TLD-003-4411
สัมมิลละหาสินี (ชื่อตัวละคร)
อนนุโสจิยชาดก นิบาตชาดก
สัมมิลละหาสินีเป็นตัวละครในเรื่องอนนุโสจิยชาดก จตุกกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในแผ่นดินพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติในตระกูลพราหมณ์ เมื่อเจริญวัยไปศึกษาศิลปวิทยาที่เมืองตักสิลา ครั้นเรียนสำเร็จกลับมาบ้าน บิดามารดาหาหญิงคนหนึ่งมาให้เป็นภรรยา บุรุษโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาจะครองเรือน ตั้งใจว่าเมื่อบิดามารดาสิ้นชีวิตก็จะออกบวชเป็นดาบส แต่เมื่อบิดามารดาอ้อนวอนหนักเข้า บุรุษโพธิสัตว์จึงทำอุบายนำทองไปทำเป็นรูปหญิงงาม บอกว่าหากได้หญิงงามเช่นรูปทองก็จะยอมแต่งงานด้วย บิดามารดาจึงให้บริวารนำรูปทองไปตรวจหาหญิงงามในชมพูทวีป
บริวารทั้งหลายเดินทางไปถึงแคว้นกาสิกรัฐแล้วนำรูปทองไปตั้งไว้ ชาวเมืองที่ได้เห็นต่างสอบถามกันว่าเหตุใดนางสัมมิลละหาสินีบุตรเศรษฐีมายืนอยู่ที่นั่น เมื่อบริวารทั้งหลายรู้ว่าที่แคว้นนี้มีหญิงงามดังรูปทองก็ไปสู่ขอนางที่บ้านเศรษฐี แต่นางสัมมิลละหาสินีไม่ปรารถนาจะออกเรือนจึงบอกว่าจะขอบวชเมื่อบิดามารดาสิ้นชีวิต บิดามารดาไม่ยอม รับรูปทองไว้ แล้วส่งนางไปกับเหล่าบริวารที่มาสู่ขอ บุรุษโพธิสัตว์กับนางสัมมิลละหาสินีจึงต้องแต่งงานกัน แต่แม้จะนอนร่วมเตียงเดียวกัน ทั้งสองก็มิได้มีกิเลสกามต่อกัน
ต่อมาเมื่อบิดามารดาของบุรุษโพธิสัตว์สิ้นชีวิต บุรุษโพธิสัตว์ประสงค์จะออกบวชจึงมอบทรัพย์ 80 โกฏิให้นางสัมมิลละหาสินีครอบครอง แต่นางปฏิเสธและจะขอออกบวชด้วย ทั้งคู่จึงบริจาคทานและไปบวชอยู่ในป่าหิมพานต์ ต่อมาดาบสโพธิสัตว์และดาบสินีอยากเสพอาหารที่มีรสเปรี้ยวและเค็มจึงพากันเข้าไปพักอยู่ในอุทยานเมืองพาราณสี ดาบสินีได้ฉันอาหารที่ระคนกันก็เกิดเป็นโรคลงโลหิต เมื่อถึงเวลาภิกขาจารนางเดินต่อไปไม่ไหว ดาบสโพธิสัตว์จึงให้นางนอนพักอยู่ที่ศาลาริมทาง ส่วนตนก็เที่ยวภิกขาจารต่อไป ระหว่างที่ดาบสโพธิสัตว์ยังไม่กลับ ดาบสินีก็สิ้นชีวิต คนทั้งหลายผ่านมาพบ เห็นรูปสมบัติของดาบสินีก็พากันร้องไห้เสียดาย
เมื่อดาบสโพธิสัตว์กลับมา รู้ว่าดาบสสินีตายก็นิ่งเฉย แล้วนั่งฉันอาหารอยู่ข้างๆ ศพนาง คนทั้งหลายสงสัยว่าดาบสเป็นอะไรกับดาบสินี เมื่อรู้ว่าครั้งที่เป็นฆราวาสทั้งสองเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อนก็สอบถามว่าเหตุใดดาบสโพธิสัตว์จึงไม่ร้องไห้ ดาบสโพธิสัตว์ตอบว่าขณะที่นางมีชีวิตอยู่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของตน แต่เมื่อนางตายไปแล้วย่อมไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก แล้วดาบสโพธิสัตว์ก็แสดงธรรมถึงความไม่เที่ยงว่า บุคคลไม่ควรเศร้าโศกถึงผู้ที่ตายไปแล้วเพราะเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ แต่พึงเศร้าโศกถึงตนเองซึ่งต้องไปสู่อำนาจของมัจจุราชอยู่ทุกเวลา แล้วสอนว่าอายุสังขารย่อมเสื่อมไปทุกอิริยาบถทั้งกลางวันและกลางคืน วัยย่อมเสื่อมไปทั้งตอนที่ลืมตาและหลับตา และอัตภาพย่อมบกพร่องไปตามกาลเวลา ผู้ที่มีชีวิตอยู่จึงควรมีเมตตาปรานีต่อกัน คนทั้งหลายได้ฟังแล้วก็ช่วยกันจัดการศพดาบสินี ส่วนดาบสโพธิสัตว์ก็กลับไปป่าหิมพานต์ บำเพ็ญฌานและอภิญญา เมื่อสิ้นชีวิตแล้วได้ไปเกิดในพรหมโลก
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory