TLD-003-5277
อาสังกา (ชื่อตัวละคร)
อาสังกชาดก นิบาตชาดก
อาสังกาเป็นตัวละครในเรื่องอาสังกชาดก ฉักกนิบาต ในนิบาตชาดก
ในสมัยของพระเจ้าพรหมทัต*แห่งเมืองพาราณสี* พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ในตระกูลกาสิกคาม เมื่อเจริญวัยได้ไปเรียนศิลปศาสตร์ที่สำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในเมืองตักสิลา ต่อมาได้บรรพชาเป็นฤๅษีอยู่ในป่าหิมพานต์จนสำเร็จอภิญญาสมาบัติถึงโลกิยฌาน ครั้งนั้นผู้มีบุญจุติจากดาวดึงส์ลงมาเกิดเป็นกุมารีอยู่ในดอกบัวในสระหน้าบรรณศาลาของพระฤๅษีโพธิสัตว์ วันหนึ่งพระฤๅษีไปที่สระเพื่อจะสรงน้ำ พบกุมารีจึงนำไปเลี้ยงเป็นธิดา เมื่อนางมีอายุได้ 16 ปีก็มีรูปโฉมงดงามยิ่ง ขณะนั้นพระอินทร์เสด็จลงมาปรนนิบัติพระฤๅษี เห็นนางจึงถามพระฤๅษีถึงกำเนิดและสิ่งที่เหมาะแก่นาง พระฤๅษีตอบว่านางควรแก่ทิพยสมบัติทั้งปวง พระอินทร์จึงเนรมิตปราสาทและเครื่องอุปโภคบริโภคให้ ปราสาทนั้นเมื่อนางขึ้นหรือลงแล้วก็ลอยอยู่ในอากาศได้
เวลานั้นพรานป่าคนหนึ่งเห็นธิดาเลี้ยงของพระฤๅษีจึงไปทูลพระเจ้าพรหมทัต พระเจ้าพรหมทัตหลงรักนางจึงเสด็จเข้าป่าพร้อมด้วยไพร่พลโดยให้พรานป่านำทาง เมื่อไปถึงบรรณศาลาก็เสด็จเข้าไปสู่ขอนางจากพระฤๅษี พระฤๅษีคิดชื่อให้นางว่าอาสังกาเพราะเหตุที่ได้เคยสงสัยว่าในดอกบัวนี้มีอะไรอยู่จึงลงไปในน้ำและได้นางมา เมื่อจะยกนางให้แก่พระเจ้าพรหมทัต พระฤๅษีไม่ได้บอกตรงๆ แต่บอกโดยอุบายว่าเมื่อพระองค์รู้จักชื่อนางแล้วก็รับนางไปได้ พระเจ้าพรหมทัตคิดค้นชื่อนางอยู่ถึง 1 ปีก็ยังไม่สำเร็จ ไพร่พลล้มตายในป่าเป็นอันมาก จึงพิโรธและไม่ปรารถนานางแล้ว ขณะที่พระเจ้าพรหมทัตเสด็จกลับเมือง นางอาสังกาเผยหน้าต่างปราสาทปรากฏตนให้พระเจ้าพรหมทัตเห็น พระเจ้าพรหมทัตตรัสว่าเมื่อไม่รู้ชื่อของนางก็จะเสด็จกลับ นางอาสังกาเล่านิทานถวายว่า เครือเถาอาสาวดีที่สวนจิตรลดาในดาวดึงส์มีน้ำทิพย์อยู่ข้างใน บรรดาเทพบุตรได้ดื่มน้ำทิพย์นั้นย่อมมึนเมา ต้องนอนอยู่บนอาสน์ถึง 4 เดือนจึงสร่าง ต้นไม้นั้นกำหนด 1,000 ปีจึงจะบังเกิดผล เทพบุตรที่เป็นนักเลงสุราอดกลั้นความต้องการน้ำทิพย์เพื่อไปคอยดูเครือเถาอาสาวดีนั้นตลอด 1,000 ปี แต่พระเจ้าพรหมทัตเป็นทุกข์เพียงปีเดียวเท่านั้น ธรรมดาความหวังคงต้องมีผล
พระเจ้าพรหมทัตยังคงตรัสว่าพระองค์ไม่รู้ชื่อของนางจึงจะเสด็จกลับ นางอาสังกาทูลว่าเหตุใดพระเจ้าพรหมทัตจึงจะไม่รู้จักชื่อของนาง แล้วก็เล่านิทานถวายว่านกยางตัวหนึ่งเที่ยวหาเหยื่อกินที่สระบัวแห่งหนึ่งแล้วก็ไปจับที่ยอดเขา นกยางต้องการอยู่ที่ยอดเขานี้แต่คิดว่าจะหาเหยื่อและน้ำได้อย่างไร ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระอินทร์มีชัยในการทำสงครามกับอสูร ดำริว่าความปรารถนาของพระองค์สำเร็จแล้วยังมีความปรารถนาของผู้ใดยังไม่สำเร็จบ้างก็เล็งทิพยจักษุดู ทรงเห็นนกยางก็ช่วยบันดาลให้แม่น้ำใกล้ๆ ที่นกยางจับอยู่นั้นไหลบ่าไปตามซอกธาร นกยางก็ได้อยู่บนภูเขาพร้อมได้กินทั้งเหยื่อและน้ำสมปรารถนา นางอาสังกาทูลพระเจ้าพรหมทัตว่าเมื่อนกยางมีความมุ่งหวังก็ได้ผลสำเร็จ แล้วเหตุใดพระเจ้าพรหมทัตตั้งพระทัยมุ่งหวังไว้จึงจะไม่ได้ตามนั้น
พระเจ้าพรหมทัตได้ทรงฟังก็คล้อยตาม โปรดให้ประชุมมุขมนตรีคิดชื่อนางใหม่อีกครั้ง จนเวลาล่วงไปเป็น 3 ปีนับแต่เสด็จออกจากเมือง เมื่อบอกชื่อนางแก่พระฤๅษีไม่ได้ พระเจ้าพรหมทัตจึงลากลับเมืองอีกครั้งหนึ่ง พระองค์บอกนางว่าที่ทรงยับยั้งอยู่ไม่ใช่เพราะยินดีในกามแต่เป็นเพราะถ้อยคำที่อ่อนหวานของนาง บัดนี้พระองค์จะประทับอยู่ต่อก็เป็นทุกข์ ทรงสงสัยว่าชีวิตจะไม่มั่นคงจึงจะลากลับเมือง นางอาสังกาทูลว่าพระองค์ทรงรู้ชื่อนางแล้วและให้นำชื่อที่พระองค์ตรัสไปบอกพระฤๅษี พระเจ้าพรหมทัตพานางไปเป็นมเหสีได้และมีโอรสธิดาด้วยกันหลายองค์ ส่วนพระฤๅษีโพธิสัตว์เมื่อสิ้นชีวิตได้ไปบังเกิดในพรหมโลก
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory