TLD-003-4516
สิริวิบุลกิตติ (ชื่อตัวละคร)
สิริวิบุลกิตติชาดก ปัญญาสชาดก
สิริวิบุลกิตติเป็นตัวละครในเรื่องสิริวิบุลกิตติชาดก ในปัญญาสชาดก สิริวิบุลกิตติ เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นโอรสพระเจ้ายศกิตติ*กับนางสิริมดี*มเหสีแห่งเมืองจัมปากนคร*
สิริวิบุลกิตติจุติมาปฏิสนธิในครรภ์ของนางสิริมดี พระเจ้ายศกิตติเป็นพระราชาที่ทรงเคร่งครัดในศีลและมีเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์มาก จึงเป็นเหตุให้พระเจ้าวิลุปราช* ทรงยกทัพมาหมายชิงเมือง เพราะทรงรู้ว่าจะเอาชนะได้ง่าย ด้วยทรงเชื่อมั่นว่าพระเจ้ายศกิตติจะไม่ทรงต่อสู้ที่จะเป็นเหตุให้ต้องทำลายชีวิตผู้อื่นและทำให้เกิดสงครามก่อความทุกข์ร้อนแก่ราษฎร
เมื่อทัพของพระเจ้าวิลุปราชประชิดเมืองจัมปากนคร พระเจ้ายศกิตติทรงห้ามเหล่าอำมาตย์ออกรบและทรงสละเมืองออกบวชเป็นฤๅษี โดยมีนางสิริมดีซึ่งกำลังทรงครรภ์ขอติดตามไปรับใช้ด้วย แต่พระเจ้าวิลุปราชทรงต้องการกำจัดพระเจ้ายศกิตติเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อไป จึงทรงประกาศให้รางวัลนำจับพระเจ้ายศกิตติ
ระหว่างที่อยู่ในป่าพระเจ้ายศกิตติทรงช่วยพรานป่าที่หลงทางไว้และทรงขอร้องว่าอย่านำเรื่องที่พบพระองค์ไปบอกแก่ผู้ใด แต่ด้วยความโลภ พรานป่าจึงนำความไปทูลพระเจ้าวิลุปราช แล้วนำทางให้ทหารไปจับพระเจ้ายศกิตติ เมื่อพระเจ้ายศกิตติรู้ก็อยู่ในอาการสงบ และทรงสั่งความพร้อมทั้งประทานแหวนและผ้ากัมพลแก่นางสิริมดีไว้
วันที่พระเจ้ายศกิตติทรงถูกจับไป นางสิริมดีประสูติโอรส และให้นามว่าสิริวิบุลกิตติ นางสิริมดีทรงระลึกถึงพระเจ้ายศกิตติด้วยความโศกเศร้าไม่เสื่อมคลาย แต่ก็ทรงอดทนเลี้ยงดูพระโอรสจนเติบใหญ่ สิริวิบุลกิตติมีความกตัญญู ปรนนิบัติดูแลพระมารดาอย่างดี ทรงสังเกตเห็นพระมารดาโศกเศร้าอยู่เสมอ จึงทรงไต่ถามจนรู้ความจริงทั้งหมด ทำให้พระองค์ปรารถนาจะได้พบพระบิดา แต่นางสิริมดีทัดทานไว้ สิริวิบุลกิตติทรงอ้อนวอนขอร้องว่าพระองค์ทรงปรารถนาที่จะแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระบิดา นางจึงจำใจอนุญาต และมอบแหวนกับผ้ากัมพลให้โอรสนำติดตัวไป แต่เมื่อสิริวิบุลกิตติเสด็จจากไปไม่นาน นางสิริมดีก็สิ้นพระชนม์เพราะความตรอมพระทัย
เมื่อสิริวิบุลกิตติเสด็จถึงเมืองจัมปากนคร เป็นช่วงเวลาเดียวกับพระเจ้าวิลุปราชทรงสั่งให้ประหารชีวิตพระเจ้ายศกิตติ สิริวิบุลกิตติได้เข้าเฝ้าพระเจ้ายศกิตติเพื่อขอสละชีวิตของพระองค์แทน พระเจ้ายศกิตติทรงเห็นแหวนและผ้ากัมพลก็ทรงจำได้ จึงตรัสห้ามแต่สิริวิบุลกิตติยืนยันความตั้งใจ จึงได้เข้าเฝ้าพระเจ้าวิลุปราชขอแลกชีวิตของพระองค์กับพระบิดา พระเจ้าวิลุปราชทรงยินยอม
สิริวิบุลกิตติอัญเชิญเทวดาเป็นสักขีพยานว่าการยอมสละเลือด เนื้อ และชีวิตเพื่อแสดงความกตัญญูต่อพระบิดาครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์แห่งพระโพธิญาณในภายภาคหน้า ด้วยอำนาจของความกตัญญู เมื่อเพชฌฆาตจะบั่นพระเศียร ดาบของเพชฌฆาตก็หักเป็นจุณ เมื่อปล่อยช้างซับมันให้เหยียบ ช้างนั้นกลับกู่ร้องแล้วหนีไป เมื่อถูกจับโยนลงในหลุมถ่านเพลิง ดอกบัวใหญ่ก็ผุดขึ้นมารองรับไว้ และเมื่อถูกจับโยนในเหว นาคราชได้นำดอกบัวทองมารองรับและพาไปยังนาคพิภพ ฝ่ายพระเจ้าวิลุปราชผู้ออกคำสั่งประหารถูกแผ่นดินสูบลงไปในมหานรก
ต่อมานาคราชและบริวารได้นำสิริวิบุลกิตติขึ้นมาจากนาคพิภพและอภิเษกให้เป็นพระราชาครองเมืองจัมปากนคร สิริวิบุลกิตติทรงระลึกถึงพระมารดา จึงได้นำเสด็จพระบิดาไปรับพระมารดา แต่กลับพบว่าพระมารดาได้สิ้นพระชนม์แล้วก็เสียพระทัยอย่างยิ่ง และทรงคิดว่ากายสังขารเป็นสิ่งที่ไม่มีแก่นสารและต้องถึงกาลวิบัติในภายภาคหน้า จึงจะสนองคุณพระมารดาด้วยการเผาตนไปพร้อมกับพระมารดา แต่ด้วยอำนาจของความกตัญญูและบุญญาธิการ เพลิงนั้นได้เผาไหม้พระศพของนางสิริมดีจนเป็นเถ้า แต่ไม่อาจทำอันตรายใดๆ ต่อสรีระของสิริวิบุลกิตติได้ เหตุอัศจรรย์ดังกล่าวทำให้แผ่นดิน มหาสมุทร ท้องฟ้า และเขาพระสุเมรุสั่นสะเทือน
เมื่อเสร็จพิธีพระศพพระมารดาแล้ว พระเจ้าสิริวิบุลกิตติเสด็จไปสร้างหมู่บ้านไว้ใกล้บรรณศาลาที่พระมารดาเคยอาศัยอยู่ และตั้งชื่อหมู่บ้านว่า ธัมมนิคม โดยให้มีการมหรสพที่หมู่บ้านนั้นทุกปีเพื่อระลึกถึงพระมารดา พระเจ้าสิริวิบุลกิตติทรงเป็นธรรมราชาที่ครองเมืองจัมปากนครให้ผาสุกตลอดมา เมื่อสิ้นอายุจึงไปเกิดในสวรรค์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory