึกเชียงใหม่แล้วพลายงามและขุนแผนมาพักทัพที่พิจิตรอีก แม้ขุนแผนจะไม่ไปพักที่บ้านพระพิจิตรแต่พลายงามก็ลอบไปหานางศรีมาลาทุกคืน ตอนเช้ามืดวันสุดท้ายนางบุษบาเห็นพลายงามออกมาจากเรือนลูกสาวจึงปรับทุกข์กับสามี พระพิจิตรไม่ต่อว่าเพราะเห็นว่าหมั้นกันแล้ว ทั้งยังเตือนภรรยาว่าเรื่องนี้จะโทษนางศรีมาลาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะพลายงามเป็นคนเก่งมีวิชารู้เวทมนตร์สามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป่ามนตร์ให้ผู้หญิงหลงรัก หรือสะเดาะกลอนเข้าไปหา พระพิจิตรจึงเพียงแต่นัดหมายเรื่องวันแต่งงานไว้
พระพันวษาทรงปูนบำเหน็จให้พลายงามเป็นจมื่นไวยวรนารถเป็นหัวหมื่นมหาดเล็กและประทานนางสร้อยฟ้า*ธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ให้เป็นภรรยา ขุนแผนทูลว่าจมื่นไวยมีภรรยาแล้วเป็นธิดาพระพิจิตร แต่พระพันวษารับสั่งว่าจมื่นไวยนั้นจะมีภรรยาสักกี่คนก็ได้ จมื่นไวยพยายามจัดบ้านแบ่งเขตให้ภรรยาทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน จัดที่ให้แยกกันอยู่เพราะต่างคนก็ต่างมีบ่าวไพร่
นางศรีมาลาและนางสร้อยฟ้าต่างไม่ชอบหน้ากันและกัน เพราะ “ข้างศรีมาลาผัวรักมักยิ้มเย้ย ข้างสร้อยฟ้าก็เลยทะยานใหญ่” วันหนึ่งจมื่นไวยเล่นหมากรุกกับพลายชุมพล*และสั่งให้ภรรยาทั้งสองทำขนมเบื้องเพื่อจะใช้เป็นค่าปรับในกรณีที่เล่นแพ้ นางศรีมาลาทำขนมเบื้องอย่างคล่องแคล่วแต่นางสร้อยฟ้าทำไม่เป็นเพราะบ้านเมืองของนางไม่มีขนมชนิดนี้ ทั้งพลายชุมพลและนางทองประศรีพูดเยาะเย้ยขนมเบื้องของนางสร้อยฟ้าจนนางโกรธ ตกค่ำจมื่นไวยหยอกล้อกับนางศรีมาลา นางศรีมาลาเปรียบว่า “ขนมเบื้องทำด้วยปากยากอะไร” นางสร้อยฟ้าเข้าใจว่านางศรีมาลานินทาตน จึงออกมาด่าว่าเกิดการทะเลาะกันขึ้น วันรุ่งขึ้นนางสร้อยฟ้าก็ด่ากระทบอีกและยกเรื่องที่พลายงามเข้าหานางศรีมาลามาเยาะเย้ยทำให้นางศรีมาลาโกรธมาก ทั้งสองคนตบตีกัน พลายชุมพลเข้าห้ามถูกนางสร้อยฟ้าผลักตกร่องทำให้นางทองประศรีโกรธมากเมื่อหลานชายคนโปรดบาดเจ็บจึงด่าว่านางสร้อยฟ้าอย่างรุนแรง นางสร้อยฟ้าทนไม่ได้โต้ตอบไปพอๆ กัน จมื่นไวยกลับมาได้ยินพอดี เมื่อห้ามไม่ฟังจมื่นไวยก็ใช้ไม้ไล่ตีนางสร้อยฟ้า นางศรีมาลาต้องเข้าห้าม
นางสร้อยฟ้าแค้นใจจึงไปขอให้เถรขวาด*ช่วยทำเสน่ห์ให้จมื่นไวยและนางทองประศรีรักใคร่ตน แต่เกลียดชังนางศรีมาลา แล้วนางสร้อยฟ้าก็แกล้งให้จมื่นไวยทุบตีนางศรีมาลา พลายชุมพลเข้าห้ามก็ถูกตีไปด้วยทำให้พลายชุมพลแค้นใจหนีไปหาบิดามารดาที่กาญจนบุรี
นางศรีมาลาเศร้าโศกคิดถึงพลายชุมพล คับแค้นใจที่จมื่นไวย เกลียดชังตนไปหลงใหลนางสร้อยฟ้า นางทองประศรีก็ด่าว่าทุกวัน นางเกิดความรู้สึกว่า “ทั้งเรือนนี้มีแต่เขาชิงชัง ทุกวันยังแต่ชีวิตจะวางวาย” นางจึงส่งคนไปบอกบิดามารดาว่าเจ็บหนัก พระพิจิตรและนางบุษบาลงมาเยี่ยม พอดีกับขุนแผนมาดูเหตุการณ์เพราะได้ข่าวว่าจมื่นไวยถูกเสน่ห์ นางศรีมาลาเล่าเรื่องคับแค้นของตนให้พ่อแม่ฟัง โดยเฉพาะที่ถูกจมื่นไวยเฆี่ยนตี พระพิจิตรต่อว่าจมื่นไวยที่ผิดสัญญา จมื่นไวยโกรธพ่อตาแม่ยายจึงพูดล่วงเกินกระทบกระเทียบอย่างรุนแรง ทำให้ขุนแผนโกรธเพราะถือว่าพระพิจิตรเป็นผู้มีบุญคุณแต่เห็นว่าลูกต้องมนตร์เสน่ห์จึงพยายามเตือนสติและยกตัวอย่างนิยายที่แสดงโทษของเมียสองต้องห้าม ขุนแผนจับเสน่ห์ได้แต่จมื่นไวยไม่เชื่อ ขุนแผนโกรธตัดพ่อตัดลูกและทวงดาบฟ้าฟื้น*คืน ก่อนกลับกาญจนบุรีขุนแผนสั่งให้นางพราย 2 ตนอยู่คุ้มครองนางศรีมาลา เมื่อพระพันวษาจะชำระความเรื่องมนตร์เสน่ห์ ได้ให้นางศรีมาลาออกไปรับขุนแผนมาเฝ้า
นางสร้อยฟ้ารู้ว่านางศรีมาลาจะไปรับขุนแผน เกรงว่าตนจะมีความผิดจึงสั่งบ่าวไพร่ราว 10 คนให้ไปรอดักฆ่าศรีมาลากลางทางแต่พรายที่รักษานางศรีมาลารู้จึงช่วยกันจับไว้เสียก่อน นางสร้อยฟ้าปฏิเสธเรื่องทำเสน่ห์และทูลกล่าวหานางศรีมาลาว่าเป็นชู้กับพลายชุมพล นางศรีมาลาทูลว่าไม่จริงเพราะขณะที่พลายชุมพลหนีไปนั้นอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น เมื่อคู่ความให้การไม่ตรงกันและไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ มีข้อกฎหมายให้ใช้น้ำและไฟเป็นข้อพิสูจน์ นางศรีมาลาจึงขอลุยไฟพิสูจน์ความสัตย์ของตน ทำให้นางสร้อยฟ้าต้องจำยอมลุยไฟด้วย ในพิธีลุยไฟพระพันวษาทรงสั่งให้ขุนแผน จมื่นไวย และพลายชุมพลสาบานว่าจะไม่เข้าข้างใคร นางศรีมาลาอธิษฐานว่าถ้าตนทำชู้กับพลายชุมพล ขอให้ไฟไหม้เท้า ถ้าตนซื่อสัตย์ต่อสามีก็ขออย่าให้ถูกพิษไฟแล้วเข้าเดินในรางไฟที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ “ลีลาศดั่งราชเหมหงส์ เยื้องย่างเหยียบลงหาร้อนไม่ นางมิได้หวาดหวั่นพรั่นฤทัย ลุยมาลุยไปได้สามที”
นางศรีมาลาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้สำเร็จ ส่วนนางสร้อยฟ้าพอย่างเท้าเข้าไปในรางก็ถูกไฟเผาจนต้องกระโจนออกมาทำให้จมื่นไวยโกรธมาก นางทองประศรีและพลายชุมพลก็โกรธเพราะประจักษ์หลักฐานว่านางสร้อยฟ้าทำผิดจริง
พระพันวษาทรงตัดสินให้ประหารชีวิตนางสร้อยฟ้า นางทองประศรีสงสารจึงบอกให้นางศรีมาลาทูลขออภัยโทษให้ นางศรีมาลาไม่อาฆาตจองเวรจึงทูลขออภัยโทษให้โดยอ้างว่านางสร้อยฟ้ามีครรภ์ได้ 7 เดือนแล้ว พระพันวษาจึงทรงยกโทษประหารให้แต่ให้เนรเทศออกจากเมืองไป ต่อมานางศรีมาลาคลอดบุตรให้ชื่อว่าพลายเพชร*
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory