TLD-003-4346
สังขปัด (ชื่อตัวละคร)
สังขปัดเป็นตัวละครในบทละครเรื่องวงศเทวราช อาศัยอยู่บนยอดเขาหัศกัน* เป็นทหารของวงศเทวราช* เจ้าเมืองเนาวรัตนนคร* มีตรีเพชรเป็นอาวุธ
สังขปัดขึ้นเฝ้าพระอิศวร*เป็นนิตย์ พระอิศวรจึงประทานเขตแดนในป่าให้ 1,000 โยชน์และบริวารให้ 500 ครั้งที่วงศเทวราชร่ายมนตร์มหาจินดา*เรียกบรรดาสัตว์ป่ามาดูเล่น สังขปัดวานรรู้สึกเร่าร้อนด้วยมนตร์ก็มาด้วย ระหว่างทางพบคชสีห์*และราชสีห์*แล้วเกิดวิวาทกัน วงศเทวราชเกรงว่าวานรจะพากันตาย จึงให้เข้ามาเฝ้าเพื่อจะตัดสินความ เมื่อสังขปัดเห็นวงศเทวราชยังเป็นกุมารก็คิดลองฤทธิ์ เนรมิตกายใหญ่เทียมตะวัน ถือตรีเพชร วงศเทวราชให้ม้าสุริการ*ปราบ และสังหารสังขปัดได้ แต่ด้วยความสงสาร วงศเทวราชช่วยชุบชีวิตสังขปัดและบริวาร สังขปัดจึงยอมเป็นข้าช่วงใช้
วันหนึ่งวงศเทวราชออกประพาสป่าเพื่อหาดอกบัวในสระตามนิมิตฝัน เมื่อไม่พบก็เหาะขึ้นไปเห็นเมืองหนึ่งตั้งอยู่บนเกาะ จึงให้สังขปัดแปลงเป็นนกกะหรอดขาวปลอดพูดได้ไปสืบข่าว รู้ว่าเป็นเมืองสมุทคีรี*ของท้าวมหานพสูร* ท้าวมหานพสูรได้จัดให้มีพิธียกศร ผู้ใดยกได้จะให้อภิเษกกับธิดา แต่ยังไม่มีผู้ใดยกได้ วงศเทวราชให้สังขปัดแปลงเป็นนางยักษ์สูงวัยชื่อพุทชาติ* ส่วนตนแปลงเป็นยักษ์สาวชื่อวงศวาด* สังขปัดเนรมิตตรีเพชรให้เป็นพาย และเนรมิตเรือบรรทุกสินค้า แล้วพายเรือไปยังตำหนักแพที่ประทับของนางบุศบง*ธิดาท้าวมหานพสูร และได้เป็นนางกำนัลของนางบุศบง เมื่อท้าวมหานพสูรรู้ความจริงว่านางกำนัลใหม่ทั้งสองเป็นชายแปลงมาก็กริ้ว สั่งให้นำนางบุศบงไปถ่วงน้ำฐานคบชู้สู่ชาย ส่วนนางแปลงทั้งสองก็ให้นำไปประหาร
เมื่อเสนายักษ์จะจับตัวนางยักษ์แปลงไปประหาร พุทชาติและวงศวาดก็คืนร่างเดิมเหาะหนีไป แลเห็นศพนางบุศบงอยู่ในเรืออสูร วงศเทวราชให้สังขปัดไปนำศพนางมา จึงรู้ว่านางเพียงแต่สลบไป สังขปัดทูลวงศเทวราชให้พานางบุศบงไปไว้ที่เนาวรัตนนครก่อนแล้วค่อยกลับมาต่อสู้กับท้าวมหานพสูร โดยตนจะคอยอยู่ที่เขาการะเวก*ริมฝั่งแม่น้ำยมนา*
เมื่อวงศเทวราชยกพลมาสมทบกับสังขปัดทำสงครามกับท้าวมหานพสูร ท้าวมหานพสูรพ่ายแพ้ ท้าวสาตราสูร*อนุชาอาสาออกรบและแนะให้ท้าวมหานพสูรแจ้งข่าวแก่ท้าวจัตุรัต*เจ้าเมืองจักรวาล*ผู้เป็นสหายให้มาช่วยรบ ในการรบครั้งนี้สังขปัด ม้าสุริการ และไพร่พลถูกท้าวสาตราสูรแผลงศรเป็นนาครัด แต่ครุฑ*มาช่วยจิกนาค นาคจึงกลายเป็นลูกศรดังเดิม
ต่อมาท้าวจัตุรัตและนางสุวรรณมาลี*มเหสียกทัพมาช่วยทำสงคราม ให้ท้าวสาตราสูรเป็นทัพหน้าออกไปรบก่อน ท้าวสาตราสูรต่อสู้กับสังขปัด ถูกสังขปัดชิงหอกแก้วและหักคอช้างทรงจนตกลงพื้นบาดเจ็บ จึงแทรกแผ่นดินหนีไปหาท้าวพัทไภย*เจ้าเมืองบาดาล*ผู้เป็นสหาย ฝ่ายท้าวจัตุรัตได้ข่าวว่าท้าวสาตราสูรแพ้ก็ยกทัพออกต่อสู้ ถูกศรของวงศเทวราชตัดเศียร แต่เมื่อท้าวจัตุรัตร่ายเวทเศียรก็ติดกายดังเดิมแล้วเหาะหนีไป ท้าววิเรนทร*ขุนทหารวงศเทวราชทูลว่าเหตุที่ท้าวจัตุรัตไม่ตายคงเป็นเพราะถอดดวงใจได้
ฝ่ายท้าวพัทไภยออกอุบายแปลงเป็นนางฟ้านำช่อดอกไม้ที่มีท้าวสาตราสูรแปลงเป็นเรไรซ่อนอยู่ไปถวายวงศเทวราช ครั้นตอนกลางคืนท้าวสาตราสูรคืนร่างเป็นอสูรอุ้มวงศเทวราชที่ต้องมนตร์สะกดจากแท่นบรรทม สังขปัดและครุฑตื่นขึ้นมาชิงวงศเทวราชกลับคืนได้ แล้วช่วยกันจับท้าวสาตราสูรมัดไว้ ท้าวพัทไภยแปลงเป็นวานรมาช่วยท้าวสาตราสูร สังขปัดเข้าขัดขวางและสังหารทั้งสองด้วยขรรค์และตรีกรด จากนั้นสังขปัดก็พาบริวารลงไปเล่นน้ำในสระ ฝ่ายผีเสื้อยักษ์*ผัวเมียที่อยู่ในสระเห็นสังขปัดและบริวารก็คิดจะจับวานรกิน เกิดการต่อสู้กัน ผีเสื้อผู้ผัวถูกสังขปัดสังหาร ส่วนนางผีเสื้อหนีกลับถ้ำ เมื่อเข้าถ้ำก็กลายเป็นนางฟ้า สังขปัดตามไปและได้นางผีเสื้อ เมื่อสังขปัดจะจากนาง เพื่อมิให้นางผีเสื้อเศร้าโศกจึงถอนขนเพชรเนรมิตร่างตนไว้แทน “แล้วจึงสั่งวานรรูปนิมิตร จงชอบจิตรสุดแท้แต่ประสงค์”
ต่อมาวงศเทวราชให้สังขปัดไปหลอกล่อเอาดวงใจของท้าวจัตุรัต สังขปัดแปลงกายเป็นแมลงภู่บินไปจับช่อฟ้าพลับพลาท้าวจัตุรัต เห็นนางกำนัลมาตักน้ำไปให้นางสุวรรณมาลีสรงเสวยจึงบินลงมาต่อยนางตายลอยน้ำไป แล้วแปลงร่างเป็นนางกำนัลผู้นั้น ถึงกลางคืนก็ร่ายมนตร์กลายร่างเป็นวานรสะกดให้ยักษ์หลับใหลทั้งกองทัพ แล้วลอบเข้าไปร่วมสมกับนางสุวรรณมาลี จากนั้นก็นำนางไปไว้ในถ้ำ แล้วกลับมาแปลงกายเป็นนางสุวรรณมาลีแทน ก่อนท้าวจัตุรัสจะออกรบ นางสุวรรณมาลีแปลงลวงให้ท้าวจัตุรัตมอบธำมรงค์ที่ถอดดวงใจใส่ไว้ให้ตน จากนั้นก็คืนร่างเป็นวานรคาบธำมรงค์ไปถวายวงศเทวราช วงศเทวราชสั่งให้สังขปัดนำธำมรงค์ไปในสนามรบ ถ้าได้โอกาสก็ให้ขยี้ดวงใจเสีย
เมื่อเผชิญหน้ากันในสนามรบ สังขปัดหยิบธำมรงค์ออกมายั่วท้าวจัตุรัตและบอกว่าตนมีความสัมพันธ์รักกับนางสุวรรณมาลี ท้าวจัตุรัตทั้งรักทั้งแค้นมเหสีที่ทรยศ จึงขอเลิกทัพกลับไปก่อน แล้วจะกลับมาต่อสู้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น วันต่อมาท้าวจัตุรัตออกรบ ถูกวงศเทวราชแผลงศรปักอกตัดเศียรตัดกร ส่วนสังขปัดก็ขยี้ดวงใจจนแหลกละเอียด
ฝ่ายท้าวมหานพสูรเมื่อรู้ข่าวท้าวจัตุรัตสิ้นชีวิต ก็ให้นางหิรัญมาลี*มเหสีพานางสุวรรณมาลีซึ่งแปลงกายเป็นนางบุศบงไปถวายวงศเทวราชเพื่อหาทางสังหาร ตอนแรกวงศเทวราชหลงเชื่อ แต่สังขปัดขอพิสูจน์ให้วงศเทวราชรู้ว่ามิใช่นางบุศบงตัวจริง โดยจะแปลงเป็นวงศเทวราชไปอยู่ร่วมกับนาง และให้ครุฑแปลงเป็นปีศาจท้าวจัตุรัตมาแสร้งหึงหวงเพื่อให้นางบุศบงแปลงกลัวจะได้คืนร่างเป็นนางสุวรรณมาลี เมื่อแผนซ้อนกลสำเร็จ สังขปัดนำนางสุวรรณมาลีไปเฝ้าวงศเทวราช วงศเทวราชยกโทษให้เพราะเห็นแก่ที่เคยเป็นคู่กับสังขปัดมาก่อน แล้วให้สังขปัดพานางไปส่งคืนท้าวมหานพสูร ท้าวมหานพสูรสั่งให้ทหารจับสังขปัด สังขปัดร่ายเวทเป็นถ่านเพลิงตกจากฟ้าถูกพลยักษ์ล้มตาย และถูกพลับพลาไหม้ ท้าวมหานพสูรอุ้มนางหิรัญมาลีเหาะหนีไฟ สังขปัดร่ายเวทกลายร่างมี 4 พักตร์ 8 กร แล้วเสกตรีเพชรเป็นบ่วงนาค 3 เศียรมัดทั้งสองไปถวายวงศเทวราช แต่ท้าวมหานพสูรยังไม่ยอมบังคมไหว้วงศเทวราช ทูลว่าจะยอมอ่อนน้อมยกบ้านเมืองให้ก็ต่อเมื่อวงศเทวราชแสดงฤทธิ์ยกศรพรหมสิทธิ์บนยอดเขาได้
(บทบาทของสังขปัดในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดีมีเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้เป็นบทบาทในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
เมื่อวงศเทวราชยกศรได้แล้ว สังขปัดทูลให้ไปรับนางบุษบง* (คือนางบุศบงในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดี) จากเนาวรัตนนคร ท้าวมหานพสูรซึ่งเพิ่งรู้ว่าธิดายังไม่ตายอาสาไปรับนางโดยกระบวนบาลูนควัน*
เมื่อวงศเทวราชได้นางบุษบงมาอยู่ร่วมห้องบรรทม สังขปัดยังไม่ยอมให้ร่วมสมกับนางจนกว่าจะผ่านพ้นพิธีอภิเษกสยุมพร โดยขู่ว่า “แม้นดื้อดึงขึงอยู่จะวุ่นวาย จะหวายผางให้ได้อายประเดี๋ยวนี้” และด้วยความไม่วางใจ สังขปัดจึงอยู่ร่วมห้องด้วย โดยทูลให้วงศเทวราชเนรมิตเกยอยู่ระหว่างแท่นบรรทมของทั้งสองให้ตนนอนเพื่อป้องกันคำครหา วงศเทวราชคิดว่า “ครั้นกูจะไม่ตามใจมัน จะแยกเขี้ยวยิงฟันน่ากลัว” จึงต้องเนรมิตเกยพร้อมทั้งเสาหลักและราวสำหรับปีนขึ้นลงให้ด้วย เมื่อวงศเทวราชและนางบุษบงเศร้าโศกเพราะต้องบรรทมแยกกัน สังขปัดขู่ว่า “แม้นไม่หยุดโศกศัลย์กลั้นโศกา จะเอาผ้าอุดโอษฐประเดี๋ยวนี้”
ก่อนวันงานอภิเษกสยุมพรบรรดาเจ้าต่างเมืองทยอยกันเดินทางมาร่วมงาน เมื่อพระเจ้าโยเสฟ*และกวินไวต์*เดินทางมาถึงด้วยเรือกลไฟ วงศเทวราชให้สังขปัด ท้าวมหานพสูร และครุฑไปรับเข้าเมือง พระเจ้าโยเสฟเลี้ยงสุรากาแฟแก่ทั้งสาม สังขปัดเมาบรั่นดีปีนบันไดเสากระโดงเรือขึ้นไปบนดาดฟ้า เชือกขาดตกทะเลเปียกปอน พระเจ้าโยเสฟให้กวินไวต์จัดหาเสื้อผ้าแบบฝรั่งมาให้สังขปัด สังขปัดเห็นกวินไวต์ก็หลงรัก พยายาม “ทำกระตุกกระติกหลุกหลิกไป จะให้นางแจ้งใจในความรัก” กวินไวต์ “นึกว่าเล่นตามประสาวานร บังอรยื่นพัดด้ามจิ้วให้” สังขปัดถึงกับกอดพัดไว้แนบอก
เมื่อพระเจ้าโยเสฟและกวินไวต์เข้าเฝ้าวงศเทวราช ทั้งวงศเทวราชและกวินไวต์เห็นกันต่างก็มีจิตปฏิพัทธ์ สังขปัดรู้เท่าทันท่าทีของทั้งสองก็โกรธ เมื่อกลับถึงพลับพลาก็เขียนกลอนรักถึงกวินไวต์โดยให้นางหนูวอก*ข้ารับใช้นำไปส่ง กวินไวต์ตอบสารรักทำนองเชิญชวนให้สังขปัดไปหาตอนดึก
สังขปัดไปตามนัด ขณะกำลังปีนฝาตำหนักกวินไวต์ได้ครึ่งทางก็ต้องรีบกลับพลับพลาเพราะนางหนูวอกมาบอกว่าวงศเทวราชนอนร่วมแท่นบรรทมเดียวกับนางบุษบง เมื่อไม่ได้สมรักกับกวินไวต์ สังขปัดก็ “เล่นหนูวอกเถิดค่อยง่ายกว่าคนอื่น”
วันต่อมาวงศเทวราชให้สังขปัดนำเรือกำปั่นไปลากเรือสำเภาของอุ่นอ๋อง*โอรสพระเจ้ากรุงจีน*เข้าเมือง อุ่นอ๋องจัดสุราอาหารมาเลี้ยง สังขปัดเมาสุรา กำเริบขอเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายขุนนางผู้ใหญ่จีน อุ่นอ๋องสั่งให้นางเข้งก๋งจู๊*ชายาจัดหามาให้ แต่นางเสียดายจัดแต่เครื่องแต่งกายชั้นเลวระดับฝีพายใช้มาให้ อุ่นอ๋องต้องส่งคืนไปเปลี่ยนใหม่ถึงหกเจ็ดครั้ง สังขปัดจึงเย้ยหยันอุ่นอ๋อง ทำให้อุ่นอ๋องทะเลาะกับนางเข้งก๋งจู๊ นางมาอาละวาดสังขปัด แต่ถูกสังขปัดกระโชกไล่จับจึงวิ่งหนีไปแอบอยู่หลังภัสดา อุ่นอ๋องถอดเสื้อทรงของตนให้สังขปัดเป็นการขอขมา แล้วเอาเจียมวิเศษซึ่งถ้าผู้ใดได้นั่งนอนบนพรมขนสัตว์นี้แล้วจะหายเมามาให้สังขปัดนั่ง สังขปัดสร่างเมาพาอุ่นอ๋องและชายาไปเฝ้าวงศเทวราช
ฝ่ายสังขปัดเมื่อยังไม่สมรักกับกวินไวต์ก็คิดถึงนางเวฬู*มเหสีท้าวสุวิทธิไชย* จึงส่งสารรักไปหา เมื่อท้าวสุวิทธิไชยรู้ก็โกรธหาว่านางเวฬูนอกใจ นางเวฬูคิดซ้อนกลโดยส่งสารตอบนัดให้สังขปัดมาหาตอนดึก เมื่อสังขปัดหลงกลปีนฝาตำหนัก นางเวฬูและเหล่าสาวใช้เทกระโถนน้ำหมากและสิ่งสกปรกถูกหน้าเนื้อตัว จนมือลื่นตกตำหนัก สังขปัดทั้งเจ็บทั้งอายเหาะไปชำระล้างกายในแม่น้ำแล้วกลับพลับพลา นางหนูวอก* “เห็นนายกลายเป็นชมพูพาล” ก็ตกใจวิ่งหนี สังขปัดพานางหนูวอกและนายแห้ว*ไปที่ท่าน้ำให้ทำความสะอาดขนให้หายแดง วานรทั้งสองเก็บมะยมมาเคี้ยวจนละเอียดแล้วพ่นไปทั่วตัว ขนสีแดงหายไปกลายเป็นขนสีเหลือง
เมื่อสังขปัดไปรอเข้าเฝ้าวงศเทวราชเพื่อประชุมเรื่องการจัดงานพิธีอภิเษกสยุมพร ครุฑทักว่าเหตุใดขนจึงเหลือง สังขปัดโกรธตอบว่าเพราะทาขมิ้นให้หมัดตาย เมื่อวงศเทวราชเห็นก็ตรัสถาม สังขปัดยิ่งโกรธแกล้งทำเป็นเจ้าเข้าเต้นตูมตามจนวงศเทวราชต้องวิ่งหนีเข้าข้างใน สังขปัดแค้นครุฑ เห็นครุฑเหาะหนีจึงเหาะตามขึ้นไปตบปาก แต่ถูกจะงอยปากครุฑตำมือบาดเจ็บเลือดไหล ต้องกลับพลับพลามาให้นางหนูวอกพยาบาล
หลังพิธีอภิเษกสยุมพรสิ้นสุดลง วงศเทวราชพานางบุษบงไปยังปราสาทที่เนรมิตขึ้นใหม่ สังขปัดตามไปขัดขวาง แต่ถูกวงศเทวราชไล่ให้กลับพลับพลา
ในคืนวันรุ่งขึ้นมีงานสโมสรสันนิบาตเลี้ยงฉลอง สังขปัดเมาสุราอาละวาด ยิ่งได้เห็นวงศเทวราชจูงหัตถ์กวินไวต์ก็ยิ่งแค้นใจ คลุ้มคลั่งวิ่งไล่เจ้าต่างเมืองโกลาหลกันไปทั้งงาน ครุฑและท้าววิเรนทรต้องใช้ผ้าขาวกั้นห่อมัดไปส่งที่พลับพลา กำชับนางหนูวอกและนายแห้ว*มิให้สังขปัดไปทำความเดือดร้อนอีกในงานบอลลีลาศวันรุ่งขึ้น คืนต่อมาเมื่อสังขปัดฟื้นก็ไปอาละวาดในงานบอล จะเข้าไปกอดกวินไวต์แต่สลบลงแทบเท้านางเสียก่อน วงศเทวราชต้องให้หามกลับไปพลับพลา เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งสังขปัดก็คิดจะเผาเมืองเพื่อลักพากวินไวต์มาอยู่ด้วย จึงสั่งให้นายแห้วและนางหนูวอกเอาน้ำมันยางชโลมกายแล้วเอานุ่นติดทั่วตัว ที่หางใช้ผ้าขี้ริ้วพันรัดให้แน่นชโลมน้ำมันให้ชุ่ม แล้วเหาะขึ้นไปกลางเมืองจุดไฟเผาปราสาทและวังเจ้าเมืองทั้งหลายจนทุกคนต้องหนีไฟออกจากเมือง จากนั้นสังขปัดก็เหาะลงไปแช่น้ำ แต่ก็ไม่หายปวดแสบปวดร้อนจากไฟไหม้ จึงเหาะกลับไปให้นายแห้วและนางหนูวอกเอาใบไม้มาเคี้ยวพ่น แต่หางไม่ถูกยาเพราะพันผ้าไว้แน่น หางจึงเน่ากุด
ขณะนอนป่วยอยู่สังขปัดรู้ข่าวว่าวงศเทวราชเสด็จกลับเมือง จึงให้ทหารวานรหามไปทั้งเตียงขอเฝ้าวงศเทวราช ครั้นเห็นวงศเทวราชมีมเหสีหลายองค์ก็ขอให้ยกบรรดามเหสียกเว้นนางบุษบงแก่บรรดาขุนทหาร ครุฑได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจสังขปัดที่ก้าวร้าวกำเริบจึงกล่าวติเตียน สังขปัดโกรธด่าครุฑว่าคอยขัดขวางตนมาหลายครั้ง วงศเทวราชเข้าห้ามบอกว่าจะช่วยรักษาแผลให้ถ้าสังขปัดสัญญาว่าจะไม่บีบบังคับพระองค์อีกต่อไป สังขปัดไม่รับข้อเสนอขอยอมตาย วงศเทวราชให้ทหารหามเตียงสังขปัดกลับไป สังขปัดโกรธเหาะขึ้นไปไล่ฉวยฉุดเหล่ามเหสีและนางสนมกำนัล วงศเทวราชกริ้วจึงจับศรพาดสายหมายจะแผลงแต่ยังยับยั้งชั่งพระทัยอยู่ สังขปัดเห็นก็ตกใจกลัวตาย ตะกายเหาะขึ้นไปสิ้นกำลังสิ้นชีวิตกลางอากาศตกลงมาพื้นดิน
วงศเทวราชคิดถึงความดีความชอบของสังขปัด จึงปรึกษาเหล่าท้าวพระยาว่าจะชุบชีวิตสังขปัดเป็นการปูนบำเหน็จรางวัล แต่ครุฑทัดทานไว้ว่าสังขปัดก่อความเดือดร้อนหลายครั้ง แม้จะได้รับอภัยโทษแต่ก็ไม่สำนึก ทั้งยังเป็นผู้ที่ “กำเริบราคจัดนัก” สมควรปล่อยให้ตายไป วงศ เทวราชยังคงอาลัยอยู่จึงคิดจะปลงศพสังขปัด โดยร่ายเวทเป็นเกยสำหรับใส่ศพแล้วให้เจ้าพนักงานยกศพลงในโกศแก้ว แต่ก็ถูกศพสังขปัดแลบลิ้นหลอกหลอนขบกัดจนต้องวิ่งหนีกันชุลมุน แม้จะให้เจ้าหน้าที่ชุดใหม่ไปจับก็จับไม่ได้ วงศเทวราชปลงตกว่าสังขปัดวาสนาไม่ถึง จึงจำใจแผลงศรเป็นไฟไหม้ศพสังขปัด แล้วให้เก็บกระดูกบรรจุไว้ จารึกชื่อลงในพานแก้วว่าพระยาปัฐวีฤทธิรงค์*
เมื่อวงศเทวราชกลับมาครองเนาวรัตนนคร ทรงเนรมิตเมืองให้ใหญ่กว่าเดิม แล้วจัดให้มีงานฉลองนคร สังขปัดซึ่งตายไปเกิดเป็นเปรตรู้ก็เข้าไปในเมืองเพื่อทำลายงานด้วยความอาฆาตพยาบาท พวกชาวเมืองเห็นเข้าก็ตกใจวิ่งหนีกันอย่างชุลมุน เปรตสังขปัดขอให้วงศเทวราชยกมเหสีให้ตน วงศเทวราชไม่ยอม เปรตสังขปัดจึงควานหาบรรดามเหสี ฉวยได้นางวันงอ*ออกมาจากพลับพลา แต่เมื่อได้จุมพิตนางแล้วไม่สบอารมณ์จึงขว้างนางกลับคืน
วงศเทวราชแผลงศรไปถูกเปรตสังขปัดตาย แต่เปรตฟื้นขึ้นมาใหม่เพราะยังไม่หมดกรรม วงศเทวราชสิ้นฝีมือจะปราบเปรตสังขปัด แม้จะประกาศหาผู้มีวิชามาปราบก็ไม่สำเร็จ จึงให้ไปนิมนต์พระพรหมลิขิตฤๅษี*มาช่วยปราบ พระฤๅษีให้ปั้นตุ๊กตา 16 ตัวแทนมเหสีและนางสนมกำนัล แล้วให้ฉีกผ้านุ่งห่มของนางเหล่านั้นมานุ่งห่มให้รูปปั้น นำรูปปั้นวางลงไว้ในหยวกกล้วยที่ทำเป็นรูปพลับพลาพร้อมกับสิ่งที่ใช้ในพิธีกรรมและเครื่องเซ่น พระฤๅษีทำพิธีร่ายเวทมนตร์ แล้วส่งพลับพลาหยวกกล้วยให้เปรตสังขปัด เปรตสังขปัดเชยชมรูปปั้นนางทั้งหลายยกเว้นรูปปั้นนางวันงอ แล้วกินเครื่องเซ่นต่าง ๆ ไม่แผลงฤทธิ์อีกต่อไป พระฤๅษีจึงเอาข้าวสารซัดไปต้องกาย เปรตสังขปัดก็หายวับไปกับตา พระฤๅษีทูลให้วงศเทวราชแจกทานอุทิศส่วนกุศลให้ เปรตสังขปัดจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ มีคู่ครองชื่ออุไทยวดี* และจะไม่มารบกวนอีกต่อไป
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory