TLD-003-4705
สุริการ (ชื่อตัวละคร)
สุริการเป็นตัวละครในบทละครเรื่องวงศเทวราช เป็นม้าทรง พาหนะของวงศเทวราช*เจ้าเมืองเนาวรัตนนคร*
เมื่อครั้งที่พระอินทร์*ลงไปเนรมิตเมืองเนาวรัตนนครให้วงศเทวราชโอรสที่เกิดจากนางฟ้าเทพมนทา*ครอง ก่อนจะพานางกลับสู่สวรรค์ ทรงเกรงว่าโอรสจะเปล่าเปลี่ยวพระทัยจึงนำเทียนสีผึ้งมาปั้นเป็นม้าและปั้นเป็นครุฑแล้วเอาน้ำกายสิทธิ์มาเป่ามนตร์รด รูปปั้นก็มีชีวิต พระอินทร์สั่งให้ม้าซึ่งชื่อสุริการและครุฑ*อยู่เป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือวงศเทวราชให้มีอำนาจแผ่ไพศาล
วันหนึ่งวงศเทวราชประพาสป่า ร่ายมนตร์เรียกบรรดาฝูงสัตว์ในป่ามาดูเล่น สังขปัด*วานรก็มาด้วย เกิดวิวาทกับคชสีห์*และราชสีห์* เมื่อวงศเทวราชรู้ก็เกรงว่าวานรจะถูกฆ่าตาย จึงให้ครุฑไปห้าม แต่สังขปัดใคร่จะลองฤทธิ์ของวงศเทวราช จึงเนรมิตกายให้ใหญ่สูงเทียมตะวัน ถือตรีเพชร ร้องตวาดวงศเทวราช วงศเทวราชไม่ต้องการจะลดเกียรติสู้กับวานรจึงให้ม้าสุริการไปปราบ สุริการเหาะขึ้นฟ้าเนรมิตกายใหญ่เท่าภูเขา มีกีบเท้าเป็นกรด หางเป็นเปลวไฟ เข้าต่อสู้กับสังขปัด สามารถสังหารสังขปัดและเหล่าพลวานรได้ วงศเทวราชสงสารช่วยชุบทุกชีวิตให้ฟื้นขึ้น สังขปัดจึงยอมถวายตัวเป็นข้ารับใช้
ต่อมาวงศเทวราชเข้าไปในป่าเพื่อเสาะหาดอกบัวในสระตามสุบินนิมิต สุริการและสังขปัดตามเสด็จด้วย ส่วนครุฑอยู่เฝ้าเนาวรัตนนคร ครั้นวงศเทวราชไม่พบดอกบัวในสระก็ทรงม้าสุริการเหาะขึ้นไป เห็นยอดปรางค์ปราสาทจึงสั่งให้สุริการไปสืบดูว่าเป็นเมืองของผู้ใด สุริการเข้าไปในป่าเห็นรอยเท้ายักษ์ก็ตามรอยไป ได้พบกับอสูรคชเศียร*ขุนด่านที่เชิงเขาเมืองนนเกษ* คชเศียรจะจับม้าสุริการกิน สุริการแสร้งทำมารยาให้จับ คชเศียรนำม้าสุริการไปให้ลูกขี่เล่น พอได้จังหวะสุริการก็สำแดงฤทธิ์ปลายหางเป็นไฟฟาดลูกคชเศียรตกลงพื้นสิ้นชีวิต แล้วเอาหางฟาดหลังคาบ้านเรือนอสูรไหม้ บรรดาอสูรหนีตายกันชุลมุน ในที่สุดสุริการก็ตามไปสังหารคชเศียรได้
เมื่อวงศเทวราชและสังขปัดแปลงร่างเป็นนางยักขินีชื่อวงศวาด*และพุทชาติ*เพื่อเข้าไปยังเมืองสมุทคีรี*ของท้าวมหานพสูร* เพราะสังขปัดสืบรู้ว่าในเวลานั้นได้มีการจัดพิธียกศรเพื่อหาโอรสกษัตริย์อภิเษกสยุมพรกับนางบุศบง*ธิดาท้าวมหานพสูรแต่ยังไม่มีผู้ใดยกศรได้ วงศเทวราชได้เสกม้าสุริการเป็นขี้ผึ้งแห้งแล้วซ่อนไว้ที่ขอดชายภูษาทรง ทั้งสองนางแปลงหาช่องทางเข้าไปเป็นนางกำนัลของนางบุศบงได้ แต่ภายหลังโหรทูลท้าวมหานพสูรว่านางกำนัลใหม่ทั้งสองเป็นชายแปลงมา ท้าวมหานพสูรกริ้วจึงสั่งให้นำนางบุศบงไปถ่วงน้ำและสั่งประหารสองนางกำนัล แต่นางแปลงทั้งสองหนีออกมาได้ วงศวาดเสกขี้ผึ้งให้คืนกลับเป็นม้าสุริการ แล้วสวมธำมรงค์ของพระมารดาที่นิ้วชี้คืนร่างเป็นวงศเทวราช ส่วนพุทชาติก็ร่ายเวทคืนร่างเป็นสังขปัด แล้ววงศเทวราชก็ทรงม้าสุริการเหาะออกไปนอกอ่าว
เมื่อท้าวสาตราสูร*อนุชาท้าวมหานพสูรยกทัพมาทำสงครามครั้งแรกกับวงศเทวราช ได้แผลงศรเป็นนาคจำนวนมากมัดสุริการ สังขปัด และไพร่พลนอนนิ่งเกลื่อนแล้วยกทัพกลับ ฝ่ายวงศเทวราชเห็นดังนั้นก็เศร้าโศกกลัวทั้งสองจะตาย จึงขอให้ครุฑช่วยจิกนาคจนนาคคืนร่างเป็นลูกศรคลายรัด สุริการ สังขปัดวานร และบริวารจึงฟื้นคืนสติ
ฝ่ายท้าวมหานพสูรเมื่อเสียญาติวงศ์พงศ์ยักษ์ในการทำสงครามก็ออกสู้รบเอง แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ ถูกสังขปัดจับไปเฝ้าวงศเทวราช ท้าวมหานพสูรไม่ยอมบังคมไหว้เพราะยังแคลงใจว่าวงศเทวราชมีฤทธิ์จริงหรือไม่ ขอให้วงศเทวราชไปยกศรพรหมสิทธิ์โดยสัญญาว่าถ้ายกได้จะยอมอ่อนน้อม วงศเทวราชจึงทรงม้าสุริการเหาะไปยังยอดเขาหิรัญบรรพต*และยกศรได้โดยง่าย
(บทบาทของสุริการในฉบับหลวงพัฒนพงศ์ภักดีมีเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้เป็นบทบาทในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ต่อมาเมื่อวงศเทวราช*จะแสดงฤทธิ์ให้เหมือนพระอินทร์ก็ได้ทรงม้าสุรกาฬ* ถือดาบไล่ฟันผ่ากลางพระจันทร์ และแผลงศรไปในป่ารังได้ถึงหมื่นครั้งในวินาทีเดียว
ตอนที่สังขปัดเผาเมืองสมุทคีรีเพื่อพากวินไวต์*มเหสีของพระเจ้าโยเสฟ*ไปอยู่ด้วย ผู้คนต่างพากันหนีไฟชุลมุน ม้าสุรกาฬซึ่งเสร็จงานราชการก็กลับไปอยู่ป่าใกล้เมืองเพราะเข็ดที่ต้องนอนเกยเนรมิตของวงศเทวราช เมื่อเห็นไฟไหม้ก็รีบไปช่วยพาวงศเทวราชเหาะหนีไฟ ทั้งสองถูกเปลวเพลิงลุกไหม้ สุรกาฬถูกไฟไหม้ขนทั้งกาย ครั้นถึงเขตเมืองบางซื่อ* สุรกาฬพาวงศเทวราชเหาะลงแล้วล้มสลบทั้งคู่ ฝ่ายพระอินทร์ทิพอาสน์แข็งกระด้าง เมื่อเล็งทิพเนตรก็เห็นวงศเทวราชและม้าสุรกาฬกำลังได้รับความเดือดร้อนจึงเสด็จลงมาใช้น้ำมันทิพย์ลูบทั่วกาย พิษที่เกิดจากไฟไหม้ก็หายสิ้น สุรกาฬทูลว่าจะพาวงศเทวราชไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ วงศเทวราชซาบซึ้งในความดีของสุรกาฬตรัสว่าถ้าได้กลับไปบ้านเมืองสุรกาฬต้องการสิ่งใดจะประทานให้ สุรกาฬตอบว่า “อย่าให้ต้องนอนเกยเลยเจ็บนัก แข้งขาจะหักพระภูมี” วงศเทวราชก็รับคำ สุรกาฬพาวงศเทวราชเข้าเมืองบางซื่อซึ่งมีนางบุญนาคี*เป็นเจ้าเมือง ภายหลังได้เกิดการต่อสู้ระหว่างวงศเทวราชกับเทพเป๋อ*หลานนางบุญนาคี ในที่สุดวงศเทวราชเป็นฝ่ายชนะ
ต่อมาวงศเทวราชและสุรกาฬได้ไปพักอยู่กับพระธรรมภาณฤๅษี* ฝ่ายท้าวมหานพสูร ครุฑ และท้าววิเรนทร*ซึ่งออกตามหาวงศเทวราชหลังจากเพลิงไหม้เมืองเดินทางมาถึงอาศรมพระฤๅษี ได้พบกับสุรกาฬ สุรกาฬพาทั้งสามไปเฝ้าวงศเทวราช
หลังจากเหตุร้ายในบ้านเมืองสิ้นสุดลง วงศเทวราชปูนบำเหน็จให้สุรกาฬไปครองเมืองนนทเกศ* (นนเกษ) และยกนางกรี*ภรรยาของคชเศียรให้เป็นคู่ครอง
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory