TLD-003-0735
โคบุตร (ชื่อตัวละคร)
โคบุตรเป็นตัวละครในนิทานเรื่องโคบุตร เป็นโอรสพระอาทิตย์*กับนางฟ้า โคบุตรมีชายา 2 คน คือ นางมณีสาคร*และนางอำพันมาลา*
เมื่อนางฟ้าคลอดกุมารแล้วกลับคืนสู่สวรรค์ พระอาทิตย์นำกุมารไปฝากพญาสิงหราช*เลี้ยงดู กุมารได้ดื่มน้ำนมนางสิงห์จึงทำให้มีกำลัง 7 ช้างสาร เมื่อเจริญวัยอายุได้ 10 ปี พระอาทิตย์ลงมาหา ตั้งชื่อกุมารว่าโคบุตร แปลว่าบุตรของพระอาทิตย์ แล้วเนรมิตธำมรงค์และสร้อยสังวาลเครื่องประดับซึ่งเป็นเทพอาวุธให้ พร้อมเนรมิตเครื่องทรงซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เป็นกายสิทธิ์และเหาะเหินเดินอากาศได้มอบให้โคบุตร พระอาทิตย์บอกให้โคบุตรออกเดินทางไปหาคู่ที่เมืองพาราณสี*ซึ่งอยู่ทางทิศบูรพา พร้อมกำชับว่าหากเกิดเหตุร้ายหรือความทุกข์ร้อนให้ระลึกถึง พระอาทิตย์จะลงมาช่วยทันที ก่อนโคบุตรออกเดินทาง พญาสิงหราชให้ยาวิเศษซึ่งใช้เคี้ยวพ่นเพื่อชุบชีวิตคนตายได้
ระหว่างทาง โคบุตรพบนางมณีสาครและอรุณกุมาร*ซึ่งกำลังถูกยักษ์ 4 ตน*ไล่ทำร้าย จึงเข้าช่วยและขว้างธำมรงค์สังหารยักษ์ทั้งสี่ได้ ครั้นโคบุตรรู้ว่านางมณีสาครและอรุณกุมารต้องหนีกบฏมาเร่ร่อนในป่าก็สงสาร ปรารถนาจะช่วยให้ทั้งสองได้กลับบ้านเมือง จึงชุบชีวิตยักษ์ทั้งสี่ ยักษ์ยอมอ่อนน้อมขอเป็นข้ารับใช้
โคบุตรจึงขอให้ยักษ์ช่วยกอบกู้บ้านเมืองให้นางมณีสาครและอรุณกุมาร ยักษ์ทั้งสี่ยินดีช่วยแล้วมอบแก้ววิเศษ 2 ดวงแก่โคบุตร ดวงแก้วนี้สามารถขอพรและช่วยให้เหาะเหินเดินอากาศได้ โคบุตรมอบแก้ววิเศษให้นางมณีสาครและอรุณกุมารใช้เหาะไปยังเมืองพาราณสี เมื่อถึงเมืองพาราณสี นางมณีสาครและอรุณกุมารขอให้ยักษ์จับพราหมณ์ปุโรหิตกับบุตรซึ่งเป็นกบฏมัดไว้
จากนั้นโคบุตรก็ไปชุบชีวิตท้าวพรหมทัต*พระบิดาและนางปทุมทัศ*พระมารดาของนางมณีสาครและอรุณกุมาร ท้าวพรหมทัตต้องการจะยกราชสมบัติให้โคบุตร แต่โคบุตรปฏิเสธ ท้าวพรหมทัตและนางปทุมทัศจึงอ้อนวอนขอให้โคบุตรเป็นโอรสบุญธรรมและให้อยู่ที่เมืองพาราณสี ต่อมาโคบุตรประสงค์จะออกผจญภัยในป่าจึงไปเฝ้าท้าวพรหมทัตเพื่อขออนุญาต ฝ่ายนางมณีสาครและอรุณกุมารอ้อนวอนขอตามไปด้วย โคบุตรขอให้ท้าวพรหมทัตช่วยเกลี้ยกล่อมนางมณีสาครไม่ให้ติดตามไป ท้าวพรหมทัตยินดี แต่ขอให้โคบุตรพาอรุณกุมารไปฝึกวิชาด้วย
โคบุตรและอรุณกุมารจึงได้ออกเดินทางผจญภัย โคบุตรและอรุณกุมารเดินทางไปถึงต้นนารีผลซึ่งเหล่าคนธรรพ์และวิชาธร (วิทยาธร) เฝ้าดูแลอยู่ วิชาธรเกรงว่าทั้งสองจะเก็บนารีผลไปจึงไล่ทำร้าย โคบุตรสังหารวิชาธรไปเป็นจำนวนมาก แต่ต่อมาคิดสงสารจึงชุบชีวิตให้ เหล่าวิชาธรขอเป็นข้ารับใช้ แล้วพาโคบุตรกับอรุณกุมารไปเที่ยวชมป่าที่เขามรกต* ก่อนโคบุตรและอรุณกุมารจะออกเดินทางต่อไป วิชาธรทูลเตือนว่าไม่ให้ไปทางทิศบูรพาเพราะมียักขินีและผีเสื้อน้ำที่มีฤทธิ์ร้ายกาจอาศัยอยู่
โคบุตรและอรุณกุมารเหาะไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งพบหัศกัณฐมัจฉา*อสูรที่มีหน้าเป็นยักษ์และมีหางเป็นปลากำลังว่ายน้ำจับปลากินอยู่ ทั้งสองต่างพากันหัวเราะเพราะไม่เคยเห็นยักษ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน หัศกัณฐมัจฉาเห็นดังนั้นก็โกรธ เข้าต่อสู้หมายสังหาร โคบุตรต่อสู้อยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่สามารถสังหารหัศกัณฐมัจฉาได้ เทวดาสงสารเกรงว่าโคบุตรจะเพลี่ยงพล้ำจึงแปลงเป็นแมลงวันไปบอกโคบุตรว่าหัศกัณฐมัจฉาได้พรจากพระอิศวร* (บางแห่งใช้ว่า ท้าวไตรตรึงษา*) มนุษย์ไม่สามารถสังหารได้ และแนะให้โคบุตรไปขอความช่วยเหลือจากพญาวานรเผือกที่เขาเหมราช* โคบุตรถอดสร้อยสังวาลอธิษฐานให้เป็นเหล่าเทวดาต่อสู้กับหัศกัณฐมัจฉา แล้วรีบพาอรุณกุมารเข้าป่าไปตามหาพญาวานร โคบุตรเล่าเรื่องทั้งหมดให้พญาวานรฟัง พญาวานรไม่เชื่อว่าโคบุตรมีฤทธิ์ เกรงจะถูกลวงให้เป็นศัตรูกับหัศกัณฐมัจฉา จึงสั่งให้ฝูงลิงเข้าล้อมโคบุตรไว้เพื่อให้โคบุตรแสดงความสามารถให้ชม โคบุตรขว้างเครื่องรัดองค์เป็นนาคมัดเหล่าวานรไว้ เหล่าวานรไม่อาจทานฤทธิ์ได้ก็ขออภัยโทษและยอมเป็นข้ารับใช้
โคบุตร อรุณกุมาร และพญาวานรเผือกจึงพากันไปสังหารหัศกัณฐมัจฉาได้ แล้วโคบุตรกับอรุณกุมารก็ออกเดินทางต่อไป ระหว่างที่โคบุตรและอรุณกุมารเดินเที่ยวชมป่าและเก็บดอกไม้เล่น นางยักขินีผ่านมาพบ ต้องการทั้งสองไปเป็นคู่ครองจึงเนรมิตกายเป็นหญิงงามลวงว่าเป็นธิดากษัตริย์พลัดหลงกับพระบิดา โคบุตรและอรุณกุมารสงสารจึงอาสาพานางไปส่งยังบ้านเมือง พอพลบค่ำนางยักขินีเนรมิตถ้ำให้เป็นเมือง เชิญโคบุตรและอรุณกุมารขึ้นปราสาท ครั้นตกดึกนางยักษ์เข้าลวนลามโคบุตรและอรุณกุมาร โคบุตรตื่นแต่แสร้งทำเป็นหลับอยู่ เมื่อได้กลิ่นเหม็นสาบจากปากของนางก็รู้ว่านางเป็นยักษ์แปลงมา โคบุตรรอจนนางยักษ์หลับแล้วกระซิบบอกให้อรุณกุมารรู้ตัว ครั้นนางยักษ์ตื่นโคบุตรบอกนางว่าจะออกเดินทางในตอนรุ่งเช้า นางโกรธกลับร่างเป็นยักษ์เข้าต่อสู้กับโคบุตร แต่สู้ไม่ได้จึงร้องขอชีวิตและให้สัญญาว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอีก โคบุตรและอรุณกุมารให้อภัยแล้วออกเดินทางต่อไป
ระหว่างทาง โคบุตรและอรุณกุมารพบนกขุนทอง (บางแห่งใช้ว่า สาลิกา ) ซึ่งกำลังถูกเหยี่ยวไล่โฉบจึงช่วยเหลือไว้ แล้วทั้งสามก็พากันเดินทางต่อไปจนเมืองกาหลง*ของท้าวหลวิราช* ได้พบสองตายายที่กระท่อมท้ายอุทยานจึงเข้าไปหา ตายายเล่าให้ฟังว่าอุทยานแห่งนี้เป็นของนางอำพันมาลา*ธิดาท้าวหลวิราช นางเป็นสาวแรกรุ่นมีสิริโฉมงดงามมาก โคบุตรได้ฟังก็หลงรักและปรารถนาจะพบนางจึงส่งนกขุนทองไปเป็นสื่อ นางอำพันมาลาได้ฟังคำชมโฉมโคบุตรก็หลงรักจึงชโลมสุคนธ์ที่กายนกขุนทองเพื่อสื่อเป็นนัยให้โคบุตรรู้ว่านางมีใจให้ โคบุตรจึงลอบเข้าหาและได้นางเป็นชายา
เมื่อท้าวหลวิราชจับได้ว่ามีชายมาร่วมสมกับธิดา ก็วางแผนให้เสนาจับตัว ครั้นโคบุตรรู้เรื่องก็พานางอำพันมาลา อรุณกุมาร และนกขุนทองกลับไปยังเมืองพาราณสี เมื่อถึงเมืองพาราณสี โคบุตรได้พบนางมณีสาครอีกครั้ง ครั้นเห็นว่านางเจริญวัยเป็นสาวแรกรุ่นมีรูปโฉมงดงามก็หลงรักและคิดเสียดาย จึงทูลท้าวพรหมทัตว่าจะอภิเษกนางเป็นมเหสีฝ่ายขวา และให้นางอำพันมาลาเป็นมเหสีฝ่ายซ้าย ท้าวพรหมทัตยินดีเป็นอย่างยิ่ง โคบุตรจึงรำลึกถึงพระอาทิตย์เพื่อให้ช่วยสร้างเมืองและจัดงานอภิเษกให้ พระอาทิตย์รู้ความประสงค์ของโคบุตรก็ลงมาเนรมิตเมืองปราการบรรพต* และจัดพิธีอภิเษกโคบุตรกับนางมณีสาครและนางอำพันมาลาอย่างยิ่งใหญ่
ต่อมานางอำพันมาลาตั้งครรภ์ ครั้นเห็นโคบุตรรักและเอาใจใส่นางมณีสาครมากกว่า ก็คิดริษยาจึงให้สาวใช้ไปพบเถรกระอำ*ให้ทำเสน่ห์โคบุตร เมื่อนางมณีสาครทูลโคบุตรว่านางอำพันมาลาทำเสน่ห์ โคบุตรไม่เชื่อ กลับตำหนิและทำโทษนาง นางจึงเขียนสารให้นกขุนทองนำไปส่งให้อรุณกุมารที่เมืองพาราณสี เมื่ออรุณกุมารรู้เรื่องก็ชวนยักษ์ 4 ตนเดินทางไปยังเมืองปราการบรรพตทันที อรุณกุมารกับยักษ์ 4 ตนวางแผนจับเถรกระอำและสาวใช้ของนางอำพันมาลาได้ แล้วพาทั้งสองไปเฝ้าโคบุตร
เมื่อโคบุตรรู้ความจริงก็กริ้วมาก ให้นำนางอำพันมาลา สาวใช้ และเถรกระอำไปประหาร พร้อมกับสั่งให้ยักษ์ 4 ตนไปจับญาติวงศ์ของนางอำพันมาลาที่เมืองกาหลงมาประหารด้วย ยักษ์ทั้งสี่ทูลทัดทานโดยชักนิทานเรื่องต่างๆ ขึ้นเปรียบเทียบ แต่โคบุตรยังยืนยันเช่นเดิม อรุณกุมารจึงทูลขออภัยโทษแทน โคบุตรคลายกริ้วไม่เอาโทษญาติวงศ์ของนางอำพันมาลา แต่ยังคงจะให้นำนางไปประหารชีวิต ครั้นอรุณกุมารกลับไปเฝ้าโคบุตรอีกครั้งก็ทูลว่าไม่ควรประหารนางอำพันมาลาเพราะนางทรงครรภ์อยู่ ราษฎรจะพากันติเตียนได้ โคบุตรจึงงดโทษประหาร แต่ให้ขับนางออกจากเมืองไป (เนื้อเรื่องจบเพียงนี้)
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory