TLD-003-4833
โสนันทราชกุมาร (ชื่อตัวละคร)
โสนันทชาดก ปัญญาสชาดก
โสนันทราชกุมารเป็นตัวละครในเรื่องโสนันทชาดก ในปัญญาสชาดก เป็นโอรสองค์ที่ 2 ในบรรดาโอรส 7 องค์ของพระเจ้าธรรมมธุรราช*ผู้ครองเมืองพาราณสี*
ในเมืองพาราณสีมีบุตรเศรษฐีชื่อวุฒกุมาร*ซึ่งมีภรรยาชื่อสิปปธนี*บุตรสาวของชายเข็ญใจผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของเศรษฐี วันหนึ่งวุฒกุมารโกรธนางสิปปธนีจึงบริภาษนางว่าเป็นหญิงเข็ญใจ อยากได้ตนเป็นสามีเพราะหวังสมบัติ นางสิปปธนีน้อยใจจึงตั้งสัตยาธิษฐานว่าหากทารกในครรภ์นางมีวาสนาขออย่าได้อยู่ในตระกูลนี้และขอให้ออกมาทางปากนาง อย่าได้กำเนิดตามปกติ ด้วยอานุภาพของสัตยาธิษฐาน พระอินทร์จึงแปลงกายมาเป็นนกกางเขนเข้าไปในครรภ์ทางจมูกและคาบทารกออกมาทางปากของนางสิปปธนีนำไปไว้ในดอกบัวในป่าหิมพานต์ วิสุทธดาบส*เก็บทารกมาเลี้ยงให้ชื่อว่าปทุมาวดี*โดยให้ดื่มน้ำนมและกินอาหารทางนิ้วของดาบส เมื่อนางปทุมาวดีเติบใหญ่เป็นหญิงงาม วิสุทธดาบสไม่อยากเป็นที่ครหาว่ามีหญิงงามอาศัยอยู่ด้วย พระอินทร์รู้จึงให้เวสสุกรรมเทพบุตรลงมาเนรมิตเรือนซึ่งจารึกชื่อนางปทุมาวดีไว้ วิสุทธดาบสจึงให้นางปทุมาวดีอยู่ที่เรือนเนรมิตนี้
วันหนึ่งกบิลราชกุมาร*ผู้เป็นเชษฐาชวนโสนันทราชกุมารออกล่าสัตว์ในป่า รุกขเทวดาเห็นโสนันทราชกุมารมีรูปงามเหมาะกับนางปทุมาวดีผู้มีความงามพร้อมและมีกำเนิดพิเศษจึงช่วยให้โสนันทราชกุมารได้พบนาง โดยแปลงองค์เป็นกวางทองวิ่งผ่านโสนันทราชกุมารเพื่อนำทางไปยังเรือนของนางปทุมาวดี เมื่อทั้งสองได้พบกันต่างก็มีใจปฏิพัทธ์ และได้ครองคู่กันอยู่ในเรือนอย่างมีความสุข
ส่วนกบิลราชกุมารก็ตามหาอนุชา เมื่อไม่พบก็กลับไปทูลพระบิดามารดา ทั้งสองพระองค์ทรงกระทำพลีกรรม รักษาศีล และทำทานโดยหวังว่าผลของการทำกุศลต่างๆ นี้จะช่วยให้โสนันทราชกุมารปลอดภัย
ฝ่ายโสนันทราชกุมารอยู่กับนางปทุมาวดีได้ระยะหนึ่ง ก็ทรงคิดถึงพระบิดามารดาจึงลานางกลับเมือง โดยทรงสัญญาว่าจะกลับมารับนางภายใน 10 วัน เมื่อโสนันทราชกุมารกลับมาถึงเมืองพาราณสีได้ทูลเรื่องของนางปทุมาวดีให้พระบิดามารดาทราบ ทั้งสองพระองค์ก็ออกไปรับนางเข้าเมือง
พระเจ้าธรรมมธุรราชไปสู่ขอนางปทุมาวดีจากวิสุทธดาบส พระดาบสยกนางให้โดยขอว่าอย่าให้นางปทุมาวดีเป็นอนุภรรยา หากมีหญิงอื่นกล่าวโทษนางขอให้ทรงพิจารณาโทษและถ้ามีโทษจริง ขอให้ทรงกระทำดังนี้ ครั้งที่ 1 ให้โอวาท ครั้งที่ 2 บริภาษ และครั้งที่ 3 ประหาร พระเจ้าธรรมมธุรราชก็ทรงตกลงตามนั้น และเมื่อกลับถึงเมืองพาราณสีก็ทรงอภิเษกโสนันทราชกุมารกับนางปทุมาวดี
ฝ่ายนางกาลกัณณี*ชายาของกบิลราชกุมารซึ่งหลงรักโสนันทราชมานานแล้วเกิดริษยานางปทุมาวดี จึงคิดกำจัดกบิลราชกุมารและนางปทุมาวดี ด้วยการใส่สารหนูลงไปในอาหารของกบิลราชกุมาร กบิลราชกุมารจึงสิ้นพระชนม์ นางกาลกัณณีแสร้งทำเศร้าโศกเสียใจแล้วขอให้บรรดาอนุชาของกบิลราชกุมารมาเฝ้าพระศพ จนวันที่ 5 นางขอให้โสนันทราชกุมารมาเฝ้าพระศพบ้าง โสนันทราชกุมารเสด็จมาพร้อมกับนางปทุมาวดี ตกดึกเมื่อทุกคนหลับแล้ว นางกาลกัณณีสบโอกาสจึงตัดนิ้วจากพระศพมา 1 นิ้ว แล้วนำไปใส่ไว้ที่มวยผมของนางปทุมาวดี
วันรุ่งขึ้นมีพิธียกพระศพขึ้นกุฏาคาร เหล่าหญิงในราชสำนักพากันสยายผมร่ำไห้ เว้นแต่นางปทุมาวดีที่ไม่รู้ธรรมเนียม นางกาลกัณณีจึงทูลขอให้พระเจ้าธรรมมธุรราชสั่งนางปทุมาวดีให้สยายผมตามประเพณี นิ้วพระศพจึงร่วงลงมา นางกาลกัณณีประกาศแก่มหาชนว่านางปทุมาวดีเป็นรากษสและที่นำนิ้วพระศพไปซ่อนไว้ก็เพื่อเอาไว้เคี้ยวกิน พระเจ้าธรรมมธุรราชได้แต่ทรงนิ่งเฉยไม่ได้ทรงสอบสวนใดๆ นางกาลกัณณีจึงทูลยุยงให้ประหารนางปทุมาวดีเสียแต่พระเจ้าธรรมมธุรราชไม่ยอมประหาร ให้ส่งนางคืนวิสุทธดาบส นางกาลกัณณีพอใจที่นางปทุมาวดีต้องพรากจากโสนันทราชกุมาร
อำมาตย์ 4 คนที่ได้รับคำสั่งนำนางปทุมาวดีไปส่งยังสำนักของวิสุทธดาบสพากันไปทูลโสนันทราชกุมารเพื่อหาทางแก้ไขแต่โสนันทราชกุมารตรัสว่าให้ทำตามคำสั่งของพระบิดา ทำให้นางปทุมาวดีเสียใจมาก เมื่อนางปทุมาวดีจากไปแล้ว โสนันทราชกุมารก็เสียพระทัย นางกาลกัณณีจึงเข้าไปปลอบโยน จนในที่สุดนางก็สมปรารถนาได้เป็นชายาของโสนันทราชกุมาร
ฝ่ายนางปทุมาวดีเมื่ออำมาตย์ทั้งสี่พาออกมาถึงป่าก็ขอให้ปล่อยนางแล้วให้แหวนแก่อำมาตย์ทั้งสี่คนละวง จากนั้นก็กระทำสัตยาธิษฐานว่าหากนางเป็นรากษสจริงก็ขอให้พระแม่ธรณีเปิดช่องให้นางลงไปแต่ถ้าไม่ใช่ขอให้บริเวณนั้นกลายเป็นสวนรื่นรมย์ ผู้ใดเป็นคนบาปกินผลไม้ในสวนก็จะรู้สึกขม ผู้ใดเป็นคนดีกินแล้วจะรู้สึกหวาน อีกทั้งขอให้ร่างกายของนางจงเป็นศาลา มือและเท้าเป็นเสาศาลา ท้องเป็นกระดานพื้น หลังและคอเป็นช่อฟ้า ซี่โครงและกระดูกเป็นกลอน กะโหลกศีรษะเป็นหน้าต่าง ผมและขนเป็นหญ้าคาคลุมหลังคา เนื้อหนังและเอ็นเป็นฝา หูเป็นลูกนกแขกเต้า และตาทั้งสองเป็นแม่นกแขกเต้า
สิ้นคำอธิษฐานร่างกายของนางปทุมาวดีก็กลายเป็นศาลาซึ่งมีนกแขกเต้าแม่ลูกพูดคุยกันอยู่ เมื่อผู้ใดผ่านมาก็จะได้ยินนกทั้งสองคุยกันเรื่องประวัติชีวิตของนางปทุมาวดีตั้งแต่กำเนิดจนถึงถูกใส่ร้ายว่าเป็นรากษส มหาชนที่ผ่านมาได้อาศัยศาลาแล้วต่างก็กลับไปเล่าขานต่อๆ กัน จนเล่าลือไปจนถึงในวังและรู้ถึงพระเจ้าธรรมมธุรราช พระองค์พร้อมกับมเหสีและพระโอรสทั้งหมดต้องการพิสูจน์ความที่เล่าลือ จึงเสด็จไปที่ศาลา
เมื่อถึงศาลาทุกคนพากันเก็บผลไม้กินกันอย่างเบิกบานเว้นแต่นางกาลกัณณีที่กินผลไม้แล้วมีรสขม เมื่อพระเจ้าธรรมมธุรราชเข้าไปในศาลาก็ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับนางปทุมาวดีจากนกแขกเต้าทั้งสอง พระองค์จึงทรงไต่สวนนางกาลกัณณี นางรับสารภาพ จึงทรงลงโทษด้วยการให้นางกินสารหนูจนสิ้นใจตายและจัดสถานที่ต้อนรับนางปทุมาวดีตามคำแนะนำของนกแขกเต้า พร้อมทั้งกล่าวเชิญนางปทุมาวดีและขอขมานาง สิ้นคำขอขมา ศาลา และนกแขกเต้าก็อันตรธานไป นางปทุมาวดีปรากฏกายขึ้น โสนันทราชกุมารเห็นนางก็ดีพระทัยยิ่ง พระเจ้าธรรมมธุรราชก็จัดการอภิเษกให้อีกครั้ง ณ ที่แห่งนั้น และเมื่อเสด็จกลับถึงพระนครแล้วก็ทรงมอบราชสมบัติให้โสนันทราชกุมารแล้วทรงออกบวช ต่อมานางปทุมาวดีให้กำเนิดโอรสนามว่าปทุมโสนกุมาร*
โสนันทราชเป็นพระราชาที่ฝักใฝ่ในธรรมยิ่ง ทรงให้สร้างทานศาลาไว้ 6 แห่ง ทั้งยังทรงสั่งสอนให้ประชาชนอยู่ในศีลธรรม เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราโสนันทราชกับนางปทุมาวดีออกบวชในป่าหิมพานต์ เจริญพรหมวิหาร 4 ทรงฌานสมาบัติ เมื่อสิ้นอายุได้ไปเกิดยังพรหมโลก ส่วนปทุมโสนราชก็ครองเมืองพาราณสีด้วยทศพิธราชธรรม
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory