TLD-003-5040
อนิตถิคันธะ (ชื่อตัวละคร)
จุลปโลภชาดก นิบาตชาดก
อนิตถิคันธะเป็นตัวละครในเรื่องจุลปโลภชาดก ติกนิบาต ในนิบาตชาดก
ครั้งพระเจ้าพรหมทัต*ครองกรุงพาราณสี* พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นโอรสเกิดจากอัครมเหสี หลังจากประสูติพระบิดามารดาให้ดื่มถันธาราจากนางนมทั้งหลายแต่พระโอรสกันแสง พระบิดามารดาจึงให้ดื่มถันธาราจากหญิงอื่นพระโอรสก็ยังคงกันแสงไม่หยุดเพราะทรงถูกอุ้มโดยสตรี พระบิดามารดาจึงให้บุรุษผู้เป็นคนรับใช้ที่ใกล้ชิดอุ้ม พระกุมารก็หยุดกันแสงทันที พระบิดาจึงประทานนามว่าอนิตถิคันธะ ตั้งแต่นั้นมาเมื่อพระกุมารจะเสวยนมก็ต้องปิดบังมิให้เห็นตัวแม่นม เช่น ใช้วิธีรีดนมมาให้เสวย ใช้วิธีสอดหัวถันออกมาทางช่องพระวิสูตรให้กุมารดูด เป็นต้น พระเจ้าพรหมทัตโปรดให้สร้างตำหนักไว้ภายนอกให้พระกุมารประทับ
ครั้นพระอนิตถิคันธกุมารชันษา 16 ปี พระเจ้าพรหมทัตทรงกังวลเรื่องพระโอรสไม่สนใจเรื่องกามคุณ ซึ่งหมายถึงว่าจะไม่ทรงปรารถนาครองราชสมบัติ ในครั้งนั้นหญิงฟ้อนและขับรำรุ่นสาวนางหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตทูลอาสาจะเล้าโลมพระกุมารให้รู้จักกามรส พระเจ้าพรหมทัตตรัสว่าถ้านางทำได้สำเร็จจะทรงตั้งให้เป็นชายาของพระโอรส หญิงฟ้อนรำจึงไปหาบุรุษพี่เลี้ยงพระกุมารบอกว่าเวลาใกล้รุ่งจะมาขับร้องเพลงใกล้กับที่บรรทม พระกุมารโปรดหรือไม่ขอให้พี่เลี้ยงบอกให้นางรู้
ครั้นพระอนิตถิคันธกุมารได้ฟังเสียงขับเพลงของนางก็พอพระทัย วันต่อ ๆ มาก็ให้นางเข้ามาขับใกล้กับพระองค์มากขึ้นๆ ตามลำดับจนในที่สุดก็ได้อยู่ร่วมกับนาง พระกุมารหลงใหลและหึงหวงนางมากถึงขนาดถือพระขรรค์ขับไล่มิให้บุรุษใดเข้าใกล้นาง จนพระบิดามีรับสั่งให้พระกุมารและชายาไปอยู่ในป่า ปลูกบรรณศาลาและแสวงหาผลไม้มาบริโภค วันหนึ่งขณะที่พระกุมารเสด็จออกไปหาผลไม้ มีดาบสเหาะมาเห็นควันไฟที่ชายาต้มเผือกมันก็เหาะลงบรรณศาลา นางเล้าโลมพระดาบสด้วยมารยาสตรีจนพระดาบสเสื่อมจากฌานเพราะได้ร่วมสมกับนาง ถึงเวลาเย็นพระดาบสเห็นพระอนิตถิคันธกุมารกลับมาแต่ไกลก็รีบหนี ฝ่ายพระกุมารเห็นพระดาบสก็คิดว่าเป็นศัตรูจึงชักพระขรรค์ออกติดตาม พระดาบสซึ่งเสื่อมฌานเหาะขึ้นไม่ได้ก็ตกลงในมหาสมุทร พระอนิตถิคันธกุมารเห็นดังนั้นก็คิดจะช่วยจึงตรัสว่า สตรีเป็นภัยอันตรายแก่บุรุษที่มีความสัมพันธ์ด้วย เป็นผู้ทำให้บุรุษจมอยู่ในห้วงมหรรณพภพสงสาร เมื่อรู้ดังนี้แล้วบุรุษพึงหลีกให้ไกล เมื่อพระดาบสได้ฟังก็บำเพ็ญฌานให้เกิดขึ้นใหม่แล้วเหาะกลับไปยังที่อยู่ของตนได้ พระกุมารทรงคิดว่าตนควรจะบำเพ็ญฌานบ้าง เพื่อเหาะไปในอากาศได้เหมือนพระดาบส จึงพาชายาไปส่งในเมือง จากนั้นก็เสด็จกลับเข้าป่า ปลูกอาศรมศาลาแล้ว
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory