TLD-003-0710
คุตติละ (ชื่อตัวละคร)
คุตติละเป็นตัวละครในเรื่องคุตติลชาดก ทุกนิบาต ในนิบาตชาดก เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นคนธรรพ์ ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัต*แห่งเมืองพาราณสี*
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติในตระกูลคนดีดพิณชื่อคุตติละ คุตติละดีดพิณได้ไพเราะที่สุดในชมพูทวีป รับราชการอยู่ในราชสำนัก และเลี้ยงบิดามารดาที่ตาบอด
วันหนึ่งพ่อค้าเมืองพาราณสีเดินทางไปค้าขายที่เมืองอุชเชนี* ขณะนั้นที่เมืองกำลังมีงานมหรสพ พวกพ่อค้าจึงเรี่ยไรเงินจ้างมุสิละ*ซึ่งเป็นผู้ดีดพิณได้ไพเราะที่สุดในเมืองมาดีดพิณ เมื่อได้ยินเสียงพิณ พวกพ่อค้ากลับนิ่งเฉยเพราะเห็นว่ามีฝีมือธรรมดา มุสิละเข้าใจว่าพิณของตนตึงเกินไปจึงผ่อนสายพิณให้หย่อนลงปานกลาง แต่พ่อค้าก็ไม่ได้แสดงกิริยาอาการอื่นใด ครั้นปรับสายพิณให้หย่อนลงไปอีก พวกพ่อค้าก็ยังคงนิ่งอยู่เช่นเดิม มุสิละคิดว่าพ่อค้าเหล่านี้คงฟังเสียงพิณไม่เป็นจึงสอบถาม เมื่อรู้ว่าที่เมืองพาราณสีมีคนดีดพิณได้ไพเราะกว่า ก็ขอให้พ่อค้าช่วยพาไปเมืองพาราณสีด้วย มุสิละไปถึงบ้านของคุตติละแต่ขณะนั้นคุตติละไม่อยู่ เมื่อเห็นพิณวางอยู่จึงหยิบขึ้นมาลองดีด บิดามารดาของคุตติละได้ยิน เข้าใจว่าหนูมากัดสายพิณก็ตวาดไล่ มุสิละจึงแนะนำตัวและบอกว่าจะขอเป็นศิษย์คุตติละ
เมื่อคุตติละกลับมาถึงมุสิละอ้อนวอนขอเป็นศิษย์ แต่คุตติละซึ่งรู้วิชาดูลักษณะคนเห็นว่ามุสิละเป็นอสัตบุรุษจึงไม่ยอมสอนให้ เมื่อบิดามารดาช่วยขอร้อง คุตติละจึงยอมรับมุสิละเป็นศิษย์ เมื่อคุตติละไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตก็พามุสิละเข้าไปด้วยเสมอจนเป็นที่รู้จักคุ้นเคย คุตติละสอนวิชาดีดพิณ 7 สายจนหมดความรู้ที่มีแล้วก็บอกให้มุสิละกลับไปเมืองอุชเชนี แต่มุสิละบอกว่าจะขออยู่รับราชการที่เมืองพาราณสี คุตติละจึงไปทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ พระเจ้าพรหมทัตจะประทานเบี้ยหวัดแก่มุสิละกึ่งหนึ่งของเบี้ยหวัดที่คุตติละได้ แต่มุสิละไม่ยอม บอกว่าตนมีความรู้เท่ากับคุตติละจึงควรได้เบี้ยหวัดเท่ากัน พระเจ้าพรหมทัตจึงให้มุสิละแสดงฝีมือให้ชม หากมีฝีมือเสมอกันก็จะให้เบี้ยหวัดเท่ากัน และกำหนดให้คุตติละกับมุสิละประลองฝีมือกันในอีก 7 วัน คุตติละคิดว่าตนเป็นอาจารย์ของมุสิละ ถ้าชนะก็ไม่เป็นเกียรติยศ แต่หากพ่ายแพ้ก็จะได้รับความอับอาย จึงหนีไปอยู่ป่าและคิดจะตายอยู่ที่นั่น แต่ไม่นานคุตติละก็เกิดกลัวตายจึงกลับไปบ้าน และกลับกลัวอับอายขึ้นมาอีกจึงเข้าป่าไป เป็นเช่นนี้อยู่ถึง 6 วัน
พระอินทร์รู้เรื่องจึงลงไปหาแล้วแนะว่าในวันแข่งขัน ให้คุตติละดีดพิณและทยอยเด็ดสายพิณทิ้งทีละสาย ครั้นครบ 7 สายก็ให้ดีดคันพิณเปล่า เสียงพิณก็จะดังไปทั่วเมือง ได้ยินไปไกลถึง 12 โยชน์ แล้วพระอินทร์ก็ประทานบ่วงให้ 3 เส้น บอกว่าเมื่อเสียงพิณดังขึ้นทั่วพระนครแล้ว ให้คุตติละโยนบ่วงขึ้นไปในอากาศทีละเส้น จะมีนางอัปสรลอยมาฟ้อนรำคราวละ 300 นาง
ครั้นถึงวันแข่งขันคุตติละทำตามคำแนะนำของพระอินทร์ เสียงพิณก็ดังทั่วเมืองและมีนางอัปสรมาฟ้อนรำ ฝ่ายมุสิละเห็นอาจารย์เด็ดสายพิณทีละเส้นก็ทำตาม เมื่อเด็ดสายพิณจนหมดแล้วก็ดีดพิณต่อไปไม่ได้ พระเจ้าพรหมทัตสั่นพระเศียรไม่พอพระทัย มหาชนทั้งหลายในที่นั้นจึงกรูกันเข้าไปด่าว่ามุสิละว่าเป็นคนชั่ว คนถ่อย คิดสู้กับครูของตน แล้วช่วยกันทุบตีจนมุสิละสิ้นชีวิต ลากไปทิ้งไว้ที่กองขยะ
พระอินทร์ให้พระมาตุลีนำรถเวชยันต์เทียมม้า 1,000 ตัวมารับคุตติละไปยังเทวโลกเพื่อดีดพิณให้เหล่านางอัปสรฟัง คุตติละต้องการรู้ว่านางอัปสรเหล่านั้นทำบุญกุศลใดจึงได้เสวยทิพยสมบัติ เหล่านางอัปสรต่างก็บอกผลบุญต่างๆ ที่ตนได้กระทำมา เช่น การถวายผ้าห่ม ดอกไม้ เครื่องบริโภคแด่พระภิกษุ การฟังธรรม ถือขันติ บริจาคทาน และรักษาศีล เป็นต้น คุตติละดีใจมากที่ได้รู้ว่าการทำบุญแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ได้เสวยทิพยสมบัติ เมื่อกลับถึงโลกมนุษย์แล้วจึงไปเล่าให้ผู้คนทั้งหลายฟัง ทุกคนต่างทำบุญทำทาน เมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็ไปตามผลบุญของตน
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory