TLD-003-5334
อิลลีสเศรษฐี (ชื่อตัวละคร)
อิลลีสชาดก นิบาตชาดก
อิลลีสเศรษฐีเป็นตัวละครในเรื่องอิลลีสชาดก เอกนิบาต ในนิบาตชาดก
อิลลีสเศรษฐีมีทรัพย์ถึง 80 โกฏิอยู่ในเมืองพาราณสี เป็นผู้ที่ประกอบด้วยบุรุษโทษ คือ เป็นง่อย ตาเอก ไม่ศรัทธาเลื่อมใสสิ่งใด เป็นผู้ตระหนี่มาก แม้ตัวเองก็ไม่บริโภคใช้สอย ไม่เคยแบ่งปันสิ่งของแก่ผู้ใด แต่มารดาของเศรษฐีเป็นผู้ที่นิยมการบริจาคทาน และทำทานอย่างมากต่อเนื่องมาถึง 7 ชั่วสกุล เมื่ออิลลีสเศรษฐีได้ตำแหน่งเศรษฐีก็สั่งให้เผาโรงทาน ยาจกที่มาขอทานก็ให้ทุบตีขับไล่ไป เศรษฐีอยากบริโภคอะไรก็ระงับความอยากไว้เพราะเกรงว่าคนอื่นจะมาร่วมบริโภคด้วย ในที่สุดก็มีร่างกายผอมเหลือง แม้ป่วยก็ยังไม่ยอมรับประทาน เมื่อจะดื่มสุราก็ไปดื่มคนเดียวในป่า ไล่คนอื่นออกไปให้ห่าง
บิดาของเศรษฐีซึ่งวายชนม์ไปแล้ว ชอบทำบุญให้ทาน จึงไปเกิดเป็นพระอินทร์ พระอินทร์พิจารณาว่าทานของพระองค์ยังอยู่หรือไม่ก็เห็นว่าบุตรของตนได้เผาโรงทานเสียแล้ว พระอินทร์จึงนิรมิตตนเป็นง่อย มีตาเอกเหมือนอิลลีสเศรษฐี แล้วไปขอเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตผู้ครองเมืองพาราณสี ทูลว่าตนมีทรัพย์อยู่ 80 โกฏิ ขอให้พระองค์สั่งเจ้าพนักงานไปขนมาเก็บไว้ในท้องพระคลังหลวง พระราชาปฏิเสธ เศรษฐีแปลงจึงทูลขออนุญาตนำทรัพย์นั้นออกให้ทาน พระราชาทรงอนุญาตตามนั้น แล้วอิลลีสเศรษฐีตัวปลอมก็ไปที่บ้านของอิลลีสเศรษฐี เรียกนายประตูมาสั่งว่าถ้ามีชายรูปร่างลักษณะเหมือนตนมาอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้าน ให้ตีและขับไล่ไป แล้วเข้าไปในบ้าน เรียกภรรยาอิลลีสเศรษฐีมาบอกว่าตนจะทำทาน ฝ่ายภรรยา บุตร ธิดา และบริวารทั้งหลายได้ยินก็เข้าใจว่า คงเป็นเพราะอิลลีสเศรษฐีเสพสุราเข้าไปจึงทำให้อยากทำทาน ภรรยาก็สนับสนุนให้ทำทาน พระอินทร์ซึ่งเป็นเศรษฐีแปลงจึงสั่งให้ไปตีกลองป่าวร้องให้ทั่วเมืองว่า ถ้าใครอยากได้ทอง เงิน แก้วมณีมีค่าให้มาเอาที่บ้านเศรษฐี ชาวเมืองก็พากันขนทรัพย์จากคลังของเศรษฐีใส่กระสอบ ใส่ภาชนะที่นำมาจนเต็ม แล้วขนกลับบ้าน ระหว่างทางมหาชนบางกลุ่มขนทรัพย์เดินทางผ่านป่า เห็นอิลลีสเศรษฐีดื่มเหล้าอยู่ก็พากันสรรเสริญให้พรว่าขอให้อิลลีสเศรษฐีมีอายุยืนถึง 100 ปี อิลลีสเศรษฐีได้ยินดังนั้นก็ตกใจ สงสัยว่าพระราชาไปริบทรัพย์ของตนมาแจกประชาชน จึงออกมาจากพุ่มไม้ เห็นคนนำรถและโคของตนไปก็เข้าไปทวงคืน คนทั้งหลายก็ทุบตีและบอกว่าท่านอิลลีสเศรษฐีเป็นผู้ให้มา เมื่อถูกตบตี อิลลีสเศรษฐีก็สร่างเมา รีบกลับไปบ้าน เห็นคนเป็นอันมากมาขนทรัพย์ของตน จึงเข้าไปแย่งคืน ก็ถูกคนเหล่านั้นทุบตี จะเข้าบ้าน นายประตูก็ไล่ตี อิลลีสเศรษฐีจึงไปเฝ้าพระราชาทูลถามสาเหตุที่พระองค์ริบทรัพย์ของตนไปบริจาคทาน พระราชาทรงยืนยันว่าอิลลีสเศรษฐีเป็นคนมาทูลพระองค์เองว่าจะบริจาคทาน ทั้งยังตีกลองประกาศไปทั่วเมืองอีกด้วย อิลลีสเศรษฐียืนยันว่าพระองค์ควรจะทรงทราบว่าตนเป็นคนตระหนี่ ไม่เคยให้อะไรใครแม้แต่น้ำมันจุ่มหญ้าคาเพียง 1 หยดก็ไม่ให้ แล้วทูลขอให้ไต่สวนเรื่องนี้
พระราชาโปรดให้ตามอิลลีสเศรษฐีอีกคนเข้ามา เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ไม่มีใครบอกได้ว่าใครเป็นใคร เพราะทั้งสองคนเหมือนกัน แม้กระทั่งบุตร ภรรยา ก็บอกผิดว่าอิลลีสเศรษฐีตัวปลอมเป็นสามีและบิดาของตน ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นช่างตัดผมของอิลลีสเศรษฐี พระราชาทรงสั่งให้ช่างตัดผมดูศีรษะของคนทั้งสอง อิลลีสเศรษฐีตัวปลอมได้ยินก็เนรมิตต่อมขึ้นบนศีรษะของตน ช่างตัดผมจึงตอบไม่ได้ว่าใครคืออิลลีสเศรษฐี เพราะทั้งสองคนมีต่อมบนศีรษะเหมือนกัน อิลลีสเศรษฐีตัวจริงเสียใจมากเพราะเสียดายทรัพย์ ถึงกับล้มลงหน้าพระที่นั่ง อิลลีสเศรษฐีตัวปลอมจึงเหาะขึ้นไปบนอากาศแล้วทูลพระราชาว่าตนคือพระอินทร์ คนทั้งหลายช่วยกันหาน้ำมาให้อิลลีสเศรษฐีล้างหน้า พระอินทร์กล่าวแก่อิลลีสเศรษฐีว่าทรัพย์ทั้งหลายนั้นไม่ใช่ของเศรษฐี แต่เป็นของพระองค์ผู้เคยเป็นบิดาของเศรษฐีและได้ทำทานมาตลอด แต่อิลลีสเศรษฐีเป็นผู้ตระหนี่ไม่ยอมทำทาน ทั้งยังเผาโรงทานขับไล่ทุบตีผู้มาขอทาน ถ้ายังดื้อถือทิฐิไม่บริจาคทาน พระอินทร์ก็จะบันดาลให้ทรัพย์ของเศรษฐีสูญสิ้น และจะประหารด้วยอาวุธของพระอินทร์ อิลลีสเศรษฐีกลัวตายจึงปฏิญาณว่าต่อไปนี้จะให้ทาน พระอินทร์แสดงธรรมให้อิลลีสเศรษฐีตั้งมั่นอยู่ในศีลแล้วก็เสด็จกลับเทววิมาน อิลลีสเศรษฐีก็ทำบุญและให้ทาน
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
Copyright © 2015 ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย : Thai Literature Directory