โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. สรภังคะ

สรภังคะ

  • สรภังคะ
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-4288
ชื่อ
สรภังคะ ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
สรภังคชาดก   นิบาตชาดก  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง

สรภังคะเป็นตัวละครในเรื่องสรภังคชาดก จัตตาฬีสนิบาต ในนิบาตชาดก  เป็นพระโพธิสัตว์

ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสี  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นบุตรพราหมณ์ปุโรหิต  ขณะที่คลอดจากครรภ์มารดา  บรรดาอาวุธในเมืองพาราณสีลุกโพลงขึ้นในพระนครเป็นระยะทางไกลถึง 12 โยชน์  ปุโรหิตรู้ว่าต่อไปภายหน้า กุมารจะเป็นผู้เลิศกว่านายขมังธนูทั้งปวงในชมพูทวีป จึงไปทูลพระเจ้าพรหมทัต  พระองค์ประทานเงิน 1,000 กหาปณะเป็นค่าน้ำนม  ส่วนกุมารนั้นบิดาตั้งชื่อว่าโชติปาละ*

ครั้นโชติปาละอายุได้ 16 ปี บิดาให้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ในสำนักทิศาปาโมกข์   เพียง 7 วันก็สำเร็จการศึกษา  อาจารย์มอบพระขรรค์  ธนู  แล่งธนู  เกราะ  เสื้อ  กรอบหน้า  และกุมาร 500 คนให้เป็นศิษย์  เมื่อโชติปาละกลับถึงบ้าน บิดาไปทูลพระเจ้าพรหมทัต  พระเจ้าพรหมทัตโปรดให้โชติปาละทำหน้าที่ดูแลพระองค์ โดยประทานเบี้ยเลี้ยงให้วันละ 1,000 กหาปณะ  ฝ่ายบรรดาเสวกามาตย์ก็พากันโจษจันว่าโชติปาละไม่ได้แสดงผลงานอะไร แต่ได้รับเบี้ยเลี้ยงถึงวันละ 1,000 กหาปณะ  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงทราบ โปรดให้โชติปาละแสดงฝีมือ  โชติปาละจึงแสดงให้เป็นที่ประจักษ์แก่เสวกามาตย์  นายขมังธนู  60,000  และมหาชนว่าเป็นนายขมังธนูที่ไม่มีใครเปรียบได้  พระเจ้าพรหมทัตพอพระทัย จะให้โชติปาละเป็นเสนาบดี แต่เนื่องจากการแสดงธนูศิลป์เสร็จสิ้นตอนอาทิตย์อัสดง จึงจะทรงแต่งตั้งในวันรุ่งขึ้น

ในคืนวันนั้นเองโชติปาละพิจารณาเบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งศิลปศาสตร์ทางการยิงธนูว่า เป็นการทำให้ผู้อื่นตายในเบื้องต้น  ทำให้ได้รับความทุกข์ในท่ามกลาง  และตกนรกในเบื้องปลาย  และถ้าตนรับตำแหน่งเสนาบดีก็ย่อมจะหมกมุ่นลุ่มหลงแต่เรื่องกามกิเลสซึ่งลดละได้ยาก  โชติปาละจึงตัดสินใจออกป่าบวชเป็นฤๅษี ณ ที่ใกล้ฝั่งน้ำโคธาวารี*  ร้อนถึงพระอินทร์ให้พระวิศวกรรมลงมาเนรมิตอาศรมและเตรียมเครื่องบริขารไว้ให้  หลังจากบวชแล้วได้ชื่อว่าสรภังคะแปลว่าผู้หักศร 

ฝ่ายบิดามารดาของโชติปาละเห็นบุตรหายไปก็ร้องไห้รำพันถึง  เผอิญพรานป่าผู้หนึ่งได้พบฤๅษีสรภังคะจึงไปบอกบิดามารดา  บิดาจึงไปทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ทรงทราบ  พระเจ้าพรหมทัตเสด็จไปพร้อมกับบิดามารดาและบริวาร  สรภังคฤๅษีแสดงธรรมจนพระเจ้าพรหมทัตและทุกคนเลื่อมใส พากันบวชเป็นฤๅษี  พระราชาเมืองอื่นๆ พร้อมด้วยชาวเมืองนั้นๆ ก็พากันมาบวช ทำให้มีฤๅษีจำนวนมาก  ในจำนวนนั้นมีฤๅษี 7 ตนที่สำเร็จได้ฌานสมาบัติ ได้แก่  สาลิสสระ*  เมณฑิสสระ*  ปัพพตะ*  กาฬเทวละ*  กีสวัจฉะ*  อนุสิสสะ*  และนารทะ* 

เมื่อมีฤๅษีจำนวนมาก ทำให้อาศรมแน่นขนัด  สรภังคฤๅษีจึงให้สาลิสสรฤๅษี  เมณฑิสสรฤๅษี  ปัพพตฤๅษี  กาฬเทวลฤๅษีพาหมู่ฤๅษีไปอยู่ ณ แดนอื่นตามลำดับ  เวลาต่อมาเมื่ออาศรมเต็มอีก  กีสวัจฉฤๅษีก็ออกไปอยู่ ณ อุทยานในแว่นแคว้นของพระเจ้าทัณฑกีราช*  พระนารทมุนีไปอยู่ในมัชฌิมประเทศ  ส่วนอนุสสิสสฤๅษียังคงอยู่ในสำนักของสรภังคฤๅษี

ในเวลานั้นพระเจ้าทัณฑกีราชทรงถอดหญิงนครโสภิณีออกจากฐานันดร  นางไปเที่ยวอุทยาน ได้พบกับกีสวัจฉฤๅษี  นางคิดว่าฤๅษีตนนี้เป็นกาลกิณี  นางจึงจะลอยกลีโทษของนางไว้ในร่างกายของคนที่เป็นกาลกิณี คือเคี้ยวไม้สีฟันแล้วบ้วนเขฬะลงภายในชฎาของของกีสวัจฉฤๅษี  โยนไม้สีฟันลงบนศีรษะของฤๅษี  แล้วสระศีรษะของตน  ฝ่ายพระเจ้าทัณฑกีราชทรงระลึกถึงนางจึงทรงตั้งนางให้อยู่ในฐานะเดิม  นางจึงคิดว่าเป็นเพราะนางได้ทำกลีโทษในร่างกายของคนที่เป็นกาลกิณี  อยู่มาวันหนึ่งพระเจ้าทัณฑกีราชทรงถอดปุโรหิตออกจากตำแหน่ง  ปุโรหิตไปถามนางว่าทำอย่างไรจึงได้ตำแหน่งคืน  นางเล่าให้ฟัง  ปุโรหิตทำตามวิธีของนางก็ได้ตำแหน่งคืนมา 

ต่อมาในปัจจันตชนบทของพระเจ้าทัณฑกีราชเกิดโจรผู้ร้าย  พระองค์จะยกทัพออกไปปราบ  ปุโรหิตทูลแนะนำว่า ถ้าทรงต้องการชัยชนะก็ให้ทำกลีโทษแก่ผู้ที่เป็นกาลกิณีซึ่งอาศัยอยู่ในอุทยาน  พระเจ้าทัณฑกีราชก็ทรงทำตาม แล้วเสด็จกลับ  ฝ่ายเสนาบดีผู้เป็นอุปัฏฐากกีสวัจฉฤๅษีมาเห็นเข้าจึงนำไม้สีฟันออกให้และให้สรงน้ำ  พร้อมกับถามว่าจะมีเหตุร้ายอะไรเกิดแก่พระเจ้าทัณฑกีราช  กีสวัจฉฤๅษีกล่าวว่าตนไม่ติดใจโกรธพระราชา แต่เทวดาพากันกริ้ว  อีก 7 วันบ้านเมืองจะพินาศ  เสนาบดีนำความไปทูลพระเจ้าทัณฑกีราช แต่ไม่ทรงเชื่อ เสนาบดีจึงพาครอบครัวหนีไปอยู่เมืองอื่น  ส่วนสรภังคฤๅษีรู้เรื่องที่เกิดขึ้น จึงให้ฤๅษี 2 ตนไปพากีสวัจฉฤๅษีมาที่สำนัก

ฝ่ายพระเจ้าทัณฑกีราชทรงปราบโจรได้แล้วก็เสด็จกลับ  เทวดาบันดาลให้เกิดฝนและถ่านเพลิงตกจนผู้คนล้มตายและเมืองพินาศ  ครั้งนั้นมีพระราชา 3 พระองค์ที่ปกครองรัฐใกล้เคียงกันคือ พระเจ้ากาลิงคราช  พระเจ้าอัฏฐกราช  และพระเจ้าภีมรถราชได้ยินข่าวว่ามีพระราชา 4 พระองค์ทำร้ายพระฤๅษี จึงทรงอยากรู้ว่าพระราชาทั้งสี่ซึ่ง 1 ใน 4 คือ พระเจ้าทัณฑกีราชนั้นจะได้ไปเกิดในสถานที่ใด  พระราชาทั้งสามจึงจะไปถามสรภังคฤๅษี  ทั้งสามพระองค์มาประจวบกันโดยมิได้ทรงล่วงรู้หรือนัดหมายแต่อย่างใด  ในขณะเดียวกัน  ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) ก็เสด็จลงมาเพื่อจะถามปัญหาสรภังคฤๅษีเช่นกัน  ในวันเดียวกันนั้นเอง กีสวัจฉฤๅษีก็กระทำกาลกิริยา (ตาย) ขณะเผาศพก็เกิดฝนคือดอกไม้ทิพย์ตกลงมา  เมื่อสรภังคฤๅษีรู้ว่าพระราชาทั้งสามและท้าวสักกเทวราชเสด็จมา ณ ฝั่งน้ำโคธาวารีเพื่อถามปัญหาตนก็ยินดียิ่ง  ท้าวสักกเทวราชจึงถามปัญหาของพระองค์เองที่เตรียมมาพร้อมทั้งถามปัญหาแทนพระราชาทั้งสามด้วย  สรภังคฤๅษีตอบทุกปัญหาอย่างกระจ่างแจ้ง  พระราชาทั้งสามพร้อมทั้งบริวารเลื่อมใสขอบวช  สรภังคฤๅษีก็บวชให้  จากนั้นพระฤๅษีทั้งหลายก็เหาะกลับไปบำเพ็ญพรต ณ ที่อยู่ของตน  ส่วนท้าวสักกเทวราชก็เสด็จกลับเทวโลก

ผู้เรียบเรียง
ยุพร แสงทักษิณ 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store