โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. สังขปัด

สังขปัด

  • สังขปัด
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-4346
ชื่อ
สังขปัด ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
วงศ์เทวราช   วงศเทวราช 1  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง

สังขปัดเป็นตัวละครในบทละครเรื่องวงศเทวราช  อาศัยอยู่บนยอดเขาหัศกัน*  เป็นทหารของวงศเทวราช* เจ้าเมืองเนาวรัตนนคร* มีตรีเพชรเป็นอาวุธ

สังขปัดขึ้นเฝ้าพระอิศวร*เป็นนิตย์  พระอิศวรจึงประทานเขตแดนในป่าให้ 1,000 โยชน์และบริวารให้ 500    ครั้งที่วงศเทวราชร่ายมนตร์มหาจินดา*เรียกบรรดาสัตว์ป่ามาดูเล่น  สังขปัดวานรรู้สึกเร่าร้อนด้วยมนตร์ก็มาด้วย  ระหว่างทางพบคชสีห์*และราชสีห์*แล้วเกิดวิวาทกัน  วงศเทวราชเกรงว่าวานรจะพากันตาย  จึงให้เข้ามาเฝ้าเพื่อจะตัดสินความ  เมื่อสังขปัดเห็นวงศเทวราชยังเป็นกุมารก็คิดลองฤทธิ์  เนรมิตกายใหญ่เทียมตะวัน  ถือตรีเพชร  วงศเทวราชให้ม้าสุริการ*ปราบ  และสังหารสังขปัดได้  แต่ด้วยความสงสาร  วงศเทวราชช่วยชุบชีวิตสังขปัดและบริวาร  สังขปัดจึงยอมเป็นข้าช่วงใช้

วันหนึ่งวงศเทวราชออกประพาสป่าเพื่อหาดอกบัวในสระตามนิมิตฝัน  เมื่อไม่พบก็เหาะขึ้นไปเห็นเมืองหนึ่งตั้งอยู่บนเกาะ  จึงให้สังขปัดแปลงเป็นนกกะหรอดขาวปลอดพูดได้ไปสืบข่าว  รู้ว่าเป็นเมืองสมุทคีรี*ของท้าวมหานพสูร*  ท้าวมหานพสูรได้จัดให้มีพิธียกศร  ผู้ใดยกได้จะให้อภิเษกกับธิดา  แต่ยังไม่มีผู้ใดยกได้  วงศเทวราชให้สังขปัดแปลงเป็นนางยักษ์สูงวัยชื่อพุทชาติ*  ส่วนตนแปลงเป็นยักษ์สาวชื่อวงศวาด*  สังขปัดเนรมิตตรีเพชรให้เป็นพาย  และเนรมิตเรือบรรทุกสินค้า   แล้วพายเรือไปยังตำหนักแพที่ประทับของนางบุศบง*ธิดาท้าวมหานพสูร  และได้เป็นนางกำนัลของนางบุศบง  เมื่อท้าวมหานพสูรรู้ความจริงว่านางกำนัลใหม่ทั้งสองเป็นชายแปลงมาก็กริ้ว  สั่งให้นำนางบุศบงไปถ่วงน้ำฐานคบชู้สู่ชาย  ส่วนนางแปลงทั้งสองก็ให้นำไปประหาร 

เมื่อเสนายักษ์จะจับตัวนางยักษ์แปลงไปประหาร  พุทชาติและวงศวาดก็คืนร่างเดิมเหาะหนีไป   แลเห็นศพนางบุศบงอยู่ในเรืออสูร  วงศเทวราชให้สังขปัดไปนำศพนางมา  จึงรู้ว่านางเพียงแต่สลบไป  สังขปัดทูลวงศเทวราชให้พานางบุศบงไปไว้ที่เนาวรัตนนครก่อนแล้วค่อยกลับมาต่อสู้กับท้าวมหานพสูร  โดยตนจะคอยอยู่ที่เขาการะเวก*ริมฝั่งแม่น้ำยมนา*

เมื่อวงศเทวราชยกพลมาสมทบกับสังขปัดทำสงครามกับท้าวมหานพสูร  ท้าวมหานพสูรพ่ายแพ้  ท้าวสาตราสูร*อนุชาอาสาออกรบและแนะให้ท้าวมหานพสูรแจ้งข่าวแก่ท้าวจัตุรัต*เจ้าเมืองจักรวาล*ผู้เป็นสหายให้มาช่วยรบ  ในการรบครั้งนี้สังขปัด  ม้าสุริการ  และไพร่พลถูกท้าวสาตราสูรแผลงศรเป็นนาครัด  แต่ครุฑ*มาช่วยจิกนาค  นาคจึงกลายเป็นลูกศรดังเดิม

ต่อมาท้าวจัตุรัตและนางสุวรรณมาลี*มเหสียกทัพมาช่วยทำสงคราม  ให้ท้าวสาตราสูรเป็นทัพหน้าออกไปรบก่อน  ท้าวสาตราสูรต่อสู้กับสังขปัด  ถูกสังขปัดชิงหอกแก้วและหักคอช้างทรงจนตกลงพื้นบาดเจ็บ  จึงแทรกแผ่นดินหนีไปหาท้าวพัทไภย*เจ้าเมืองบาดาล*ผู้เป็นสหาย  ฝ่ายท้าวจัตุรัตได้ข่าวว่าท้าวสาตราสูรแพ้ก็ยกทัพออกต่อสู้  ถูกศรของวงศเทวราชตัดเศียร  แต่เมื่อท้าวจัตุรัตร่ายเวทเศียรก็ติดกายดังเดิมแล้วเหาะหนีไป  ท้าววิเรนทร*ขุนทหารวงศเทวราชทูลว่าเหตุที่ท้าวจัตุรัตไม่ตายคงเป็นเพราะถอดดวงใจได้

ฝ่ายท้าวพัทไภยออกอุบายแปลงเป็นนางฟ้านำช่อดอกไม้ที่มีท้าวสาตราสูรแปลงเป็นเรไรซ่อนอยู่ไปถวายวงศเทวราช  ครั้นตอนกลางคืนท้าวสาตราสูรคืนร่างเป็นอสูรอุ้มวงศเทวราชที่ต้องมนตร์สะกดจากแท่นบรรทม  สังขปัดและครุฑตื่นขึ้นมาชิงวงศเทวราชกลับคืนได้  แล้วช่วยกันจับท้าวสาตราสูรมัดไว้  ท้าวพัทไภยแปลงเป็นวานรมาช่วยท้าวสาตราสูร  สังขปัดเข้าขัดขวางและสังหารทั้งสองด้วยขรรค์และตรีกรด  จากนั้นสังขปัดก็พาบริวารลงไปเล่นน้ำในสระ  ฝ่ายผีเสื้อยักษ์*ผัวเมียที่อยู่ในสระเห็นสังขปัดและบริวารก็คิดจะจับวานรกิน  เกิดการต่อสู้กัน  ผีเสื้อผู้ผัวถูกสังขปัดสังหาร  ส่วนนางผีเสื้อหนีกลับถ้ำ  เมื่อเข้าถ้ำก็กลายเป็นนางฟ้า  สังขปัดตามไปและได้นางผีเสื้อ  เมื่อสังขปัดจะจากนาง  เพื่อมิให้นางผีเสื้อเศร้าโศกจึงถอนขนเพชรเนรมิตร่างตนไว้แทน    “แล้วจึงสั่งวานรรูปนิมิตร   จงชอบจิตรสุดแท้แต่ประสงค์”

ต่อมาวงศเทวราชให้สังขปัดไปหลอกล่อเอาดวงใจของท้าวจัตุรัต  สังขปัดแปลงกายเป็นแมลงภู่บินไปจับช่อฟ้าพลับพลาท้าวจัตุรัต  เห็นนางกำนัลมาตักน้ำไปให้นางสุวรรณมาลีสรงเสวยจึงบินลงมาต่อยนางตายลอยน้ำไป  แล้วแปลงร่างเป็นนางกำนัลผู้นั้น  ถึงกลางคืนก็ร่ายมนตร์กลายร่างเป็นวานรสะกดให้ยักษ์หลับใหลทั้งกองทัพ  แล้วลอบเข้าไปร่วมสมกับนางสุวรรณมาลี  จากนั้นก็นำนางไปไว้ในถ้ำ  แล้วกลับมาแปลงกายเป็นนางสุวรรณมาลีแทน   ก่อนท้าวจัตุรัสจะออกรบ นางสุวรรณมาลีแปลงลวงให้ท้าวจัตุรัตมอบธำมรงค์ที่ถอดดวงใจใส่ไว้ให้ตน  จากนั้นก็คืนร่างเป็นวานรคาบธำมรงค์ไปถวายวงศเทวราช  วงศเทวราชสั่งให้สังขปัดนำธำมรงค์ไปในสนามรบ  ถ้าได้โอกาสก็ให้ขยี้ดวงใจเสีย

เมื่อเผชิญหน้ากันในสนามรบ  สังขปัดหยิบธำมรงค์ออกมายั่วท้าวจัตุรัตและบอกว่าตนมีความสัมพันธ์รักกับนางสุวรรณมาลี  ท้าวจัตุรัตทั้งรักทั้งแค้นมเหสีที่ทรยศ   จึงขอเลิกทัพกลับไปก่อน  แล้วจะกลับมาต่อสู้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น  วันต่อมาท้าวจัตุรัตออกรบ  ถูกวงศเทวราชแผลงศรปักอกตัดเศียรตัดกร  ส่วนสังขปัดก็ขยี้ดวงใจจนแหลกละเอียด 

ฝ่ายท้าวมหานพสูรเมื่อรู้ข่าวท้าวจัตุรัตสิ้นชีวิต  ก็ให้นางหิรัญมาลี*มเหสีพานางสุวรรณมาลีซึ่งแปลงกายเป็นนางบุศบงไปถวายวงศเทวราชเพื่อหาทางสังหาร  ตอนแรกวงศเทวราชหลงเชื่อ  แต่สังขปัดขอพิสูจน์ให้วงศเทวราชรู้ว่ามิใช่นางบุศบงตัวจริง  โดยจะแปลงเป็นวงศเทวราชไปอยู่ร่วมกับนาง  และให้ครุฑแปลงเป็นปีศาจท้าวจัตุรัตมาแสร้งหึงหวงเพื่อให้นางบุศบงแปลงกลัวจะได้คืนร่างเป็นนางสุวรรณมาลี  เมื่อแผนซ้อนกลสำเร็จ  สังขปัดนำนางสุวรรณมาลีไปเฝ้าวงศเทวราช  วงศเทวราชยกโทษให้เพราะเห็นแก่ที่เคยเป็นคู่กับสังขปัดมาก่อน  แล้วให้สังขปัดพานางไปส่งคืนท้าวมหานพสูร  ท้าวมหานพสูรสั่งให้ทหารจับสังขปัด  สังขปัดร่ายเวทเป็นถ่านเพลิงตกจากฟ้าถูกพลยักษ์ล้มตาย  และถูกพลับพลาไหม้  ท้าวมหานพสูรอุ้มนางหิรัญมาลีเหาะหนีไฟ  สังขปัดร่ายเวทกลายร่างมี 4 พักตร์ 8 กร  แล้วเสกตรีเพชรเป็นบ่วงนาค 3 เศียรมัดทั้งสองไปถวายวงศเทวราช  แต่ท้าวมหานพสูรยังไม่ยอมบังคมไหว้วงศเทวราช  ทูลว่าจะยอมอ่อนน้อมยกบ้านเมืองให้ก็ต่อเมื่อวงศเทวราชแสดงฤทธิ์ยกศรพรหมสิทธิ์บนยอดเขาได้ 

(บทบาทของสังขปัดในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดีมีเพียงเท่านี้  ต่อไปนี้เป็นบทบาทในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

เมื่อวงศเทวราชยกศรได้แล้ว  สังขปัดทูลให้ไปรับนางบุษบง* (คือนางบุศบงในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดี) จากเนาวรัตนนคร  ท้าวมหานพสูรซึ่งเพิ่งรู้ว่าธิดายังไม่ตายอาสาไปรับนางโดยกระบวนบาลูนควัน*

เมื่อวงศเทวราชได้นางบุษบงมาอยู่ร่วมห้องบรรทม สังขปัดยังไม่ยอมให้ร่วมสมกับนางจนกว่าจะผ่านพ้นพิธีอภิเษกสยุมพร  โดยขู่ว่า “แม้นดื้อดึงขึงอยู่จะวุ่นวาย  จะหวายผางให้ได้อายประเดี๋ยวนี้” และด้วยความไม่วางใจ  สังขปัดจึงอยู่ร่วมห้องด้วย  โดยทูลให้วงศเทวราชเนรมิตเกยอยู่ระหว่างแท่นบรรทมของทั้งสองให้ตนนอนเพื่อป้องกันคำครหา  วงศเทวราชคิดว่า  “ครั้นกูจะไม่ตามใจมัน    จะแยกเขี้ยวยิงฟันน่ากลัว”  จึงต้องเนรมิตเกยพร้อมทั้งเสาหลักและราวสำหรับปีนขึ้นลงให้ด้วย  เมื่อวงศเทวราชและนางบุษบงเศร้าโศกเพราะต้องบรรทมแยกกัน  สังขปัดขู่ว่า  “แม้นไม่หยุดโศกศัลย์กลั้นโศกา    จะเอาผ้าอุดโอษฐประเดี๋ยวนี้”

ก่อนวันงานอภิเษกสยุมพรบรรดาเจ้าต่างเมืองทยอยกันเดินทางมาร่วมงาน เมื่อพระเจ้าโยเสฟ*และกวินไวต์*เดินทางมาถึงด้วยเรือกลไฟ  วงศเทวราชให้สังขปัด  ท้าวมหานพสูร  และครุฑไปรับเข้าเมือง  พระเจ้าโยเสฟเลี้ยงสุรากาแฟแก่ทั้งสาม  สังขปัดเมาบรั่นดีปีนบันไดเสากระโดงเรือขึ้นไปบนดาดฟ้า  เชือกขาดตกทะเลเปียกปอน  พระเจ้าโยเสฟให้กวินไวต์จัดหาเสื้อผ้าแบบฝรั่งมาให้สังขปัด  สังขปัดเห็นกวินไวต์ก็หลงรัก  พยายาม  “ทำกระตุกกระติกหลุกหลิกไป   จะให้นางแจ้งใจในความรัก” กวินไวต์  “นึกว่าเล่นตามประสาวานร    บังอรยื่นพัดด้ามจิ้วให้” สังขปัดถึงกับกอดพัดไว้แนบอก

เมื่อพระเจ้าโยเสฟและกวินไวต์เข้าเฝ้าวงศเทวราช  ทั้งวงศเทวราชและกวินไวต์เห็นกันต่างก็มีจิตปฏิพัทธ์  สังขปัดรู้เท่าทันท่าทีของทั้งสองก็โกรธ   เมื่อกลับถึงพลับพลาก็เขียนกลอนรักถึงกวินไวต์โดยให้นางหนูวอก*ข้ารับใช้นำไปส่ง  กวินไวต์ตอบสารรักทำนองเชิญชวนให้สังขปัดไปหาตอนดึก

สังขปัดไปตามนัด  ขณะกำลังปีนฝาตำหนักกวินไวต์ได้ครึ่งทางก็ต้องรีบกลับพลับพลาเพราะนางหนูวอกมาบอกว่าวงศเทวราชนอนร่วมแท่นบรรทมเดียวกับนางบุษบง  เมื่อไม่ได้สมรักกับกวินไวต์  สังขปัดก็ “เล่นหนูวอกเถิดค่อยง่ายกว่าคนอื่น”

วันต่อมาวงศเทวราชให้สังขปัดนำเรือกำปั่นไปลากเรือสำเภาของอุ่นอ๋อง*โอรสพระเจ้ากรุงจีน*เข้าเมือง  อุ่นอ๋องจัดสุราอาหารมาเลี้ยง  สังขปัดเมาสุรา  กำเริบขอเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายขุนนางผู้ใหญ่จีน  อุ่นอ๋องสั่งให้นางเข้งก๋งจู๊*ชายาจัดหามาให้  แต่นางเสียดายจัดแต่เครื่องแต่งกายชั้นเลวระดับฝีพายใช้มาให้  อุ่นอ๋องต้องส่งคืนไปเปลี่ยนใหม่ถึงหกเจ็ดครั้ง  สังขปัดจึงเย้ยหยันอุ่นอ๋อง  ทำให้อุ่นอ๋องทะเลาะกับนางเข้งก๋งจู๊  นางมาอาละวาดสังขปัด  แต่ถูกสังขปัดกระโชกไล่จับจึงวิ่งหนีไปแอบอยู่หลังภัสดา  อุ่นอ๋องถอดเสื้อทรงของตนให้สังขปัดเป็นการขอขมา  แล้วเอาเจียมวิเศษซึ่งถ้าผู้ใดได้นั่งนอนบนพรมขนสัตว์นี้แล้วจะหายเมามาให้สังขปัดนั่ง  สังขปัดสร่างเมาพาอุ่นอ๋องและชายาไปเฝ้าวงศเทวราช

ฝ่ายสังขปัดเมื่อยังไม่สมรักกับกวินไวต์ก็คิดถึงนางเวฬู*มเหสีท้าวสุวิทธิไชย*  จึงส่งสารรักไปหา  เมื่อท้าวสุวิทธิไชยรู้ก็โกรธหาว่านางเวฬูนอกใจ  นางเวฬูคิดซ้อนกลโดยส่งสารตอบนัดให้สังขปัดมาหาตอนดึก  เมื่อสังขปัดหลงกลปีนฝาตำหนัก  นางเวฬูและเหล่าสาวใช้เทกระโถนน้ำหมากและสิ่งสกปรกถูกหน้าเนื้อตัว  จนมือลื่นตกตำหนัก  สังขปัดทั้งเจ็บทั้งอายเหาะไปชำระล้างกายในแม่น้ำแล้วกลับพลับพลา  นางหนูวอก* “เห็นนายกลายเป็นชมพูพาล”  ก็ตกใจวิ่งหนี  สังขปัดพานางหนูวอกและนายแห้ว*ไปที่ท่าน้ำให้ทำความสะอาดขนให้หายแดง  วานรทั้งสองเก็บมะยมมาเคี้ยวจนละเอียดแล้วพ่นไปทั่วตัว  ขนสีแดงหายไปกลายเป็นขนสีเหลือง

เมื่อสังขปัดไปรอเข้าเฝ้าวงศเทวราชเพื่อประชุมเรื่องการจัดงานพิธีอภิเษกสยุมพร  ครุฑทักว่าเหตุใดขนจึงเหลือง  สังขปัดโกรธตอบว่าเพราะทาขมิ้นให้หมัดตาย  เมื่อวงศเทวราชเห็นก็ตรัสถาม  สังขปัดยิ่งโกรธแกล้งทำเป็นเจ้าเข้าเต้นตูมตามจนวงศเทวราชต้องวิ่งหนีเข้าข้างใน  สังขปัดแค้นครุฑ  เห็นครุฑเหาะหนีจึงเหาะตามขึ้นไปตบปาก  แต่ถูกจะงอยปากครุฑตำมือบาดเจ็บเลือดไหล  ต้องกลับพลับพลามาให้นางหนูวอกพยาบาล

หลังพิธีอภิเษกสยุมพรสิ้นสุดลง  วงศเทวราชพานางบุษบงไปยังปราสาทที่เนรมิตขึ้นใหม่  สังขปัดตามไปขัดขวาง  แต่ถูกวงศเทวราชไล่ให้กลับพลับพลา

ในคืนวันรุ่งขึ้นมีงานสโมสรสันนิบาตเลี้ยงฉลอง  สังขปัดเมาสุราอาละวาด  ยิ่งได้เห็นวงศเทวราชจูงหัตถ์กวินไวต์ก็ยิ่งแค้นใจ  คลุ้มคลั่งวิ่งไล่เจ้าต่างเมืองโกลาหลกันไปทั้งงาน  ครุฑและท้าววิเรนทรต้องใช้ผ้าขาวกั้นห่อมัดไปส่งที่พลับพลา  กำชับนางหนูวอกและนายแห้ว*มิให้สังขปัดไปทำความเดือดร้อนอีกในงานบอลลีลาศวันรุ่งขึ้น  คืนต่อมาเมื่อสังขปัดฟื้นก็ไปอาละวาดในงานบอล  จะเข้าไปกอดกวินไวต์แต่สลบลงแทบเท้านางเสียก่อน  วงศเทวราชต้องให้หามกลับไปพลับพลา  เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งสังขปัดก็คิดจะเผาเมืองเพื่อลักพากวินไวต์มาอยู่ด้วย  จึงสั่งให้นายแห้วและนางหนูวอกเอาน้ำมันยางชโลมกายแล้วเอานุ่นติดทั่วตัว  ที่หางใช้ผ้าขี้ริ้วพันรัดให้แน่นชโลมน้ำมันให้ชุ่ม  แล้วเหาะขึ้นไปกลางเมืองจุดไฟเผาปราสาทและวังเจ้าเมืองทั้งหลายจนทุกคนต้องหนีไฟออกจากเมือง   จากนั้นสังขปัดก็เหาะลงไปแช่น้ำ  แต่ก็ไม่หายปวดแสบปวดร้อนจากไฟไหม้  จึงเหาะกลับไปให้นายแห้วและนางหนูวอกเอาใบไม้มาเคี้ยวพ่น  แต่หางไม่ถูกยาเพราะพันผ้าไว้แน่น  หางจึงเน่ากุด

ขณะนอนป่วยอยู่สังขปัดรู้ข่าวว่าวงศเทวราชเสด็จกลับเมือง  จึงให้ทหารวานรหามไปทั้งเตียงขอเฝ้าวงศเทวราช  ครั้นเห็นวงศเทวราชมีมเหสีหลายองค์ก็ขอให้ยกบรรดามเหสียกเว้นนางบุษบงแก่บรรดาขุนทหาร  ครุฑได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจสังขปัดที่ก้าวร้าวกำเริบจึงกล่าวติเตียน  สังขปัดโกรธด่าครุฑว่าคอยขัดขวางตนมาหลายครั้ง   วงศเทวราชเข้าห้ามบอกว่าจะช่วยรักษาแผลให้ถ้าสังขปัดสัญญาว่าจะไม่บีบบังคับพระองค์อีกต่อไป  สังขปัดไม่รับข้อเสนอขอยอมตาย  วงศเทวราชให้ทหารหามเตียงสังขปัดกลับไป  สังขปัดโกรธเหาะขึ้นไปไล่ฉวยฉุดเหล่ามเหสีและนางสนมกำนัล  วงศเทวราชกริ้วจึงจับศรพาดสายหมายจะแผลงแต่ยังยับยั้งชั่งพระทัยอยู่  สังขปัดเห็นก็ตกใจกลัวตาย  ตะกายเหาะขึ้นไปสิ้นกำลังสิ้นชีวิตกลางอากาศตกลงมาพื้นดิน

วงศเทวราชคิดถึงความดีความชอบของสังขปัด  จึงปรึกษาเหล่าท้าวพระยาว่าจะชุบชีวิตสังขปัดเป็นการปูนบำเหน็จรางวัล  แต่ครุฑทัดทานไว้ว่าสังขปัดก่อความเดือดร้อนหลายครั้ง  แม้จะได้รับอภัยโทษแต่ก็ไม่สำนึก  ทั้งยังเป็นผู้ที่ “กำเริบราคจัดนัก” สมควรปล่อยให้ตายไป  วงศ เทวราชยังคงอาลัยอยู่จึงคิดจะปลงศพสังขปัด  โดยร่ายเวทเป็นเกยสำหรับใส่ศพแล้วให้เจ้าพนักงานยกศพลงในโกศแก้ว  แต่ก็ถูกศพสังขปัดแลบลิ้นหลอกหลอนขบกัดจนต้องวิ่งหนีกันชุลมุน  แม้จะให้เจ้าหน้าที่ชุดใหม่ไปจับก็จับไม่ได้  วงศเทวราชปลงตกว่าสังขปัดวาสนาไม่ถึง  จึงจำใจแผลงศรเป็นไฟไหม้ศพสังขปัด  แล้วให้เก็บกระดูกบรรจุไว้  จารึกชื่อลงในพานแก้วว่าพระยาปัฐวีฤทธิรงค์*

เมื่อวงศเทวราชกลับมาครองเนาวรัตนนคร  ทรงเนรมิตเมืองให้ใหญ่กว่าเดิม  แล้วจัดให้มีงานฉลองนคร  สังขปัดซึ่งตายไปเกิดเป็นเปรตรู้ก็เข้าไปในเมืองเพื่อทำลายงานด้วยความอาฆาตพยาบาท  พวกชาวเมืองเห็นเข้าก็ตกใจวิ่งหนีกันอย่างชุลมุน  เปรตสังขปัดขอให้วงศเทวราชยกมเหสีให้ตน  วงศเทวราชไม่ยอม  เปรตสังขปัดจึงควานหาบรรดามเหสี  ฉวยได้นางวันงอ*ออกมาจากพลับพลา  แต่เมื่อได้จุมพิตนางแล้วไม่สบอารมณ์จึงขว้างนางกลับคืน

วงศเทวราชแผลงศรไปถูกเปรตสังขปัดตาย  แต่เปรตฟื้นขึ้นมาใหม่เพราะยังไม่หมดกรรม  วงศเทวราชสิ้นฝีมือจะปราบเปรตสังขปัด  แม้จะประกาศหาผู้มีวิชามาปราบก็ไม่สำเร็จ  จึงให้ไปนิมนต์พระพรหมลิขิตฤๅษี*มาช่วยปราบ  พระฤๅษีให้ปั้นตุ๊กตา 16 ตัวแทนมเหสีและนางสนมกำนัล  แล้วให้ฉีกผ้านุ่งห่มของนางเหล่านั้นมานุ่งห่มให้รูปปั้น  นำรูปปั้นวางลงไว้ในหยวกกล้วยที่ทำเป็นรูปพลับพลาพร้อมกับสิ่งที่ใช้ในพิธีกรรมและเครื่องเซ่น  พระฤๅษีทำพิธีร่ายเวทมนตร์  แล้วส่งพลับพลาหยวกกล้วยให้เปรตสังขปัด  เปรตสังขปัดเชยชมรูปปั้นนางทั้งหลายยกเว้นรูปปั้นนางวันงอ  แล้วกินเครื่องเซ่นต่าง ๆ   ไม่แผลงฤทธิ์อีกต่อไป  พระฤๅษีจึงเอาข้าวสารซัดไปต้องกาย  เปรตสังขปัดก็หายวับไปกับตา  พระฤๅษีทูลให้วงศเทวราชแจกทานอุทิศส่วนกุศลให้  เปรตสังขปัดจะได้ไปเกิดบนสวรรค์  มีคู่ครองชื่ออุไทยวดี*  และจะไม่มารบกวนอีกต่อไป

ผู้เรียบเรียง
ยุพร แสงทักษิณ 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store