TLD-003-4643
สุบินกุมาร 1 (ชื่อตัวละคร)
สุบินชาดก ปัญญาสชาดก
สุบินกุมารเป็นตัวละครในเรื่องสุบินชาดก ในปัญญาสชาดก เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นบุตรโกสัมพิกเศรษฐี*กับนางสุมนา*
โกสัมพิกเศรษฐีมีทรัพย์ถึง 80 โกฏิแต่เป็นคนตระหนี่มาก เมื่อเห็นว่าบุตรที่เพิ่งเกิดกินอาหารเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกวัน ก็คิดว่าบุตรเกิดมาเพื่อจะผลาญทรัพย์สมบัติของตน จึงนำบุตรไปทิ้งไว้ที่ป่าช้า พระเถระรูปหนึ่งมาเจริญกรรมฐานที่ป่าช้า เกิดนิมิตว่ามีลูกช้างเผือกมาอยู่ในอาราม เป็นช้างเผือกที่มีปัญญามากจนมหาชนพากันนับถือ ครั้นรุ่งเช้าเห็นทารกอยู่ในป่าช้าจึงนำมาเลี้ยงไว้ให้ชื่อว่าสุบินกุมารตามนิมิต
พระเถระเข้าไปบิณฑบาตในราชสำนักตามปกติ ทูลพระเจ้าปรันตปะ*ว่าตนเก็บทารกที่พบในป่าช้ามาเลี้ยงไว้ พระเจ้าปรันตปะจึงรับเป็นผู้อุปการะด้วยการส่งแม่นมไปดูแล เมื่อสุบินกุมารอายุได้ 7 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณรเล่าเรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉาน และเมื่ออายุครบ 20 ปีได้อุปสมบทเป็นภิกษุโดยพระเจ้าปรันตปะทรงจัดเครื่องบริขารให้ทั้งหมด และทรงรับเป็นผู้อุปัฏฐาก
เมื่อพระภิกษุสุบินกุมารบวชได้เข้าพรรษาที่ 6 ฝันว่ายืนอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์ มือขวายื่นไปจับสุริยเทวบุตรไว้ ส่วนมือซ้ายยื่นไปจับจันทรมณฑลไว้ มหาชนทั่วทุกทิศมาหมอบบูชาอย่างเนืองแน่น เมื่อพระภิกษุสุบินกุมารเล่าความฝันให้พระเถระฟัง พระเถระจึงทูลพระเจ้าปรันตปะว่าพระภิกษุสุบินกุมารนี้ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ในชมพูทวีป พระเจ้าปรันตปะได้ฟังคำพยากรณ์แล้วทรงคิดวิตกว่าต่อไปสุบินกุมารจะสังหารตนเพื่อแย่งชิงราชสมบัติ จึงทรงสั่งให้จับพระภิกษุสุบินกุมารสึกและนำมาจองจำไว้
ต่อมาพระเจ้าปรันตปะส่งราชทูตไปสู่ขอนางประทุมาวดี*ธิดาพระเจ้ามัลลราชา*กับนางประทุมเกสรา*แห่งเมืองโขมรัฐ* แต่คณะราชทูตถูกกองทัพของพระยาร้อยเอ็ดเมืองที่มาถวายเครื่องบรรณาการแด่พระเจ้ามัลลราชาขับไล่กลับมา พระเจ้าปรันตปะจึงขอให้สุบินกุมารที่มีปัญญาฉลาดเฉลียวเดินทางไปเมืองโขมรัฐเพื่อนำตัวนางประทุมาวดีมา
ด้วยความกตัญญูต่อพระเจ้าปรันตปะ สุบินกุมารได้ทำตามคำขอร้องโดยไม่ถือโทษเรื่องในอดีต และด้วยบุญญาธิการของสุบินกุมาร จึงทำให้เดินทางถึงเมืองโขมรัฐอย่างสะดวกสบาย และพระยาร้อยเอ็ดเมืองก็เปิดทางให้เข้าเมืองโดยง่าย สุบินกุมารได้เที่ยวไปในเมืองจนรู้จากชาวเมืองว่าอีก 7 วันนางประทุมาวดีจะออกประพาสอุทยาน จึงได้ไปที่อุทยานนั้นและได้พบพญาวานรินทร์เผือกที่มีบริวารห้าร้อยอาศัยอยู่ในอุทยานนั้น สุบินกุมารต้องอัธยาศัยพญาวานรินทร์ที่มีกิริยาของสัปบุรุษ และเมื่อพิจารณาลักษณะของพญาวานรินทร์แล้ว สุบินกุมารเห็นว่าต่อไปพญาวานรินทร์จะเป็นผู้อุดหนุนตนในกิจการต่างๆ จึงเห็นควรที่จะคบหาไว้ ฝ่ายพญาวานรินทร์ก็ชื่นชอบสุบินกุมาร จึงแนะวิธีให้สุบินกุมารเข้าไปซ่อนตัวหลังพุ่มไม้ในกำแพงชั้นในเพื่อแอบดูนางประทุมาวดี สุบินกุมารจึงได้เห็นนางประทุมาวดีอย่างใกล้ชิด รู้สึกชื่นชมความงามและกิริยาที่สำรวมทุกอิริยาบถของนาง จึงได้ตั้งสัจจาธิษฐานว่าตนนั้นปรารถนาพุทธภูมิจริง ขอให้นางประทุมาวดีเห็นตนโดยที่ผู้อื่นไม่อาจเห็นได้
เมื่อนางประทุมาวดีเห็นสุบินกุมารก็นึกรักด้วยความผูกพันกันมาตั้งแต่อดีต นางจึงแสดงกิริยาเป็นปริศนาแก่สุบินกุมาร สุบินกุมารเข้าใจทันทีว่านางประทุมาวดีขอให้ติดตามนางไปยังปราสาท ก่อนที่สุบินกุมารจะไปพญาวานรินทร์ได้สั่งความว่าหากมีอันตรายใดๆ ขอให้กลับมาหาตน สุบินกุมารได้เข้าไปที่ประตูวังและอาศัยอยู่กับนายประตู 1 คืน จากนั้นจึงไปขออาศัยอยู่กับยายเฒ่า และเล่าความประสงค์ของตนให้ยายเฒ่าฟังว่านางประทุมาวดีได้ทำปริศนาให้ตนมาขอความช่วยเหลือจากยายเฒ่า ยายเฒ่าจึงเข้าไปแจ้งแก่นางประทุมาวดี นางประทุมาวดีจึงให้พาสุบินกุมารมาพบนาง ทั้งสองได้ปราศรัยกันและร่วมอภิรมย์กัน ครั้นเที่ยงคืนสุบินกุมารจึงพานางประทุมาวดีไปลงเรือ แต่ระหว่างลงเรือนางประทุมาวดีได้ทำห่อของมีค่าพลัดตกลงน้ำ สุบินกุมารจึงลงไปงมหาห่อของมีค่านั้น เหล่าอำมาตย์สบโอกาสที่จะกำจัดสุบินกุมารตามคำสั่งของพระเจ้าปรันตปะ จึงออกเรือพานางประทุมาวดีกลับเมืองโกสัมพีทันที
ครั้นสุบินกุมารงมห่อของมีค่าขึ้นมาได้แล้วไม่พบเรือก็รู้ว่าตนถูกกลอุบายของพระเจ้าปรันตปะหลอกใช้ จึงกลับไปหาพญาวานรินทร์ พญาวานรินทร์จัดเรือให้สุบินกุมารและแนะเส้นทางให้สุบินกุมารไปยังทางที่จะได้ของวิเศษต่างๆ สุบินกุมารออกเดินเรือไปตามเส้นทางนั้นจนถึงเกาะอุทุมพร* (เกาะไม้มะเดื่อ) ได้พบมหาสุกรตัวหนึ่งคาบแก้วทิพย์เดินมาบนน้ำ สุกรคายแก้วทิพย์ออกเพื่อกินผลมะเดื่อ สุบินกุมารจึงหยิบแก้วทิพย์นั้นมา แล้วเดินไปบนน้ำได้ 30 โยชน์จนถึงทัณฑกนคร* เหตุการณ์ที่มีคนเดินบนน้ำรู้ไปถึงพระราชา จึงเสด็จมาขอแลกแก้วทิพย์กับไม้เท้าทิพย์ที่มีคุณวิเศษคือถ้าหันปลายไม้เท้าชี้ไปที่สิ่งมีชีวิตใดสิ่งมีชีวิตนั้นจะตายทันที แต่ถ้าหันหัวไม้เท้าชี้ไปสิ่งมีชีวิตที่ตายก็กลับฟื้นคืนมาได้ สุบินกุมารได้ออกอุบายว่าให้ไปแลกของกันในป่าที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน เมื่อพระราชาส่งไม้เท้าทิพย์ให้สุบินกุมารพร้อมกับขอแก้วทิพย์ แต่สุบินกุมารกล่าวว่าถ้าต้องการแก้วทิพย์ ตนจะใช้ปลายไม้เท้าทิพย์ชี้ให้พระราชาสิ้นพระชนม์ พระราชาจึงยอมเสด็จกลับไป
สุบินกุมารเดินทางไปบนน้ำอีก 30 โยชน์จนถึงกุมภิกนคร พระราชารู้เรื่องคนเดินบนน้ำก็เสด็จมาขอแลกแก้วทิพย์กับหม้อน้ำทิพย์ที่มีคุณวิเศษคือเมื่อหมุนหม้อน้ำเข้าจะมีน้ำดื่มเกิดขึ้นเต็มหม้อ หากคว่ำหม้อน้ำลงจะเกิดห้วงน้ำใหญ่พัดพาศัตรูแตกพ่ายได้ สุบินกุมารออกอุบายเช่นเดิม เมื่อถึงป่าแล้วสุบินกุมารใช้ปลายไม้เท้าทิพย์ชี้พระราชาจนสิ้นพระชนม์ แล้วนำหม้อน้ำทิพย์เดินทางต่อไปอีก 30 โยชน์ จนถึงเภรีตลนคร พระราชาเมืองนี้ได้ขอแลกแก้วทิพย์กับกลองทิพย์ที่มีคุณวิเศษคือเมื่อตีหน้ากลองด้านหนึ่งข้าศึกจะพากันแตกพ่ายไป ถ้าตีหน้ากลองอีกด้านหนึ่งปรารถนาสิ่งใดก็จะสมปรารถนา สุบินกุมารออกอุบายเช่นเดิม เมื่อไปถึงป่าแล้วสุบินกุมารได้ขอกลองทิพย์ แล้วใช้ปลายไม้เท้าทิพย์ชี้ไปที่ต้นไม้ ต้นไม้เหี่ยวตายทันที พระราชาตกใจกลัวจึงยอมมอบกลองทิพย์แต่โดยดี สุบินกุมารเดินทางต่อไปอีก 30 โยชน์จนถึงอสิปตนคร พระราชาเมืองนี้ได้ขอแลกแก้วทิพย์กับพระแสงดาบทิพย์ที่มีคุณวิเศษสามารถสังหารศัตรูได้ทั้งหมด สุบินกุมารใช้อุบายเดิม และเมื่อได้พระแสงดาบทิพย์มาก็ใช้ปลายไม้เท้าทิพย์ชี้พระราชาจนสิ้นพระชนม์
สุบินกุมารได้ของวิเศษ 5 ชนิดตามคำแนะนำของพญาวานรินทร์ เดินทางอีก 30 โยชน์จึงถึงเมืองโกสัมพี อำมาตย์คนหนึ่งที่มากับขบวนเรือได้เห็นสุบินกุมารอยู่ที่อาราม ก็แปลกใจที่สุบินกุมารมาถึงก่อนพวกตน และเมื่อชักชวนให้สุบินกุมารไปเฝ้าพระเจ้าปรันตปะ สุบินกุมารปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระราชา อำมาตย์ได้ทูลพระเจ้าปรันตปะ พระองค์จึงให้อำมาตย์ไปพาสุบินกุมารมาเข้าเฝ้าให้ได้ แต่สุบินกุมารกล่าวว่าจะไม่เข้าเฝ้าพระราชาที่ไม่มีธรรม แม้อำมาตย์จะฉุดลากตัวสุบินกุมารอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้สุบินกุมารเคลื่อนกายได้ พระเจ้าปรันตปะกริ้วมากจึงให้นำกำลังพลไปจับตัวสุบินกุมาร แต่สุบินกุมารตีกลองทิพย์แล้วขอให้อารามเป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ และใช้ปลายไม้เท้าทิพย์ชี้ไปยังเหล่าทหารจนล้มตายกันหมดสิ้น เว้นเพียงเสนาบดีให้กลับไปทูลพระเจ้าปรันตปะ ซึ่งเมื่อทรงทราบก็กริ้วและยกกองทหารมาหมายจับสุบินกุมารไปลงโทษด้วยพระองค์เอง สุบินกุมารใช้ปลายไม้เท้าทิพย์ชี้ไปที่กองทหารจำนวน 18 อักโขเภณีล้มตายหมดสิ้น พระเจ้าปรันตปะเห็นเช่นนั้นก็หวาดกลัวอย่างยิ่ง ร้องขอชีวิต สุบินกุมารรำลึกถึงพระคุณของพระเจ้าปรันตปะจึงทูลว่าตนไม่เคยคิดทำร้ายผู้ที่เป็นดั่งบิดา พระเจ้าปรันตปะสำนึกผิดจึงได้อภิเษกสุบินกุมารกับนางประทุมาวดีและให้สุบินกุมารขึ้นเป็นพระราชาครองเมืองโกสัมพี
พระเจ้าสุบินปกครองเมืองโกสัมพีโดยธรรม ราษฎรจึงอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ครั้นเมื่อนางประทุมาวดีตั้งครรภ์แล้วต้องการกลับไปอยู่ใกล้พระบิดาพระมารดา พระเจ้าสุบินจึงได้พานางประทุมาวดีเดินทางไปเมืองโขมรัฐโดยทางบกทั้งๆ ที่เป็นหนทางที่ลำบากและทุรกันดาร แต่ระหว่างทางพระเจ้าสุบินได้ใช้ของทิพย์แผ้วถากทาง และเนรมิตน้ำอาหารให้กองทหารได้ดื่มกินอย่างอุดมสมบูรณ์ ทำให้เดินทางถึงเมืองโขมรัฐอย่างสะดวกสบายภายในเวลา 3 เดือน
นางประทุมาวดีประสูติโอรสสีหนรกุมาร*และโอรสกุญชรกุมาร*ที่วัยต่างกับสีหนรกุมาร 8 ปีที่เมืองโขมรัฐ และเมื่ออยู่ร่วมพิธีราชาภิเษกของสีหนรกุมารเรียบร้อยแล้ว พระเจ้าสุบินก็พานางประทุมาวดีกับกุญชรกุมารกลับเมืองโกสัมพี จนเมื่อกุญชรกุมารได้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมคือนางปาลิตาเทวี*แล้วอภิเษกให้กุญชรกุมารขึ้นเป็นพระราชาครองเมืองโกสัมพี พระเจ้าสุบินครองพระองค์อยู่ในธรรมตลอดมา เมื่อสิ้นอายุได้ไปสู่สวรรค์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory