TLD-003-4586
สุตโสม 2 (ชื่อตัวละคร)
มหาสุตโสมชาดก นิบาตชาดก
สุตโสมเป็นตัวละครในเรื่องมหาสุตโสมชาดก อสีตินิบาต ในนิบาตชาดก เป็นพระโพธิสัตว์
พระราชาโกรัพยะ*แห่งนครอินทปัต*แคว้นกุรุ*ครองราชย์โดยธรรม พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโอรสชื่อสุตโสม มีพระพักตร์ดังดวงจันทร์ และมีพระนิสัยรักการศึกษา เมื่อเจริญวัยได้ออกเดินทางไปยังเมืองตักสิลาเพื่อศึกษาศิลปศาสตร์ ระหว่างทางได้พบกับพรหมทัตกุมาร*โอรสพระเจ้ากาสีแห่งกรุงพาราณสี และได้เป็นมิตรกัน เล่าเรียนในสำนักอาจารย์เดียวกัน พร้อมกับราชบุตรอื่นๆ ในชมพูทวีปอีก 101 องค์ สุตโสมกุมารสำเร็จการศึกษาในเวลาไม่นาน และได้ช่วยสอนพรหมทัตกุมารให้ศึกษาได้รวดเร็วทันกัน ส่วนราชบุตรอื่นๆ ก็สำเร็จการศึกษาในลำดับต่อๆ กันมา ทั้งหมดเดินทางกลับเมือง มีสุตโสมเป็นหัวหน้า เมื่อจะแยกทางกัน สุตโสมบัณฑิตสั่งราชบุตรทั้งหลายว่า เมื่อกลับไปครองราชย์แล้วให้รักษาอุโบสถและอย่าเบียดเบียนผู้ใด ราชบุตรทั้งหลายก็ปฏิบัติตามทุกประการ แต่พระสุตโสมโพธิสัตว์รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดมหาภัยในนครพาราณสีเหตุเพราะพรหมทัตกุมาร
พรหมทัตกุมารได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าพรหมทัต พระองค์เว้นการเสวยเนื้อไม่ได้แม้ในวันอุโบสถ วันหนึ่งคนทำเครื่องต้นเผลอ สุนัขหลวงในพระราชวังกินเนื้อที่เก็บไว้ถวายพระราชาหมด คนทำเครื่องต้นกลัวถูกลงโทษ เที่ยวหาซื้อเนื้อทั้งเมืองก็หาไม่ได้ เวลาค่ำจึงเข้าไปในป่าช้าผีดิบนำเนื้อคนที่เพิ่งตายมาทำเครื่องเสวย เมื่อพระราชาเสวยก็รู้สึกซาบซ่านทั่วพระสรีระ มีคำอธิบายว่าเป็นเพราะเคยเสวยเนื้อมนุษย์มาแล้วในชาติก่อนๆ เพราะทรงเคยเกิดเป็นยักษ์ พระเจ้าพรหมทัตทรงคาดคั้นถามจากคนทำเครื่องต้นจนยอมสารภาพว่าเป็นเนื้อมนุษย์ พระองค์จึงสั่งให้ทำเนื้อแบบนี้ให้เสวยทุกวันโดยใช้เนื้อคนในเรือนจำ ครั้นต่อมาคนในเรือนจำหมด พระราชาสั่งให้คนทำเครื่องต้นนำถุงทรัพย์ไปทิ้งไว้ระหว่างทาง ใครเดินมาหยิบถุงนั้นให้กล่าวหาว่าเป็นโจรแล้วฆ่าเสีย นำเนื้อมาเป็นอาหาร ต่อมาไม่มีใครยอมมองดูถุงทรัพย์ที่ตกอยู่เพราะทุกคนกลัว พระราชาสั่งให้ไปดักฆ่าคนตามตรอกในเวลาเที่ยงคืน คนทำเครื่องต้นก็ทำตามทุกวัน นำเนื้อคนส่วนดีๆ ไปทำอาหาร ทิ้งซากศพไว้ทั่วเมือง พร้อมกับเสียงชาวเมืองร้องไห้คร่ำครวญหาญาติที่หายไป
ชาวเมืองพากันหวาดกลัวไม่รู้ว่าศพเหล่านั้นถูกสิงห์หรือเสือหรือยักษ์มากิน ดูจากบาดแผลก็เชื่อว่าต้องเป็นมนุษย์ทำร้าย จึงพากันไปร้องเรียนพระราชาให้จับผู้ร้าย แต่พระองค์ไม่สนพระทัย จึงพากันไปแจ้งกาฬหัตถี*เสนาบดี เสนาบดีสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลตรวจตราจับผู้ร้ายให้ได้ คืนนั้นก็จับคนทำเครื่องต้นได้ที่ตรอกแห่งหนึ่ง ประชาชนจับมัดแล้วเอากระเช้าที่ใส่เนื้อคนแขวนคอไว้ เมื่อเสนาบดีไต่สวนคนทำเครื่องต้นก็รับว่าทำให้พระราชาเสวย รุ่งเช้าจึงนำนักโทษเข้าเฝ้าพระราชา ท้าวพรหมทัตยอมรับความจริง ทั้งยังตรัสว่าจะไม่ยอมอดเนื้อมนุษย์ กาฬหัตถีเสนาบดีพยายามเจรจาอยู่เป็นเวลานานให้พระราชาเลิกเสวยเนื้อมนุษย์แต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็ต้องเนรเทศพระราชาออกจากเมืองไปพร้อมกับคนทำเครื่องต้น โดยพระราชาขอดาบ 1 เล่มและภาชนะต้มอาหาร เมื่อเข้าไปอยู่ในป่าพระองค์ไปยืนดักฆ่าคนที่เดินทางผ่านไปมา นำไปให้คนทำเครื่องต้นทำอาหาร เวลาพระราชาร้องขึ้นว่าตนเป็นโจรกินคนชื่อโปริสาท*แล้ววิ่งเข้าหา คนที่พบจะไม่สามารถดำรงตนอยู่ได้ ต้องล้มลงทุกคนด้วยอำนาจของเสียงอันดังนั้น วันหนึ่งโปริสาทไม่ได้คนกลับมา ก็สั่งให้คนทำเครื่องต้นตั้งหม้อบนเตาแล้วฆ่าเสียนำเนื้อมาปรุงอาหารเอง เรื่องของโปริสาทเลื่องลือไปทั่วชมพูทวีป
วันหนึ่งโปริสาทปล้นขบวนค้าขายของพราหมณ์หนุ่ม จับพราหมณ์ทางด้านเท้าห้อยหัวลงแล้วแบกไป คนคุ้มกันไล่ติดตาม โปริสาทถูกตอตะเคียนแทงทะลุหลังเท้าจึงหนีเอาตัวรอดไปนอนพักใต้ต้นไทร แล้วบนรุกขเทวดาว่าถ้าช่วยให้แผลหายภายใน 7 วันจะล้างลำต้นด้วยเลือดคอของกษัตริย์ 101 องค์ในชมพูทวีป และเมื่อแผลหายภายใน 7 วัน โปริสาทก็คิดว่าเป็นอานุภาพของรุกขเทวดา เพื่อเป็นการแก้บนจึงออกตามหากษัตริย์ 101 องค์ เมื่อพบแล้วก็ร้องประกาศชื่อตนพร้อมโห่เสียงดังลั่นให้ตกพระทัยแล้วจับพระบาทให้เศียรห้อยลงและเตะศีรษะ เจาะพระหัตถ์กษัตริย์เหล่านั้น แล้วร้อยด้วยเชือกผูกแขวนไว้ใต้ต้นไทร ภายใน 3 วันก็จับกษัตริย์ได้ครบ ห้อยกวัดแกว่งอยู่ดูราวกับพวงดอกหงอนไก่เหี่ยวๆ ดูน่าสังเวช ยกเว้นพระเจ้าสุตโสมโปริสาทไม่ได้จับไปเพราะเห็นว่าเป็นอาจารย์ของตน และเกรงว่าชมพูทวีปจะว่างเปล่าจากกษัตริย์ หลังจากนั้นก็ก่อกองไฟจะทำพลีกรรม
อันที่จริงแผลของโปริสาทนั้นหายเอง เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นรุกขเทวดาแห่งต้นไทรไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้จึงไปเล่าให้มหาราชทั้งสี่ฟังและขอให้ช่วยห้าม ท้าวมหาราชตอบว่าไม่อาจห้ามได้ รุกขเทวดาจึงไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) ขอให้ช่วยห้าม ท้าวสักกะตรัสว่าไม่สามารถห้ามได้ ในโลกนี้มีเพียงผู้เดียวที่จะทรมานโปริสาทให้หายพยศได้คือพระเจ้าสุตโสมแห่งนครอินทปัต รุกขเทวดาจึงปลอมเป็นพราหมณ์ล่อให้โปริสาทวิ่งไล่ตามไปไกลถึง 3 โยชน์ก็ไม่ทัน โปริสาทร้องให้พราหมณ์หยุด พราหมณ์ว่าตนหยุดแล้วแต่โจรยังไม่หยุดทำบาป เมื่อตายจากโลกนี้แล้วจะต้องไปเกิดในนรก พราหมณ์สั่งให้โปริสาทจับพระเจ้าสุตโสมมาทำพลีกรรมด้วย โปริสาทรู้ว่าวันรุ่งขึ้นพระเจ้าสุตโสมจะเสด็จลงสรงและสระพระเศียรในอุทยานจึงไปดักรออยู่
พราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อนันทะ*เดินทางจากเมืองตักสิลา*มาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าสุตโสมเพื่อท่องคาถาวิเศษชื่อสตารหา 4 พระคาถาถวาย พระเจ้าสุตโสมขอผัดไปทำพิธีสระพระเศียรก่อน วันรุ่งขึ้นจะกลับมาฟังคาถาจากนันทพราหมณ์ เมื่อเสด็จถึงอุทยาน มีขบวนทหารป้องกันแน่นหนา เมื่อสรงสนานเสร็จยังไม่ทันแต่งพระองค์ โปริสาทผุดขึ้นจากน้ำ โห่ลั่นประกาศนามตนเอง ราชบริพารต่างก็ล้มลงทิ้งอาวุธหมอบราบ โปริสาทจับพระเจ้าสุตโสมยกขึ้นวางบนบ่าพาวิ่งไปอย่างรวดเร็วราวลมพัดไปได้ไกล 3 โยชน์ เห็นไม่มีใครตามมาก็ค่อยๆ เดินไปพลางสนทนากับพระเจ้าสุตโสมว่ากำลังทรงคิดถึงอะไร ทรัพย์สมบัติหรือลูกเมีย พระเจ้าสุตโสมตอบว่าคิดถึงเรื่องที่ได้นัดหมายไว้กับนันทพราหมณ์ พระองค์จะต้องรักษาสัตย์ว่าจะกลับไปฟังคาถาของพราหมณ์และขอไปพบพราหมณ์ตามนัดก่อน รุ่งขึ้นจะรีบกลับมาให้โปริสาทกินแต่เช้า โปริสาทไม่เชื่อ พระเจ้าสุตโสมทรงสาบานและกล่าวว่าโปริสาทเคยรู้จักพระองค์มาตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่เคยพูดเท็จ บัดนี้พระองค์เป็นกษัตริย์จะพูดเท็จได้อย่างไร ในที่สุดโปริสาทก็ปล่อยพระเจ้าสุตโสมไป
เมื่อถึงเมืองพระเจ้าสุตโสมทรงให้หาพราหมณ์นันทะมากล่าวคาถาสตารหาถวาย คาถานี้พระกัสสปพุทธเจ้าได้แสดงไว้จึงนับเป็นคาถาที่ประเสริฐสุด ทำให้พระเจ้าสุตโสมทรงโสมนัสอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นพระเจ้าสุตโสมเสด็จไปหาโปริสาทแล้วเชิญให้โปริสาทบูชายัญกินพระองค์ พระเจ้าสุตโสมทรงแสดงอานิสงส์ของความสัตย์และกล่าวว่าพระองค์ไม่กลัวความตายเพราะได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดเวลา คนที่อยู่ในธรรม ใครเล่าจะกลัวตาย ย่อมไม่เดือดร้อนที่จะไปสู่ปรโลก ขอเชิญให้โปริสาทบูชายัญกินพระองค์ โปริสาทได้ฟังก็ตกใจกลัวว่าพระเจ้าสุตโสมเป็นสัตบุรุษมีความรู้ดี แสดงธรรมได้ไพเราะ ถ้าตนกินพระเจ้าสุตโสม ศีรษะจะต้องแตกถึง 7 เสี่ยง คนในชมพูทวีปที่เป็นบัณฑิตเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว โปริสาทอ้อนวอนขอฟังคาถาสตารหา พระเจ้าสุตโสมเห็นว่าทรงทรมานโปริสาทให้อ่อนลงมากแล้วจึงตรัสคาถาที่นันทพราหมณ์แสดงแก่พระองค์ โปริสาทเกิดความปีติจึงขอให้พระเจ้าสุตโสมรับพร 4 ประการ พระเจ้าสุตโสมจึงขอพรดังนี้ 1. ขอชีวิตของพระองค์ 2. ขอชีวิตกษัตริย์ 101 องค์ และจะไม่กินกษัตริย์เหล่านั้น 3. ขอให้ปล่อยกษัตริย์ทั้ง 101 องค์ที่ถูกจับร้อยพระหัตถ์อยู่นั้นกลับบ้านเมืองของตน โปริสาทยอมถวายพระพรทุกข้อ ครั้นถึงพรข้อที่ 4 ก็ขอให้โปริสาทเลิกกินเนื้อมนุษย์ โปริสาทไม่อาจให้ได้เพราะการกินเนื้อมนุษย์คือการมีชีวิตอยู่ของตน พระเจ้าสุตโสมโพธิสัตว์ทรงแสดงธรรมเกลี้ยกล่อมและตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นครูของโปริสาทตั้งแต่ยังเยาว์และได้กล่าวสตารหาคาถาให้ฟังอีกด้วย โปริสาทจึงยินยอมไม่กินเนื้อมนุษย์อีกต่อไป พระเจ้าสุตโสมสั่งให้โปริสาทรับศีล 5 เหล่าเทวดาพากันส่งเสียงสรรเสริญสาธุการพระเจ้าสุตโสมที่ได้ปฏิบัติกิจที่ยากที่สุดได้สำเร็จ หลังจากนั้นพระเจ้าสุตโสมก็ชวนโปริสาทไปปลดพวกกษัตริย์ 101 องค์ลงจากที่แขวน ให้กษัตริย์ทั้งหลายปฏิญาณว่าจะไม่คิดแก้แค้นโปริสาท พระเจ้าสุตโสมและโปริสาทช่วยกันรักษาแผลและรักษาร่างกายกษัตริย์ทั้ง 101 จนแข็งแรงดีแล้วก็ส่งกลับแคว้นของตน
โปริสาทขออยู่ในป่าต่อไป ไม่ยอมกลับนครพาราณสีเพราะเกรงจะถูกประชาทัณฑ์ พระเจ้าสุตโสมนำขบวนไพร่พลพาโปริสาทไปส่ง ชาวเมืองไม่ยอมเปิดประตูรับ ด้วยความหวาดกลัวและเกลียดชังโปริสาท แต่พระเจ้าสุตโสมสั่งให้เปิดประตูเมืองแล้วแสดงธรรมสั่งสอนพระเจ้าพาราณสีองค์ใหม่ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าพรหมทัต (โปริสาท) ให้ทำหน้าที่บุตรที่ต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เมื่อตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ พระมเหสีหรือเสนาบดีก็ต้องทำหน้าที่ของตน พระเจ้าสุตโสมทรงรับรองว่าพระเจ้าพรหมทัตเลิกเสวยเนื้อมนุษย์แล้ว พระราชาซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าพรหมทัตและเสนาบดีได้ฟังธรรมก็ปลื้มปีติ ตีกลองประชุมชาวเมืองประกาศว่าพระราชาทรงตั้งอยู่ในศีลแล้ว จึงเชิญเสด็จมาครองราชย์ต่อไป พระเจ้าพรหมทัตโปริสาทครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม บำเพ็ญทาน รักษาศีล ทรงกระทำพลีกรรมแก่รุกขเทวดาที่ต้นไทรซึ่งมีอุปการคุณต่อพระองค์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory