โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. สิโสร, พระเจ้า

สิโสร, พระเจ้า

  • สิโสร, พระเจ้า
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-4523
ชื่อ
สิโสร, พระเจ้า ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
สิโสรชาดก   ปัญญาสชาดก  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง

พระเจ้าสิโสรเป็นตัวละครในเรื่องสิโสรชาดก ในปัญญาสชาดก (พระสี่เสาร์* ในพระสี่เสาร์กลอนสวด) เป็นพระโพธิสัตว์   เป็นพระราชาครองเมืองอนันตนคร*  มีมเหสีชื่ออนันตเทวี*

พระเจ้าสิโสรเป็นผู้ทรงธรรม บริจาคทานและรักษาศีลเป็นนิตย์ มีเดชานุภาพแผ่ไพศาลเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งชมพูทวีป กษัตริย์น้อยใหญ่ถวายเครื่องบรรณาการกันอย่างเนืองแน่นทุกปี จนแก้วมีค่าที่ประดับมงกุฎและสังวาลของบรรดากษัตริย์ครูดสีกันหลุดออกมาเกลื่อนกล่นบนพื้น

วันหนึ่งพระเจ้าสิโสรฝันเห็นยอดปราสาทหักตกลงมาเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย ปุโรหิตทำนายว่าจะมีบาปเคราะห์ พระเสาร์จะทับลัคนา  ทำให้พระเจ้าสิโสรต้องพลัดพรากจากที่อยู่  ขอให้ทำพลีกรรมแด่พระเสาร์ในอีก 7 วัน พระเจ้าสิโสรได้ฟังคำทำนายก็กริ้ว เพราะทะนงว่าตนเป็นเทพไม่ต่างกับพระเสาร์ จึงพร้อมจะสู้กับพระเสาร์ทุกเมื่อ

เมื่อถึงวันที่ 7 พระเจ้าสิโสรมีอาการรุ่มร้อนดั่งเป็นบ้า วิ่งไล่ฟาดพระขรรค์ใส่ทหาร แล้วขึ้นม้าไป แต่เคราะห์ร้ายของพระองค์รุนแรงมากจนม้าทรงที่เคยเหาะได้กลับกลายเป็นม้าธรรมดาวิ่งไปได้ 30 โยชน์ก็สิ้นกำลัง ส่วนพระเจ้าสิโสรก็เหนื่อยล้าเพราะไม่เคยลำบาก เมื่อหวนนึกถึงคำทำนายของปุโรหิต ก็ได้แต่เสียใจที่ทะนงตนมากเกินไปจนต้องพลัดจากบ้านเมืองได้รับทุกขเวทนา

เมื่อพระเจ้าสิโสรจูงม้าเดินผ่านที่นาของชาวนา 3 คน ได้ถูกชาวนากล่าวหาว่าเป็นโจร ชาวนาคนแรกเห็นมงกุฎของพระเจ้าสิโสรเป็นกระบายข้าวจึงโบยตีพระเจ้าสิโสรและกล่าวหาว่าเป็นโจรลักกระบายข้าวของตน จนพระเจ้าสิโสรต้องยอมมอบมงกุฎให้ชาวนาไป เมื่อผ่านที่นาของชาวนาคนที่ 2 ซึ่งกำลังดักซุ่มจับโจรลักข้าว ชาวนาเห็นพระขรรค์ของพระเจ้าสิโสรเป็นเคียวเกี่ยวข้าวจึงเข้ามาโบยตีกล่าวหาว่าพระเจ้าสิโสรเป็นโจรมาลักเกี่ยวข้าวในนา พระเจ้าสิโสรจึงต้องมอบพระขรรค์ให้ชาวนาไป ส่วนชาวนาคนที่ 3 เห็นม้าทรงเป็นโคที่หายไปของตน จึงเข้ามาทุบตีเตะต่อยพระเจ้าสิโสร   พระเจ้าสิโสรที่ร่างกายบอบช้ำไม่อาจต่อสู้ได้ ชาวนาจึงชิงม้าที่ทรงรักมากไป

พระเจ้าสิโสรบาดเจ็บหนักเหลือแต่พระภูษาติดกาย ร่ำไห้ด้วยความรันทดต่อชะตาชีวิต พยุงกายเดินต่อไปถึงอารามแห่งหนึ่ง  พบสามเณรที่มีความผูกพันกันมาแต่กาลก่อนเข้ามาช่วยเหลือ เหล่าภิกษุรู้เรื่องจากสามเณรจึงได้ช่วยกันรักษาดูแลพระเจ้าสิโสรจนหายดี

พระเจ้าสิโสรคิดที่จะบวชแต่ยังขาดจีวร  จึงมอบผ้าภูษาของพระองค์ให้ภิกษุไปเย็บเป็นจีวร  นำไปย้อมที่นอกอาราม ระหว่างนั้นมีชาย 5 คนเที่ยวตามหาโคที่หายไป เห็นควันไฟจึงเข้ามาดู กลับเห็นผ้าจีวรที่ตากอยู่เป็นหนังโค รัตคดเป็นไส้โค ชิ้นกรักในหม้อเป็นเครื่องในทั้งหลาย น้ำต้มกรักกลายเป็นเลือดโค จึงกรูกันเข้ามาเตะต่อยพระเจ้าสิโสร พระเจ้าสิโสรพยายามอธิบายแต่ทุกคนไม่ฟัง พระเจ้าสิโสรจึงขอให้ไปถามภิกษุในอาราม ชายทั้งห้าใช้เชือกผูกคอพระเจ้าสิโสรลากไปไต่ถามความจริงจากภิกษุ ภิกษุยืนยันว่าพระเจ้าสิโสรกำลังย้อมจีวร ชายทั้งห้าจึงกล่าวหาว่าภิกษุปกป้องโจรแล้วลากพระเจ้าสิโสรไป  แต่สามเณรได้ตามไปอ้อนวอนชายทั้งห้าให้ปล่อยตัวพระเจ้าสิโสร   โดยสัญญาว่าหากพระเจ้าสิโสรหนีหายไป ขอให้จับตนไปลงโทษแทน

เมื่อพระเจ้าสิโสรพักรักษาตัวจนหายดีแล้ว ภิกษุเกรงว่าชายทั้งห้าจะกลับมาทำร้ายอีก จึงขอให้พระเจ้าสิโสรหาที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัย พระเจ้าสิโสรลาภิกษุออกจากอารามมาถึงเรือนของตายายคู่หนึ่งจึงได้ขออาศัยอยู่ด้วย รุ่งเช้าตายายจะนำเมล็ดพันธุ์พืชไปปลูกแต่เมล็ดพันธุ์พืชหายไป จึงกล่าวโทษพระเจ้าสิโสรว่าขโมยไป และเมื่อแก้ขอดผ้าภูษาที่พระเจ้าสิโสรเก็บแก้วมีค่าไว้ กลับเห็นแก้วมีค่าเป็นเมล็ดพืชของตน จึงพากันทุบตีพระเจ้าสิโสรแล้วไล่ออกจากเรือน

พระเจ้าสิโสรเดินทางต่อไปจนถึงเมืองอจลนครและปลอมตัวเป็นขอทาน  ได้ยินขอทานทั้งหลายพูดคุยกันว่าพระธิดาสุทัตตเทวี*ออกมาอยู่เรือนนอกวังและบริจาคอาหารเป็นทานทุกวัน พระเจ้าสิโสรจึงไปร่วมรับทานด้วย โดยยืนคลุมหน้าและไม่ได้หมอบคลานเหมือนคนอื่น  เมื่อเห็นนางสุทัตตเทวีเดินออกมาก็ตกตะลึงจนเปิดผ้าคลุมหน้าออกเพื่อมองอย่างเต็มตา และเมื่อได้สบตากันก็มีใจปฏิพัทธ์ต่อกันด้วยเป็นคู่กันมาตั้งแต่อดีตชาติ นางสุทัตตเทวีจึงให้ทาสีนำพระเจ้าสิโสรไปอยู่ที่เรือนไฟ และให้ทาสีคอยสังเกตกิริยาการกินอยู่ของพระเจ้าสิโสรจนมั่นใจว่าไม่ใช่ชายสามัญ  จึงรับพระเจ้าสิโสรเข้ามาอยู่ในเรือนและอยู่ร่วมกันจนนางตั้งครรภ์ และประสูติโอรส

พระเจ้ากินนุวัตตราช*พระบิดาของนางสุทัตตเทวีรู้เรื่องก็กริ้ว แต่เอ็นดูพระนัดดาจึงมอบอ่างทองและให้แม่นมไปดูแล  พร้อมทั้งสั่งให้คอยจับผิดพระเจ้าสิโสรให้ได้ เหล่าแม่นมพยายามหาทางจับผิดแต่ไม่อาจหาโทษเรื่องใดได้ จึงแสร้งบริภาษเปรียบเปรยพระเจ้าสิโสรว่าเป็นพวกจัณฑาลมาจากเมืองอื่นไม่มีผู้ใดรู้จักวงศ์ตระกูล  เกียจคร้าน และไม่มีความละอาย  ด้วยขัตติยมานะพระเจ้าสิโสรจึงสุดจะอดกลั้นได้   จึงคิดจะไปแต่นางสุทัตตเทวีได้อ้อนวอนขอร้องให้เห็นแก่นางและโอรส พระเจ้าสิโสรจึงใจอ่อนฝืนทนต่อคำบริภาษของทาสีต่อไป 

ต่อมาเหล่าแม่นมได้วางอุบายแสร้งทิ้งพระโอรสไว้ไม่ให้นมและอาหาร พระโอรสจึงร้องไห้เพราะความหิว พระเจ้าสิโสรเห็นพระโอรสร้องไห้ไม่หยุดจึงนำไปอาบน้ำในอ่างทองจนพระโอรสอารมณ์ชื่นบานหยุดร้องไห้ได้ แต่เหล่านางนมสบโอกาสกล่าวโทษพระเจ้าสิโสรที่ถูกน้ำกระเซ็นเปียกว่าอาจเอื้อมอาบน้ำในอ่างทองร่วมกับพระโอรส

พระเจ้ากินนุวัตตราชจึงให้นำตัวพระเจ้าสิโสรมาลงโทษ เมื่อพระเจ้าสิโสรมาอยู่เบื้องหน้าพระเจ้ากินนุวัตตราชก็ทรงยืนเฉยไม่น้อมไหว้ โดยอ้างว่าตนเป็นนักโทษหากไหว้จะไม่เป็นมงคลแก่พระเจ้ากินนุวัตตราช พระเจ้ากินนุวัตตราชได้ฟังคำดังกล่าวก็ทรงชื่นชมพระเจ้าสิโสรที่ฉลาดเฉลียวแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่คนสามัญ จึงทรงไต่ถามชื่อและที่มา เมื่อพระเจ้าสิโสรบอกชื่อและบอกว่าเป็นพระราชาครองเมืองอนันตนคร พระเจ้ากินนุวัตตราชตกใจมาก ทรุดตัวลงแทบเท้าพระเจ้าสิโสรทันที และกล่าวขออภัยโทษต่อพระเจ้าสิโสร และเชิญพระเจ้าสิโสรขึ้นนั่งราชบัลลังก์ พระเจ้าสิโสรทรงเล่าเรื่องราวความเป็นมาให้พระเจ้ากินนุวัตตราชฟัง พระเจ้ากินนุวัตตราชรับฟังด้วยความเห็นใจอย่างยิ่ง จึงขอให้พระเจ้าสิโสรขึ้นเป็นพระราชาปกครองเมืองอจลนคร

ครั้นบาปเคราะห์บรรเทาลงแล้ว ของต่างๆ ที่ชาวนาชิงไปก็กลับมาดังเดิม ชาวนาทั้งหลายร้อนใจเห็นเป็นของกษัตริย์จึงนำมาถวายแด่พระเจ้ากินนนุวัตตราช พระเจ้าสิโสรอภัยโทษแก่ชาวนา พร้อมทั้งนิมนต์ภิกษุและสามเณรที่เคยช่วยเหลือตนมารับภัตตาหาร และสั่งให้ปฏิสังขรณ์วัด  แล้วรับสามเณรเป็นราชบุตร จากนั้นส่งสารถึงนางอนันตราชเทวีมเหสีว่าปลอดภัย

นางอนันตราชเทวีจัดขบวนเกียรติยศไปรับเสด็จพระเจ้าสิโสร พระเจ้าสิโสรจึงพานางสุทัตตเทวีและโอรสกลับเมืองอนันตนคร และทรงแต่งตั้งนางอนันตราชเทวีเป็นมเหสีฝ่ายขวา และนางสุทัตตเทวีเป็นมเหสีฝ่ายซ้าย นับแต่นั้นมาพระเจ้าสิโสรได้ทำทานและรักษาศีลเป็นนิตย์ และชักชวนให้ชาวเมืองทำทานและรักษาศีล เมืองอนันตนครจึงร่มเย็นเป็นสุขเสมอมา เมื่อพระเจ้าสิโสรสิ้นอายุจึงไปเกิดบนสวรรค์

ผู้เรียบเรียง
สุมาลี ลิ้มประเสริฐ 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store