โลโก้ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรLogo
logo
  • หน้าหลัก
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • เกี่ยวกับโครงการ
    • นโยบายการใช้งาน
    • ติดต่อเรา
    • ศมส
ขยายขนาดตัวอักษร

ตัวละครและปกิณกะ

  1. หน้าหลัก
  2. ตัวละครและปกิณกะ
  3. อำมาตย์โพธิสัตว์ 7

อำมาตย์โพธิสัตว์ 7

  • อำมาตย์โพธิสัตว์ 7
  • ชื่อตัวละคร
รหัสข้อมูล
TLD-003-5291
ชื่อ
อำมาตย์โพธิสัตว์ 7 ( ชื่อตัวละคร)
วรรณคดี
มหาสารชาดก   นิบาตชาดก  
คำอธิบายเนื้อเรื่อง

อำมาตย์โพธิสัตว์เป็นตัวละครในเรื่องมหาสารชาดก  เอกนิบาต  ในนิบาตชาดก

ในสมัยพระเจ้าพรหมทัต*ครองเมืองพาราณสี*  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นบุตรในตระกูลอำมาตย์  เมื่อเจริญวัยได้เรียนสำเร็จศิลปศาสตร์ทั้งปวงแล้วก็ได้เป็นอำมาตย์ของพระเจ้าพรหมทัต

วันหนึ่งพระราชาเสด็จประพาสอุทยานพร้อมด้วยราชบริพารทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน  เมื่อไปถึงสระโบกขรณีโปรดให้พระราชเทวีและนางสนมกำนัลลงเล่นน้ำในสระพร้อมกับพระองค์  พระราชเทวีและนางในทั้งหลายพากันถอดเครื่องประดับวางไว้บนผ้าสไบแล้วยกขึ้นวางซ้อนบนกระเช้าดอกไม้  ให้ทาสีดูแลแล้วพากันไปเล่นน้ำ  นางวานรตัวหนึ่งนั่งอยู่บนค่าคบไม้  เห็นเครื่องประดับก็อยากได้มาแต่งตัว   รอจนนางทาสีนั่งหลับก็รีบลงมาจากต้นไม้  คว้าสร้อยเครือมุกดามาสวมคอแล้วขึ้นต้นไม้ไป  ต่อมาเกรงว่าเพื่อนวานรจะเห็นจึงนำสร้อยนั้นไปซ่อนในโพรงไม้  นางทาสีตื่นขึ้นไม่เห็นสร้อยเครือมุกดาก็ตกใจ  ร้องเอะอะขึ้นว่ามีผู้ร้ายมาลักสร้อยของพระราชเทวีไป  พระเจ้าพรหมทัตรับสั่งให้จับผู้ร้าย  เจ้าหน้าที่พากันค้นหาในอุทยานมีเสียงดังอื้ออึงเต็มไปหมด  ขณะนั้นมีชาวบ้านนอกคนหนึ่งตกปลาอยู่  ได้ยินเสียงอื้ออึงก็ตกใจ  ทิ้งคันเบ็ดแล้ววิ่งหนีไป  พวกราชบุรุษเข้าใจว่าเป็นโจรจึงจับตัวมาโบยตีขู่ถาม  ชาวบ้านนอกผู้นั้นเกรงว่าจะถูกเฆี่ยนจนตายจึงยอมรับเป็นสัตย์ว่าตนลักเครื่องประดับไปจริง  ราชบุรุษจึงพาไปเฝ้าพระราชา  เมื่อพระราชาถามว่าลักเครื่องประดับไปจริงหรือ  ชายผู้นั้นตอบว่าลักไปจริง  ครั้นถามว่าเอาไปไว้ที่ไหน  ชายผู้นั้นก็ตอบว่าเศรษฐีใช้ให้ตนมาลักไปและตนมอบให้เศรษฐีไปแล้ว  ราชบุรุษไปจับเศรษฐี  เศรษฐีก็สารภาพว่าได้รับเครื่องประดับจากชายคนนั้นจริง  แต่ว่าตนได้ให้แก่ปุโรหิตไปแล้ว  พราหมณ์ปุโรหิตก็รับผิดเช่นเดียวกันและบอกว่าให้แก่คนขับร้อง  คนขับร้องก็บอกว่าตนได้ให้นางวรรณทาสีไป  เมื่อรับสั่งเรียกนางวรรณทาสีมาถาม  นางทูลปฏิเสธว่านางมิได้รับสิ่งใดจากคนขับร้องเลย  พระเจ้าพรหมทัตทรงไต่สวนคนทั้งห้าอยู่จนถึงเวลาย่ำค่ำก็ไม่ทรงทราบว่าใครเป็นผู้ร้าย  จึงให้อำมาตย์ดูแลไว้ก่อน  วันรุ่งขึ้นจะชำระความต่อ

อำมาตย์โพธิสัตว์อยู่ ณ ที่นั้นด้วย  เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญา  จึงใคร่ครวญว่าเครื่องประดับของหลวงนี้หายไปในหมู่คนที่รับใช้อยู่ภายในวัง  แต่คนทั้งห้าที่ต้องคดีเป็นคนที่อยู่ภายนอกวัง  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็กวดขันกันแข็งแรง  คนภายนอกไม่น่าจะเข้าไปลักของได้  ส่วนคนที่อยู่ภายในวังก็ไม่สามารถจะซ่อนของเอาออกไปข้างนอกได้  คนเหล่านั้นให้การรับเป็นสัตย์เพราะเกรงอาญา  อนึ่งวานรในอุทยานมีมาก  น่าสงสัยว่าเครื่องประดับพระราชเทวีอาจจะอยู่ในมือของวานรตัวใดตัวหนึ่ง  คิดแล้วจึงไปเฝ้าพระราชาทูลว่าจะขอรับพิพากษาคดีคนทั้งห้าเอง  พระราชาทรงอนุญาต  อำมาตย์โพธิสัตว์จึงเรียกทาสทั้งหลายของตนมากำชับว่า  ให้ดูแลคนทั้งห้านี้อยู่ในที่เดียวกัน  จัดการให้รอบคอบและคอยฟังเสียงต่างๆ ด้วยว่าคนทั้งห้าพูดกันว่าอย่างไรบ้าง  ให้จดจำถ้อยคำเหล่านั้นมาบอกตน

คนทั้งห้านั้นเมื่อมาอยู่พร้อมหน้ากัน  เศรษฐีก็ถามชาวบ้านนอกว่าได้เคยพบตนที่ใดและเอาเครื่องประดับมีค่ามาให้ตนได้อย่างไร  ชาวบ้านนอกตอบว่าตนไม่รู้ว่าเครื่องประดับที่หายนั้นเป็นอะไร  ที่ซัดทอดเศรษฐีเพราะจะอาศัยให้พ้นผิด  ปุโรหิตาจารย์ก็ถามเศรษฐีว่าได้ให้เครื่องประดับแก่ตนไว้เมื่อใด  เศรษฐีก็ตอบว่าที่พูดเช่นนั้นเพราะเศรษฐีและตนต่างก็เป็นคนใหญ่โต  ถ้ามาต้องโทษด้วยกันจะได้ช่วยกันแก้ไขให้พ้นพระอาญา  คนขับร้องก็ถามปุโรหิตว่าได้นำเครื่องประดับมาให้ตนตั้งแต่เมื่อใด  ปุโรหิตตอบว่าที่พูดเช่นนั้นคิดว่าจะต้องถูกจองจำ  ถ้ามีคนมาขับร้องให้ฟังก็จะได้คลายทุกข์  แต่ละคนก็ขอโทษกัน  ส่วนนางวรรณทาสีก็พูดกับคนขับร้องว่า  ตนและคนขับร้องต่างไม่เคยไปมาหาสู่กัน  และนำเครื่องประดับอะไรมาให้ตน  คนขับร้องก็ขอว่าอย่าได้โกรธตนเลย  ตนคิดเพียงว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันก็จะคลายทุกข์  ทาสของพระโพธิสัตว์ฟังแล้วก็นำความทั้งหมดไปบอกอำมาตย์โพธิสัตว์  อำมาตย์โพธิสัตว์จึงคิดอุบายให้นางวานรทิ้งเครื่องประดับลงมา  โดยสั่งให้ทำเครื่องประดับจากยางไม้จำนวนมาก  ให้ทาสไปจับนางวานรหลายตัวในอุทยานมาให้ใส่เครื่องประดับนั้นทั้งที่มือ  ที่เท้า  และคอ  แล้วปล่อยไป  และให้ทาสไปคอยดูว่าเครื่องประดับของพระราชเทวีอยู่ที่วานรตัวใด  ให้ทำให้ตกใจจนทิ้งเครื่องประดับลงมา

นางวานรทั้งหลายได้เครื่องประดับที่ทำด้วยยางไม้แต่งตัวก็ดีใจ  กระโดดโลดเต้นไปอวดนางวานรที่ขโมยเครื่องประดับ  นางวานรขโมยทนความอวดของนางวานรเหล่านั้นไม่ได้  จึงบอกว่าเครื่องประดับยางไม้จะดีอย่างไร  เครื่องประดับของตนดีกว่านี้มาก  ว่าแล้วก็มุดเข้าไปในโพรงเอาเครื่องประดับนั้นแต่งตัวออกมาบ้าง  พวกทาสทั้งหลายเห็นดังนั้นก็พากันตบมือร้องตวาดจนนางวานรทิ้งเครื่องประดับลงมา  แล้วก็นำไปให้อำมาตย์โพธิสัตว์

อำมาตย์โพธิสัตว์นำเครื่องประดับไปถวายพระราชาแล้วทูลว่าคนทั้งห้านั้นไม่ใช่ผู้ร้าย  ทรงถามว่าเหตุใดจึงรู้ว่าเครื่องประดับอยู่ในมือวานร  แล้วทำอย่างไรจึงได้คืนมา  อำมาตย์โพธิสัตว์ก็ทูลตามที่ตนได้ทำมาทั้งหมด  พระเจ้าพาราณสีพอพระทัยในปรีชาญาณของอำมาตย์โพธิสัตว์จึงตรัสสรรเสริญแล้วบูชาด้วยรัตนะ 7 ประการ  ทรงตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์  บำเพ็ญกุศลทำทาน

ผู้เรียบเรียง
วิพุธ โสภวงศ์ 
เจ้าของสิทธิ์
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
รูปแบบลิขสิทธิ์
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม
2021 © ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
www.sac.or.th
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00-17.00 น.
TELEPHONE
0-2880-9429
FAX
0-2880-9332
E-MAIL
webmaster@sac.or.th
E-MAIL (งานสารบรรณ)
saraban@sac.or.th

นิสา เชยกลิ่น

นิสา เชยกลิ่น
Content Manager

ช่องทางการรับฟังความคิดเห็น
Application : Smart SAC
ประเภท
  • วรรณคดี
  • ผู้แต่ง
  • ตัวละครและปกิณกะ
เกี่ยวกับ
  • เกี่ยวกับโครงการ
  • นโยบายการใช้งาน
ติดต่อ
  • ติดต่อเรา
  • ศมส.
  • นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
SmartSAC in App Store
SCAN ME
open in App Store
SmartSAC in Play Store
SCAN ME
open in Play Store