TLD-003-4754
สุวรรณสาม (ชื่อตัวละคร)
สุวรรณสามเป็นตัวละครในเรื่องสุวรรณสามชาดก มหานิบาต ในนิบาตชาดก
ในอดีตกาลไม่ไกลจากนครพาราณสี มีหมู่บ้านพรานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำทั้งสองฝั่ง หัวหน้าหมู่บ้านพรานทั้งสองเป็นสหายกัน ได้สัญญากันไว้ตั้งแต่ยังหนุ่มว่าถ้าฝ่ายหนึ่งมีบุตร อีกฝ่ายมีธิดาก็จะให้แต่งงานกัน หัวหน้าพรานคนหนึ่งมีบุตรชายชื่อทุกูละ* หัวหน้าพรานอีกคนหนึ่งมีบุตรสาวชื่อปาริกา* ทุกูละและปาริกามาจากพรหมโลกผิวพรรณงดงามทั้งคู่ ทั้งสองคนไม่ฆ่าสัตว์ เมื่อบิดามารดาจะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามสัญญา ทั้งสองปฏิเสธเพราะไม่มีความปรารถนาในทางประเวณี บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายจึงถามบุตรของตนว่าจะทำอะไรต่อไป ในเมื่อเกิดในสกุลเนสาท (พราน) แต่ไม่ยอมฆ่าสัตว์ ไม่ยอมขายเนื้อ ทุกูละและปาริกาจึงขออนุญาตบิดามารดาไปบวช แล้วทั้ง 2 คนก็ไปป่าหิมพานต์อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำมิคสัมมตา*ซึ่งไหลลงมาจากหิมวันตประเทศแล้วไหลต่อไปแม่น้ำคงคา
พระอินทร์ทรงทราบว่าทั้งสองจะบวชจึงสั่งพระวิสสุกรรมเทพบุตรให้ไปเนรมิตบรรณศาลาและเครื่องบริขารสำหรับบรรพชิตให้ ทุกูละและปาริกาไปเห็นบรรณศาลาและเครื่องบริขารก็รู้ว่าพระอินทร์ประทานให้ จึงบวชเป็นดาบส ดาบสินี อยู่เจริญเมตตาอาศัยอยู่ในที่นั้น ฝูงสัตว์ทั้งหลายบริเวณนั้นก็มีเมตตาจิตต่อกันด้วยอานุภาพของดาบสทั้งสอง วันหนึ่งพระอินทร์รู้ว่าดาบสทั้งสองจะตาบอดจึงลงมาบอกให้มีบุตร และแนะนำให้ดาบสใช้มือลูบท้องนางดาบสินีเวลานางมีระดู พระโพธิสัตว์จุติจากเทวโลกมาปฏิสนธิในครรภ์ของนาง บุตรของดาบสนั้นมีผิวพรรณเหมือนทองคำ บิดามารดาจึงให้ชื่อว่าสุวรรณสาม สุวรรณสามได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนอายุได้ 16 ปี
วันหนึ่งดาบสและดาบสินีไปหาผลไม้แล้วกลับที่พัก เกิดฝนตก ทั้งสองคนไปหลบฝนใต้ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บนจอมปลวก น้ำฝนปนกลิ่นเหงื่อของคนทั้งสองไหลลงไปในจอมปลวกซึ่งมีอสรพิษอาศัยอยู่ อสรพิษโกรธพ่นลมออกมาถูกดวงตาทั้งสองข้างของดาบสและดาบสินี ทำให้ทั้ง 2 คนตาบอด เหตุที่ทั้ง 2 คนตาบอดนั้นเป็นเพราะบุรพกรรมของคนทั้งสอง ในปางก่อนทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอยู่ในตระกูลแพทย์ รักษาตาของผู้มีทรัพย์คนหนึ่ง เมื่อรักษาหายแล้วชายผู้นั้นไม่จ่ายค่ารักษา สามีโกรธมากปรึกษาภรรยาว่าควรทำอย่างไร ภรรยาแนะนำว่าให้ปรุงยาอีกขนานหนึ่งให้ชายผู้นั้นป้ายนัยน์ตาเพื่อจะได้ตาบอด สามีเห็นชอบจึงทำตามนั้น ชายผู้นั้นก็ตาบอด ทุกูละและปาริกาจึงต้องตาบอดในชาตินี้
สุวรรณสามออกตามหาบิดามารดาจนพบ พากลับอาศรมปรนนิบัติอย่างดี ทุกวันจะออกไปหาผลไม้ มีฝูงเนื้อติดตามแวดล้อม มีฝูงกินนรมาช่วยเก็บผลไม้ เวลาเย็นสุวรรณสามจะใช้หม้อตักน้ำมาเตรียมไว้ให้บิดามารดา ครั้งนั้นเมืองพาราณสีมีพระราชาทรงนามว่าปิลยักขราช* เตรียมอาวุธแล้วเข้าป่าหิมพานต์เพื่อล่าเนื้อ เสด็จมาถึงท่าที่สุวรรณสามตักน้ำ ทอดพระเนตรเห็นรอยเท้าเนื้อเป็นอันมาก จึงซ่อนพระองค์อยู่ในพุ่มไม้เตรียมธนูอาบยาพิษคอยทีอยู่ เมื่อถึงเวลาเย็นสุวรรณสามหาผลไม้มาไว้ในอาศรมแล้วก็นำหม้อไปตักน้ำ มีหมู่เนื้อเป็นบริวารตามไป สุวรรณสามวางหม้อบนหลังเนื้อ 2 ตัวที่เดินเคียงกันไปแล้วประคองหม้อไว้ พระเจ้าปิลยักขราชเห็นสุวรรณสามแล้วไม่แน่ใจว่าเป็นเทวดาหรือเป็นนาค เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมนุษย์ในบริเวณนี้ จึงตัดสินใจยิงเพื่อจะได้ถามให้รู้เรื่อง ลูกศรอาบยาพิษนั้นแทงทะลุกายสุวรรณสาม ถึงกระนั้นสุวรรณสามก็ยังประคองหม้อน้ำไว้ วางหม้อน้ำแล้วนอนลงบนทรายไม่ได้แสดงความโกรธเคือง แล้วถามว่าใครคือผู้ขาดเมตตาจิตมายิงตน พระเจ้าปิลยักขราชจึงตอบว่าพระองค์เป็นใคร แล้วถามชื่อ สุวรรณสามบอกชื่อตนและบอกว่าบิดามารดาตาบอด ตนจึงมาตักน้ำให้ สุวรรณสามคร่ำครวญเกรงว่าบิดามารดาจะอยู่ลำบาก พระราชาฟังแล้วสำนึกผิดที่พระองค์ทำร้ายผู้ที่กตัญญูต่อบิดามารดา จึงทรงสัญญาว่าจะปรนนิบัติบิดามารดาของสุวรรณสาม สุวรรณสามชี้ทางให้ไปอาศรมของดาบสแล้วก็สลบไป
พระเจ้าปิลยักขราชเข้าพระทัยว่าสุวรรณสามสิ้นชีวิตแล้วก็ทรงโทมนัส รำพันถึงความผิดของพระองค์ ขณะนั้นเทพธิดาชื่อพสุนธรี*อยู่ที่เขาคันธมาทน์* นางเคยเป็นมารดาของพระโพธิสัตว์ในชาติหนึ่ง จึงคอยเล็งดูสุวรรณสามโพธิสัตว์ด้วยความเสน่หาดังบุตรอยู่เป็นนิจ วันที่เกิดเหตุเทพธิดาพสุนธรีไม่อยู่ เมื่อกลับมานางเห็นสุวรรณสามสลบอยู่ จึงเหาะมาพูดกับพระราชาโดยไม่สำแดงกายให้เห็นว่าพระองค์ทรงทำผิดมากเป็นกรรมอันหนักเท่ากับฆ่าทั้งสุวรรณสามและบิดามารดาของเขา วิธีที่พระองค์จะไปสู่สุคติได้ก็คือการไปเลี้ยงดูบิดามารดาของสุวรรณสาม แล้วพระราชาก็ทรงถือหม้อน้ำไปสู่อาศรมของทุกูลดาบส ทุกูลดาบสฟังเสียงฝีเท้าแล้วรู้ว่าเป็นมนุษย์แต่ไม่ใช่สุวรรณสาม พระราชาวางหม้อน้ำแล้วบอกว่าพระองค์เป็นพระราชาแห่งแคว้นกาสีชื่อปิลยักขราช มาล่าเนื้อ ดาบสก็เชิญให้เสวยผลไม้และดื่มน้ำ พระราชาถามว่าใครเป็นผู้นำผลไม้และน้ำมาให้ เมื่อดาบสบอกชื่อว่าสุวรรณสาม พระราชาจึงบอกว่าตนได้ฆ่าสุวรรณสามเสียแล้ว ดาบสินีปาริกาได้ยินก็เข้ามาถาม ทั้งสองคนคร่ำครวญถึงสุวรรณสาม แต่ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองพระราชา พระราชาจึงสัญญาว่าจะทรงบำรุงเลี้ยงดาบสทั้งสองด้วยพระองค์เอง ขอให้ถือว่าพระองค์เป็นประดุจบุตรไม่ใช่พระราชา แต่ดาบสทั้งสองไม่ยินยอมให้พระราชาทำเช่นนั้น เพียงแต่ขอให้ช่วยพาไปหาสุวรรณสาม เมื่อทั้งหมดไปถึงที่สุวรรณสามนอนสลบอยู่ ดาบสช้อนศีรษะสุวรรณสามวางบนตัก ส่วนดาบสินียกเท้าบุตรขึ้นวางบนตักแล้วพิไรรำพันด้วยความทุกข์โศก ดาบสินีพิจารณาว่าร่างของบุตรยังอุ่นอยู่ก็รู้ว่าสลบเพราะยาพิษ จึงทำสัจกิริยาขออำนาจผลแห่งการประพฤติธรรมของตนและของบุตรจงบันดาลให้พิษในตัวสุวรรณสามหายไป ดาบสและเทพธิดาพสุนธรีต่างก็ทำสัจกิริยาด้วย ขณะนั้นเกิดอัศจรรย์คือสุวรรณสามฟื้นขึ้น ดาบสและดาบสินีก็มีดวงตาที่เห็นเป็นปกติ
พระเจ้าปิลยักขราชทรงเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็เลื่อมใส สำนึกได้ว่าพระองค์เป็นผู้หลงผิด จึงขอยึดสุวรรณสามเป็นสรณะ สุวรรณสามถวายโอวาทด้วยทศพิธราชธรรม ถวายเบญจศีล พระราชาขอขมาโทษสุวรรณสามโพธิสัตว์แล้วเสด็จกลับพาราณสี ทรงบำเพ็ญกุศลและรักษาศีลอยู่เป็นนิจ ส่วนสุวรรณสามและบิดามารดาก็บำเพ็ญเพียรจนได้ฌานสมาบัติ เมื่อสิ้นชีพก็ไปเกิดในพรหมโลก
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory