กวินไวต์เป็นตัวละครในบทละครเรื่องวงศเทวราช (ฉบับพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เป็นมเหสีของพระเจ้าโยเสฟ*เจ้าเมืองกรอบซเกต*
เมื่อครั้งที่พระเจ้าโยเสฟเสด็จไปในงานพิธีอภิเษกสยุมพรของวงศเทวราช*เจ้าเมืองสมุทคีรี* กวินไวต์ตามเสด็จด้วย วงศเทวราชให้ขุนทหารทั้งสามคือ ท้าวมหานพสูร* ครุฑ* และสังขปัด*วานรไปรับพระเจ้าโยเสฟกับมเหสีเข้าเมือง พระเจ้าโยเสฟให้จัดกาแฟและสุรามาเลี้ยง สังขปัดดื่มบรั่นดีจนเมา ปีนขึ้นบันไดเสากระโดงดาดฟ้าเรือ เชือกขาดตกทะเล พระเจ้าโยเสฟให้กวินไวต์หาเครื่องแต่งกายมาให้สังขปัดเปลี่ยน สังขปัดเห็นกวินไวต์ก็มีใจปฏิพัทธ์ ทำท่าทางหลุกหลิกตุกติกให้นางรู้ แต่กวินไวต์คาดไม่ถึงว่าสังขปัดจะคิดล่วงเกินเพราะ “นึกว่าเล่นตามประสาวานร” จึงยื่นพัดด้ามจิ้วให้ สังขปัดถึงกับเอาพัดมากอดไว้แนบอก
ฝ่ายกวินไวต์เมื่อเข้าเฝ้าวงศเทวราช เห็นว่า “ทรงกำลังวังชาพ่วงพี ดีกว่าสามีของเรานัก” ก็มีจิต “พิศวาสเพียงขาดใจ” ส่วนวงศเทวราชก็มีจิตปฏิพัทธ์นางเช่นกัน สังขปัดสังเกตเห็นท่วงทีของทั้งสองก็ขัดใจ เมื่อกลับมาถึงพลับพลาสังขปัดเขียนกลอนฝากรักนัดพบกวินไวต์ แล้วให้นางหนูวอก*วานรทาสีไปส่งให้ที่วัง กวินไวต์ตอบสารรักสังขปัดเพราะคิดว่า “จำกูจะเล่นลองดู ให้รู้ว่ารสชาติเปนไฉน” เนื้อความที่กวินไวต์ตอบมีว่า
ในลักษณ์นั้นว่าน่าสงสาร ซึ่งจะใคร่พบพานพุมเรียงขาว
ผลไม้อยู่ยอดถึงมือยาว จะเหนี่ยวน้าวลงมานั้นอย่านึก
จะใคร่กินก็ต้องปีนขึ้นลำต้น กว่าจะได้ถึงผลคงดื่นดึก
แม้นกลัวตายก็อย่าหมายเลยเหลือลึก จงตรองตรึกดูให้ดีเท่านี้เอย
สังขปัดได้รับสารก็ดีใจ ถึงยามดึกลอบไปหากวินไวต์ ฝ่ายกวินไวต์ก็เปิดหน้าต่างส่งเสียงเป็นสัญญานให้สังขปัดรู้ สังขปัดซึ่งปีนขึ้นไปบนต้นมะยมได้ยินเสียงก็ลงจากต้นมะยม ขณะที่สังขปัดกำลังปีนฝาตำหนักกวินไวต์ ก็ต้องรีบกลับไปพลับพลาเพราะนางหนูวอกมาตาม บอกว่าวงศเทวราชขัดคำสั่งสังขปัดลอบเข้าหานางบุศบง*ก่อนถึงวันพิธีอภิเษกสยุมพร
หลังวันงานพิธีมีงานสโมสรสันนิบาตเลี้ยงฉลอง เจ้าเมืองและคู่ครองต่างสลับจับคู่กัน วงศเทวราชได้คู่กับกวินไวต์ สังขปัดเมาบรั่นดีอาละวาด ยิ่งได้เห็นวงศเทวราชจูงหัตถ์กวินไวต์ก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง จนครุฑและท้าววิเรนทร*ต้องช่วยกันใช้ผ้าป่านขาวดักจับสังขปัดห่อมัดไว้ วงศเทวราชสั่งให้กักตัวสังขปัดไว้ในพลับพลาเพื่อไม่ให้มาก่อเหตุวุ่นวายอีกในงานบอลลีลาศวันรุ่งขึ้น
คืนต่อมาขณะที่ทุกคนกำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนานในงานบอล สังขปัดซึ่งฟื้นขึ้นก็ออกมาอาละวาด ตั้งใจจะอุ้มกวินไวต์ไปยังพลับพลา ครั้นเห็นวงศเทวราชจูงกวินไวต์เข้ามาใกล้ก็โถมเข้ากอด แล้วสลบลงแทบเท้านาง ครั้นสังขปัดฟื้นขึ้นอีกครั้งก็เผาเมืองเพื่อแก้แค้นวงศเทวราชที่ขัดใจเรื่องกวินไวต์
ฝ่ายกวินไวต์กลับจากงานบอลแล้วก็ยังปลอมตัวเป็นชายนั่งรถเที่ยวนครต่อ โดยทิ้งให้พระเจ้าโยเสฟบรรทมอยู่ในห้องเพราะประชวร เมื่อเกิดไฟไหม้วังพระเจ้าโยเสฟก็ทรงม้าหนีไฟ ระหว่างทางพบกวินไวต์กับมองโด*หนุ่มพม่านั่งรถคู่กันอย่างสนิทแนบ เมื่อสวามีตรัสถาม กวินไวต์ทูลว่ามองโดใคร่จะมาขอรับราชการด้วย พระเจ้าโยเสฟก็เชื่อคำทูล พากวินไวต์ลงเรือกำปั่นไฟกลับเมืองกรอบซเกต ขณะเดินทางกวินไวต์คิดถึงวงศเทวราชและสังขปัดที่มิได้ “ดังจินดา” จึงไปร่วมสมกับมองโด พระเจ้าโยเสฟก็มิได้สงสัย “ด้วยเปนซิวิไลซ์ตามใจนาง โดยแบบอย่างฝรั่งเกาะลังกา