โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. สุตโสม 2

สุตโสม 2

  • สุตโสม 2
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-4586
ชื่อ
สุตโสม 2 ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
มหาสุตโสมชาดก   นิบาตชาดก  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง

สุตโสมเป็นตัวละครในเรื่องมหาสุตโสมชาดก  อสีตินิบาต  ในนิบาตชาดก เป็นพระโพธิสัตว์

พระราชาโกรัพยะ*แห่งนครอินทปัต*แคว้นกุรุ*ครองราชย์โดยธรรม  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโอรสชื่อสุตโสม มีพระพักตร์ดังดวงจันทร์ และมีพระนิสัยรักการศึกษา  เมื่อเจริญวัยได้ออกเดินทางไปยังเมืองตักสิลาเพื่อศึกษาศิลปศาสตร์  ระหว่างทางได้พบกับพรหมทัตกุมาร*โอรสพระเจ้ากาสีแห่งกรุงพาราณสี และได้เป็นมิตรกัน  เล่าเรียนในสำนักอาจารย์เดียวกัน  พร้อมกับราชบุตรอื่นๆ ในชมพูทวีปอีก 101 องค์  สุตโสมกุมารสำเร็จการศึกษาในเวลาไม่นาน และได้ช่วยสอนพรหมทัตกุมารให้ศึกษาได้รวดเร็วทันกัน  ส่วนราชบุตรอื่นๆ ก็สำเร็จการศึกษาในลำดับต่อๆ กันมา  ทั้งหมดเดินทางกลับเมือง  มีสุตโสมเป็นหัวหน้า  เมื่อจะแยกทางกัน  สุตโสมบัณฑิตสั่งราชบุตรทั้งหลายว่า เมื่อกลับไปครองราชย์แล้วให้รักษาอุโบสถและอย่าเบียดเบียนผู้ใด  ราชบุตรทั้งหลายก็ปฏิบัติตามทุกประการ  แต่พระสุตโสมโพธิสัตว์รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดมหาภัยในนครพาราณสีเหตุเพราะพรหมทัตกุมาร

พรหมทัตกุมารได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าพรหมทัต  พระองค์เว้นการเสวยเนื้อไม่ได้แม้ในวันอุโบสถ  วันหนึ่งคนทำเครื่องต้นเผลอ  สุนัขหลวงในพระราชวังกินเนื้อที่เก็บไว้ถวายพระราชาหมด  คนทำเครื่องต้นกลัวถูกลงโทษ เที่ยวหาซื้อเนื้อทั้งเมืองก็หาไม่ได้  เวลาค่ำจึงเข้าไปในป่าช้าผีดิบนำเนื้อคนที่เพิ่งตายมาทำเครื่องเสวย  เมื่อพระราชาเสวยก็รู้สึกซาบซ่านทั่วพระสรีระ  มีคำอธิบายว่าเป็นเพราะเคยเสวยเนื้อมนุษย์มาแล้วในชาติก่อนๆ เพราะทรงเคยเกิดเป็นยักษ์  พระเจ้าพรหมทัตทรงคาดคั้นถามจากคนทำเครื่องต้นจนยอมสารภาพว่าเป็นเนื้อมนุษย์  พระองค์จึงสั่งให้ทำเนื้อแบบนี้ให้เสวยทุกวันโดยใช้เนื้อคนในเรือนจำ  ครั้นต่อมาคนในเรือนจำหมด  พระราชาสั่งให้คนทำเครื่องต้นนำถุงทรัพย์ไปทิ้งไว้ระหว่างทาง  ใครเดินมาหยิบถุงนั้นให้กล่าวหาว่าเป็นโจรแล้วฆ่าเสีย  นำเนื้อมาเป็นอาหาร  ต่อมาไม่มีใครยอมมองดูถุงทรัพย์ที่ตกอยู่เพราะทุกคนกลัว  พระราชาสั่งให้ไปดักฆ่าคนตามตรอกในเวลาเที่ยงคืน  คนทำเครื่องต้นก็ทำตามทุกวัน  นำเนื้อคนส่วนดีๆ ไปทำอาหาร  ทิ้งซากศพไว้ทั่วเมือง พร้อมกับเสียงชาวเมืองร้องไห้คร่ำครวญหาญาติที่หายไป

ชาวเมืองพากันหวาดกลัวไม่รู้ว่าศพเหล่านั้นถูกสิงห์หรือเสือหรือยักษ์มากิน  ดูจากบาดแผลก็เชื่อว่าต้องเป็นมนุษย์ทำร้าย  จึงพากันไปร้องเรียนพระราชาให้จับผู้ร้าย  แต่พระองค์ไม่สนพระทัย  จึงพากันไปแจ้งกาฬหัตถี*เสนาบดี  เสนาบดีสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลตรวจตราจับผู้ร้ายให้ได้  คืนนั้นก็จับคนทำเครื่องต้นได้ที่ตรอกแห่งหนึ่ง  ประชาชนจับมัดแล้วเอากระเช้าที่ใส่เนื้อคนแขวนคอไว้   เมื่อเสนาบดีไต่สวนคนทำเครื่องต้นก็รับว่าทำให้พระราชาเสวย  รุ่งเช้าจึงนำนักโทษเข้าเฝ้าพระราชา  ท้าวพรหมทัตยอมรับความจริง  ทั้งยังตรัสว่าจะไม่ยอมอดเนื้อมนุษย์  กาฬหัตถีเสนาบดีพยายามเจรจาอยู่เป็นเวลานานให้พระราชาเลิกเสวยเนื้อมนุษย์แต่ก็ไม่สำเร็จ  ในที่สุดก็ต้องเนรเทศพระราชาออกจากเมืองไปพร้อมกับคนทำเครื่องต้น  โดยพระราชาขอดาบ 1 เล่มและภาชนะต้มอาหาร  เมื่อเข้าไปอยู่ในป่าพระองค์ไปยืนดักฆ่าคนที่เดินทางผ่านไปมา  นำไปให้คนทำเครื่องต้นทำอาหาร  เวลาพระราชาร้องขึ้นว่าตนเป็นโจรกินคนชื่อโปริสาท*แล้ววิ่งเข้าหา คนที่พบจะไม่สามารถดำรงตนอยู่ได้  ต้องล้มลงทุกคนด้วยอำนาจของเสียงอันดังนั้น  วันหนึ่งโปริสาทไม่ได้คนกลับมา  ก็สั่งให้คนทำเครื่องต้นตั้งหม้อบนเตาแล้วฆ่าเสียนำเนื้อมาปรุงอาหารเอง  เรื่องของโปริสาทเลื่องลือไปทั่วชมพูทวีป

วันหนึ่งโปริสาทปล้นขบวนค้าขายของพราหมณ์หนุ่ม  จับพราหมณ์ทางด้านเท้าห้อยหัวลงแล้วแบกไป  คนคุ้มกันไล่ติดตาม  โปริสาทถูกตอตะเคียนแทงทะลุหลังเท้าจึงหนีเอาตัวรอดไปนอนพักใต้ต้นไทร แล้วบนรุกขเทวดาว่าถ้าช่วยให้แผลหายภายใน 7 วันจะล้างลำต้นด้วยเลือดคอของกษัตริย์ 101 องค์ในชมพูทวีป  และเมื่อแผลหายภายใน 7 วัน โปริสาทก็คิดว่าเป็นอานุภาพของรุกขเทวดา  เพื่อเป็นการแก้บนจึงออกตามหากษัตริย์ 101 องค์  เมื่อพบแล้วก็ร้องประกาศชื่อตนพร้อมโห่เสียงดังลั่นให้ตกพระทัยแล้วจับพระบาทให้เศียรห้อยลงและเตะศีรษะ  เจาะพระหัตถ์กษัตริย์เหล่านั้น  แล้วร้อยด้วยเชือกผูกแขวนไว้ใต้ต้นไทร  ภายใน 3 วันก็จับกษัตริย์ได้ครบ  ห้อยกวัดแกว่งอยู่ดูราวกับพวงดอกหงอนไก่เหี่ยวๆ  ดูน่าสังเวช  ยกเว้นพระเจ้าสุตโสมโปริสาทไม่ได้จับไปเพราะเห็นว่าเป็นอาจารย์ของตน และเกรงว่าชมพูทวีปจะว่างเปล่าจากกษัตริย์  หลังจากนั้นก็ก่อกองไฟจะทำพลีกรรม

อันที่จริงแผลของโปริสาทนั้นหายเอง  เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นรุกขเทวดาแห่งต้นไทรไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้จึงไปเล่าให้มหาราชทั้งสี่ฟังและขอให้ช่วยห้าม  ท้าวมหาราชตอบว่าไม่อาจห้ามได้  รุกขเทวดาจึงไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์)  ขอให้ช่วยห้าม  ท้าวสักกะตรัสว่าไม่สามารถห้ามได้  ในโลกนี้มีเพียงผู้เดียวที่จะทรมานโปริสาทให้หายพยศได้คือพระเจ้าสุตโสมแห่งนครอินทปัต  รุกขเทวดาจึงปลอมเป็นพราหมณ์ล่อให้โปริสาทวิ่งไล่ตามไปไกลถึง 3 โยชน์ก็ไม่ทัน  โปริสาทร้องให้พราหมณ์หยุด  พราหมณ์ว่าตนหยุดแล้วแต่โจรยังไม่หยุดทำบาป  เมื่อตายจากโลกนี้แล้วจะต้องไปเกิดในนรก  พราหมณ์สั่งให้โปริสาทจับพระเจ้าสุตโสมมาทำพลีกรรมด้วย  โปริสาทรู้ว่าวันรุ่งขึ้นพระเจ้าสุตโสมจะเสด็จลงสรงและสระพระเศียรในอุทยานจึงไปดักรออยู่

พราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อนันทะ*เดินทางจากเมืองตักสิลา*มาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าสุตโสมเพื่อท่องคาถาวิเศษชื่อสตารหา 4 พระคาถาถวาย  พระเจ้าสุตโสมขอผัดไปทำพิธีสระพระเศียรก่อน วันรุ่งขึ้นจะกลับมาฟังคาถาจากนันทพราหมณ์  เมื่อเสด็จถึงอุทยาน  มีขบวนทหารป้องกันแน่นหนา  เมื่อสรงสนานเสร็จยังไม่ทันแต่งพระองค์  โปริสาทผุดขึ้นจากน้ำ  โห่ลั่นประกาศนามตนเอง  ราชบริพารต่างก็ล้มลงทิ้งอาวุธหมอบราบ  โปริสาทจับพระเจ้าสุตโสมยกขึ้นวางบนบ่าพาวิ่งไปอย่างรวดเร็วราวลมพัดไปได้ไกล 3 โยชน์ เห็นไม่มีใครตามมาก็ค่อยๆ เดินไปพลางสนทนากับพระเจ้าสุตโสมว่ากำลังทรงคิดถึงอะไร  ทรัพย์สมบัติหรือลูกเมีย  พระเจ้าสุตโสมตอบว่าคิดถึงเรื่องที่ได้นัดหมายไว้กับนันทพราหมณ์  พระองค์จะต้องรักษาสัตย์ว่าจะกลับไปฟังคาถาของพราหมณ์และขอไปพบพราหมณ์ตามนัดก่อน  รุ่งขึ้นจะรีบกลับมาให้โปริสาทกินแต่เช้า  โปริสาทไม่เชื่อ  พระเจ้าสุตโสมทรงสาบานและกล่าวว่าโปริสาทเคยรู้จักพระองค์มาตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่เคยพูดเท็จ บัดนี้พระองค์เป็นกษัตริย์จะพูดเท็จได้อย่างไร  ในที่สุดโปริสาทก็ปล่อยพระเจ้าสุตโสมไป 

เมื่อถึงเมืองพระเจ้าสุตโสมทรงให้หาพราหมณ์นันทะมากล่าวคาถาสตารหาถวาย  คาถานี้พระกัสสปพุทธเจ้าได้แสดงไว้จึงนับเป็นคาถาที่ประเสริฐสุด ทำให้พระเจ้าสุตโสมทรงโสมนัสอย่างยิ่ง  เช้าวันรุ่งขึ้นพระเจ้าสุตโสมเสด็จไปหาโปริสาทแล้วเชิญให้โปริสาทบูชายัญกินพระองค์  พระเจ้าสุตโสมทรงแสดงอานิสงส์ของความสัตย์และกล่าวว่าพระองค์ไม่กลัวความตายเพราะได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดเวลา  คนที่อยู่ในธรรม ใครเล่าจะกลัวตาย  ย่อมไม่เดือดร้อนที่จะไปสู่ปรโลก  ขอเชิญให้โปริสาทบูชายัญกินพระองค์  โปริสาทได้ฟังก็ตกใจกลัวว่าพระเจ้าสุตโสมเป็นสัตบุรุษมีความรู้ดี  แสดงธรรมได้ไพเราะ  ถ้าตนกินพระเจ้าสุตโสม  ศีรษะจะต้องแตกถึง 7 เสี่ยง  คนในชมพูทวีปที่เป็นบัณฑิตเช่นนี้ไม่มีอีกแล้ว  โปริสาทอ้อนวอนขอฟังคาถาสตารหา  พระเจ้าสุตโสมเห็นว่าทรงทรมานโปริสาทให้อ่อนลงมากแล้วจึงตรัสคาถาที่นันทพราหมณ์แสดงแก่พระองค์  โปริสาทเกิดความปีติจึงขอให้พระเจ้าสุตโสมรับพร 4 ประการ  พระเจ้าสุตโสมจึงขอพรดังนี้ 1. ขอชีวิตของพระองค์  2. ขอชีวิตกษัตริย์ 101 องค์ และจะไม่กินกษัตริย์เหล่านั้น  3. ขอให้ปล่อยกษัตริย์ทั้ง 101 องค์ที่ถูกจับร้อยพระหัตถ์อยู่นั้นกลับบ้านเมืองของตน  โปริสาทยอมถวายพระพรทุกข้อ  ครั้นถึงพรข้อที่ 4 ก็ขอให้โปริสาทเลิกกินเนื้อมนุษย์  โปริสาทไม่อาจให้ได้เพราะการกินเนื้อมนุษย์คือการมีชีวิตอยู่ของตน  พระเจ้าสุตโสมโพธิสัตว์ทรงแสดงธรรมเกลี้ยกล่อมและตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นครูของโปริสาทตั้งแต่ยังเยาว์และได้กล่าวสตารหาคาถาให้ฟังอีกด้วย  โปริสาทจึงยินยอมไม่กินเนื้อมนุษย์อีกต่อไป  พระเจ้าสุตโสมสั่งให้โปริสาทรับศีล 5  เหล่าเทวดาพากันส่งเสียงสรรเสริญสาธุการพระเจ้าสุตโสมที่ได้ปฏิบัติกิจที่ยากที่สุดได้สำเร็จ  หลังจากนั้นพระเจ้าสุตโสมก็ชวนโปริสาทไปปลดพวกกษัตริย์ 101 องค์ลงจากที่แขวน ให้กษัตริย์ทั้งหลายปฏิญาณว่าจะไม่คิดแก้แค้นโปริสาท  พระเจ้าสุตโสมและโปริสาทช่วยกันรักษาแผลและรักษาร่างกายกษัตริย์ทั้ง 101 จนแข็งแรงดีแล้วก็ส่งกลับแคว้นของตน

โปริสาทขออยู่ในป่าต่อไป ไม่ยอมกลับนครพาราณสีเพราะเกรงจะถูกประชาทัณฑ์  พระเจ้าสุตโสมนำขบวนไพร่พลพาโปริสาทไปส่ง  ชาวเมืองไม่ยอมเปิดประตูรับ ด้วยความหวาดกลัวและเกลียดชังโปริสาท แต่พระเจ้าสุตโสมสั่งให้เปิดประตูเมืองแล้วแสดงธรรมสั่งสอนพระเจ้าพาราณสีองค์ใหม่ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าพรหมทัต (โปริสาท) ให้ทำหน้าที่บุตรที่ต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เมื่อตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์  พระมเหสีหรือเสนาบดีก็ต้องทำหน้าที่ของตน  พระเจ้าสุตโสมทรงรับรองว่าพระเจ้าพรหมทัตเลิกเสวยเนื้อมนุษย์แล้ว  พระราชาซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าพรหมทัตและเสนาบดีได้ฟังธรรมก็ปลื้มปีติ  ตีกลองประชุมชาวเมืองประกาศว่าพระราชาทรงตั้งอยู่ในศีลแล้ว  จึงเชิญเสด็จมาครองราชย์ต่อไป  พระเจ้าพรหมทัตโปริสาทครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม บำเพ็ญทาน รักษาศีล ทรงกระทำพลีกรรมแก่รุกขเทวดาที่ต้นไทรซึ่งมีอุปการคุณต่อพระองค์

ผู้เรียบเรียง
วัลยา ช้างขวัญยืน 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store