TLD-003-4753
สุวรรณสังข (ชื่อตัวละคร)
สุวรรณสังขชาดก ปัญญาสชาดก
สุวรรณสังขเป็นตัวละครในเรื่องสุวรรณสังขชาดก ในปัญญาสชาดก เป็นพระโพธิสัตว์
สุวรรณสังขเป็นพระโพธิสัตว์จุติมาปฏิสนธิในครรภ์นางจันทาเทวี*ที่รักษาอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด เมื่อนางจันทาเทวีตั้งครรภ์พระโพธิสัตว์ได้ถูกมเหสีฝ่ายซ้ายใส่ร้ายว่ามีชู้ นางจึงถูกขับไล่ออกจากเมือง นางไปพักอยู่กับตายาย เมื่ออยู่ในครรภ์พระมารดาพระโพธิสัตว์เห็นว่าพระมารดากำลังตกยากอยู่ภายนอกวังเพราะถูกพระบิดาขับไล่มา หากเกิดมาเป็นทารกดังปกติพระมารดาจะดูแลลำบาก พระโพธิสัตว์จึงได้ทำสัจจาธิษฐานขอกลายเป็นรูปหอยสังข์ ดังนั้นเมื่อออกจากครรภ์พระมารดา พระโพธิสัตว์จึงมีรูปพรรณเป็นหอยสังข์ ทำให้พระมารดาไม่ต้องลำบากในการเลี้ยงดู เมื่อเจริญวัยจึงออกจากหอยสังข์มาช่วยพระมารดาทำกิจการต่างๆ ในเรือน แต่เมื่อพระมารดารู้ว่าหอยสังข์เป็นเพียงเปลือกห่อหุ้มกุมารรูปงาม จึงทุบหอยสังข์เสีย ชาวบ้านที่เห็นสุวรรณสังขต่างชื่นชมในความสง่างามและนำไปโจษจันกัน จนรู้ถึงพระเจ้าพรหมทัตผู้เป็นบิดา จึงให้คนมาเชิญนางจันทาเทวีกับสุวรรณสังขกลับเข้าวัง แต่อยู่มาไม่นานพระมารดาและสุวรรณสังขก็ถูกนางสุวรรณจัมปากเทวี*มเหสีฝ่ายซ้ายใส่ร้ายว่าเป็นกาลกิณี จึงต้องถูกพระเจ้าพรหมทัตลอยแพ เคราะห์ร้ายซ้ำเมื่อมีพายุพัดจนแพแตก สุวรรณสังขพลัดกับพระมารดา แต่ด้วยบุญญาธิการของพระโพธิสัตว์ พญานาคจึงเนรมิตเรือทองมีกูฏาคารให้อาศัยลอยไปจนถึงเกาะแห่งหนึ่ง ได้พบพระดาบสที่บอกทางไปเมืองพาราณสีให้ แต่จะต้องผ่านเมืองยักษ์ก่อน
สุวรรณสังขลอยเรือมาจนพบนางยักษิณี นางยักษิณีก็นึกเอ็นดูสุวรรณสังข จึงรับไปเลี้ยงเป็นบุตร สุวรรณสังขอยู่ในปราสาทนางยักษิณีอย่างสุขสบาย แต่สุวรรณสังขได้ฝืนข้อห้ามของนางยักษิณีออกไปเที่ยวในสวนทางทิศเหนือ จึงเห็นกองกระดูกกองใหญ่ รู้สึกสลดใจที่นางยักษิณีกินเนื้อสดๆ และเมื่อขึ้นไปชั้นบนของปราสาทได้พบบ่อเงินบ่อทอง เกราะรูปเงาะ เกือกแก้ว และพระขรรค์ เมื่อสุวรรณสังขทดลองจิ้มนิ้วในบ่อทอง ทองก็ติดและล้างไม่ออก เมื่อสวมชุดเงาะก็จะกลายรูปเป็นเงาะป่า เมื่อสวมเกือกแก้วและถือพระขรรค์จะเหาะได้ สุวรรณสังขจึงคิดหนีจากนางยักษ์ แต่รอเวลาที่เหมาะสม นางยักษิณีรู้ว่าสุวรรณสังขขึ้นไปบนปราสาทเพราะเห็นนิ้วมีสีทองนางใช้น้ำลายบ้วนลงไป สีทองก็หายไป จากนั้นสุวรรณสังขจึงถูกนางยักษิณีดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น จนสบโอกาสวันหนึ่งที่นางยักษิณีออกไปหาอาหาร สุวรรณสังขจึงได้อาบน้ำในบ่อทองแล้วสวมชุดเงาะและเกือกแก้ว ถือพระขรรค์เหาะจากปราสาทไป
นางยักษิณีตามไปทันสุวรรณสังขที่ฝั่งน้ำ แต่ต้องอยู่คนละฝั่งน้ำเพราะสุดเขตแดนของยักษ์นางจึงข้ามไปไม่ได้ สุวรรณสังขไม่ยอมตามนางกลับไป นางยักษิณีเสียใจมาก แต่ด้วยความเป็นห่วงสุวรรณสังข นางจึงสอนมนตร์เรียกเนื้อและปลาให้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ สุวรรณสังขจำมนตร์ได้แล้ว จึงลานางยักษิณี นางยักษิณีเสียใจจนขาดใจตาย สุวรรณสังขได้จัดการเผาศพนางจนเรียบร้อยแล้วเดินทางต่อไป
สุวรรณสังขเหาะมาถึงเมืองพาราณสีเห็นว่าอุดมสมบูรณ์ดีจึงเข้าไปขออาศัยในบ้านของนายคามโภชก โดยช่วยเลี้ยงโค จนวันหนึ่งพระราชาให้มารับตัวไปในพิธีเลือกคู่ของนางคันธาเทวี* เพราะต้องการประชดนางคันธาเทวีที่ไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใดเป็นคู่ ในขณะที่พี่สาวทั้งหกของนางล้วนมีคู่ครองแล้วทุกคน
สุวรรณสังขและนางคันธาเทวีเคยเป็นคู่กันมาตั้งแต่อดีตชาติ เมื่อได้เห็นนางคันธาเทวีก็มีจิตปฏิพัทธ์ทันที และเมื่อนางคันธาเทวีอธิษฐานเสี่ยงพวงมาลัยมาสวมที่ข้อมือของสุวรรณสังขในรูปเงาะ พระราชาจึงจำยอมให้สุวรรณสังขในรูปเงาะอภิเษกกับนางคันธาเทวี เมื่อพระราชาจะทรงรดน้ำในพิธีอภิเษกให้ สุวรรณสังขในรูปเงาะปฏิเสธเพราะเกรงจะทำให้เห็นรูปทอง พระราชากริ้วมากจึงไล่สุวรรณสังขกับนางคันธาเทวีไปอยู่นอกเมือง
บรรดาเขยทั้งหกที่เป็นเจ้าชายพากันรังเกียจสุวรรณสังขในรูปเงาะ จึงทูลยุยงพระราชาให้หาทางกำจัดเสีย พระราชาจึงคิดอุบายต่างๆ คือให้เขยทั้งเจ็ดไปหาเนื้อบ้าง สุกรบ้าง และปลาบ้าง แต่ทุกครั้งสุวรรณสังขในรูปเงาะก็หามาได้ ฝ่ายหกเขยต้องไปขอเนื้อ สุกร และปลาจากสุวรรณสังขที่ถอดรูปเงาะออก ทุกคนจึงเข้าใจว่าเป็นพระอินทร์ โดยแต่ละครั้งสุวรรณสังขขอสิ่งแลกเปลี่ยนจากหกเขย คือเมื่อครั้งขอเนื้อก็ขอแลกกับใบหูคนละนิด ครั้งที่ขอสุกรก็ขอแลกกับนิ้วคนละนิด และครั้งที่ขอปลาก็ขอแลกกับจมูกหน่อยหนึ่ง
พระราชาไม่อาจกำจัดสุวรรณสังขในรูปเงาะได้ด้วยวิธีดังกล่าวจึงคิดหาวิธีใหม่ ทำให้ร้อนถึงพระอินทร์ พระอินทร์จึงลงมาช่วยสุวรรณสังขให้ได้แสดงความสามารถให้พระราชาเห็น ด้วยการถามปัญหาพระราชา 2 ข้อ คือแสงสว่างยิ่งได้แก่สิ่งใด สิ่งมืดมัวยิ่งได้แก่สิ่งใด และเมื่อครบ 7 วันขอให้พระราชาเหาะมาตีคลีให้ชนะพระอินทร์ หากหาคนไขปัญหาไม่ได้ และหาคนตีคลีชนะพระอินทร์ไม่ได้จะฆ่าพระราชาเสีย พระราชาหวั่นวิตกมากเพราะไขปัญหาไม่ได้และตีคลีกับพระอินทร์ในอากาศไม่ได้
พระมเหสีทูลให้เรียกสุวรรณสังขในรูปเงาะมาช่วย เพราะครั้งให้หาเนื้อหาปลายังทำได้ ครั้งนี้ก็น่าจะทำได้ พระราชาไม่มีหนทางจึงจำต้องยอมอ้อนวอนสุวรรณสังขในรูปเงาะให้ช่วยเหลือ หากทำสำเร็จจะยกราชสมบัติให้ เมื่อครบกำหนดวันที่ 7 สุวรรณสังขถอดรูปเงาะออก แล้วไขปัญหาว่าแสงสว่างยิ่งคือบุคคลที่อยู่ในศีล 5 ศีล 8 และบริจาคทาน รวมทั้งยึดมั่นในพระรัตนตรัย ส่วนสิ่งมืดมัวยิ่งคือผู้กล่าวโทษผู้ไม่มีความผิด ทำให้คนอื่นวิวาทกัน ทำปัญจานันตริยกรรม และไม่ฟังคำสอนของปราชญ์ เมื่อตอบปัญหาได้แล้วสุวรรณสังขเหาะขึ้นไปตีคลีจนชนะพระอินทร์
หกเขยเห็นสุวรรณสังขเอาชนะพระอินทร์ได้ก็ริษยาจึงหาเรื่องใส่ร้ายว่าสุวรรณสังขปิดบังความจริงไว้เพื่อลวงเอาราชสมบัติ สุวรรณสังขจึงเผยความจริงเรื่องที่หกเขยเคยขอความช่วยเหลือตนครั้งหาเนื้อ สุกร และปลาโดยนำหลักฐานส่วนใบหู นิ้ว และจมูกมาให้พระราชาดู พระราชากริ้วหกเขยมาก และยกย่องสุวรรณสังขว่ามีบุญญาธิการ พร้อมกับเชิญขึ้นครองเมือง
เมื่อสุวรรณสังขขึ้นเป็นพระราชาแล้วจึงไปรับพระมารดาไปอยู่ที่เมืองพาราณสี เมืองพาราณสีมีความเจริญรุ่งเรืองเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่สุวรรณสังขปกครอง จนความทราบถึงพระเจ้าพรหมทัต จึงส่งราชทูตพร้อมเครื่องบรรณาการมาเชิญสุวรรณสังขกลับไปครองเมืองพรหมนคร สุวรรณสังขกลับไปพรหมนครพร้อมกับพระมารดาและนางคันธาเทวี ปาลก*เสนาบดีกลัวความผิดที่เคยร่วมมือกับมเหสีฝ่ายซ้ายใส่ร้ายสุวรรณสังขและพระมารดาจึงไปยุยงให้พระเจ้าปัญจาลราชยกทัพมาโจมตีพรหมนคร สุวรรณสังขได้ไปขอความช่วยเหลือจากนางยักษิณีที่ไปเกิดยังดาวดึงส์ นางให้พระขรรค์ที่เพียงแต่แกว่งข้างหน้าข้าศึก ข้าศึกก็จะแตกพ่ายไป สุวรรณสังขจึงมีเกียรติยศเลื่องลือมากยิ่งขึ้น เมืองพรหมนครจึงสงบสุขร่มเย็นด้วยบุญญาธิการของสุวรรณสังข
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory